บทที่ 2622 กลียุค 3 / บทที่ 2623 ล้างแค้น

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2622 กลียุค 3

“ชู่ว ท่านจอมพลมีแนวทางของเขา ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะสามารถวิจารณ์ส่งเดชได้ ระวังจะถูกหัวหน้าได้ยินเข้า แล้วยิงพวกเราให้พรุนเอา!

“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงหัวหน้าแล้ว เรื่องของเบื้องบนไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะยุ่งได้”

“ใช่แล้ว ฉันขอแค่ได้ปักหลักอยู่บนทวีปซิงเยวี่ยแห่งนี้ก็พอ ไม่อยากจะระหกระเหินไปทั่วอีกแล้ว ฉันอยากมีชีวิตที่สงบสุข”

“ฮ่าๆ เหล่าวัง นี่แกพูดเล่นหรือเปล่า? พวกเราเป็นโจรสลัดอวกาศนะ มีแต่ชีวิตที่ต้องผจญความเหี้ยมหาญนองโลหิต ยังคิดร้องขอชีวิตสงบสุขอยู่อีกเหรอ?”

“แม่มันเถอะ หลายปีมานี้เหนื่อยเกินไปจริงๆ เกิดความคิดอยากถอนตัวแล้ว อันที่จริงฉันคิดถึงดาวเคราะห์ในยุคนั้นของพวกเราเองแล้ว…”

“แกตัดใจซะเถอะ ในยุคสมัยของตัวเองพวกเราล้วนเป็นโจรที่ถูกขึ้นประกาศจับ กลับไปก็คือไปตาย ขึ้นเรือลำนี้มาแล้วก็ต้องติดตามท่านจอมพลให้ดี! ถึงจะได้กินดีอยู่ดี…”

ระหว่างที่หลายคนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ตรงนี้

จู่ๆ ก็มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา

“จะว่าไป ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองพวกเราอยู่กันนะ?”

คนที่เหลือผงะไปเล็กน้อย มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง ไม่เห็นคนนอกอยู่ในเรือลำนี้เลย

บางคนหัวเราะเยาะเขา

“เหล่าหวง เอ็งหลอนไปเองแล้ว!”

เหล่าหวงเกาหัว ไม่พูดจาเป็นอื่นอีก ตั้งใจควบคุมยานบินต่อไป

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ตัวก็คือ กู้ซีจิ่วก็ยืนอยู่หน้าแผงควบคุมด้วย กอดอกมองดูเหล่าหวงคนนั้นกดปุ่มเหล่านั้นบนแผงควบคุม

เธอถอดจิตออกมา คนพวกนี้ไม่มีทางพบเห็นการมีอยู่ของเธอ

เธอมองออกว่ายานบินลำนี้ยังคงบินอยู่เหนือทะเล ระดับความสูงก็ไม่นับว่าสูง เพียงแต่ระดับความเร็วรวดเร็วโดยแท้! พุ่งออกไปดุจกระสุนปืนใหญ่

คนอื่นๆ พูดคุยกันต่อไป ผ่านไปครู่หนึ่ง มีบางคนร้องขึ้นมา

“คันโว้ย!”

อดไม่ได้ที่จะเกา แต่บนตัวสวมชุดเกราะอยู่ เกาไม่โดน เขาจึงถอดออกแล้วเกาเสียเลย

อาการคันนี้คล้ายจะเป็นโรคติดต่อ คนอื่นๆ ก็ร้องว่าคันขึ้นมาตามๆ กัน พากันถอดชุดเกราะบนร่างออกแล้วเกาจุดที่คัน…

เนื้อตัวแต่ละคนล้วนแดงเป็นปื้น คันเข้าไปถึงหัวใจ

พวกเขาเกาอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าจะเป็นอาการแพ้ จึงเอายาแก้แพ้มากิน แต่ก็ไม่สามารถแก้อาการคันคะเยอได้ในชั่วขณะ ทนไม่ไหวจึงช่วยเกาให้กันอยู่ตรงนั้น…

แม้แต่เหล่าหวงที่ขับเรือคนนั้นก็ทนไม่ไหวจนถูไถร่างกายเข้ากับแผงควบคุม

ดวงตาของเขาก็คันคะเยอเช่นกัน ทนไม่ไหวต้องใช้มือขยี้ ตอนที่ปล่อยมือลงมาอีกครั้ง ไม่ทราบเช่นกันว่าไปกดโดนปุ่มควบคุมอันไหนเข้า ได้ยินเพียงเสียงครืน แล้วประตูเรือก็เปิดออก…

มีเสียง

“ตูม…”

แว่วเข้ามา

“ไอ้เหล่าหวงบัดซบ! แกกดตรงไหนน่ะ?! แกโยนแหออกไปแล้ว!”

มีคนร้องด่าด้วยความโกรธ

เหล่าหวงมองลอดหน้าต่างลงไปแวบหนึ่ง พบว่าแหผืนนั้นเปิดออกแล้ว ชาวเงือกทั้งสามตนล้วนกระโจนลงสู่ทะเลแล้ว ฉวยโอกาสว่ายหนีไปไวเหมือนบิน!

พวกมันคงจะตื่นตระหนกกับการหนีเอาชีวิตรอดอย่างยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่สนใจเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สลบอยู่ แล้วตกลงไปพร้อมกัน ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นลอยคว้างอยู่บนผิวทะเล

เหล่าหวงสบถด่าคราหนึ่ง รีบพุ่งลงไปอีกครั้ง ควบคุมตาข่ายยกกู้ซีจิ่วขึ้นมาอีกครั้ง จัดวางไว้ในห้องโดยสารที่ปิดสนิทห้องหนึ่ง

เนื่องจากหัวหน้ากำชับให้พวกเขาส่งตัวเทพศักดิ์สิทธิ์ไปโดยเร็ว ประกอบกับความทรมานจากการที่ร่างกายคันคะเยอ ดังนั้นถึงแม้ชาวเงือกสามตนนั้นจะหนีไปแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจจะไปจับกลับมาอีก รีบเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว

ปากแดงเรื่อของกู้ซีจิ่วหยักขึ้นนิดๆ เธอวางยาพิษพวกเขาแน่นอน ซ้ำยังฉวยโอกาสเพียงเสี้ยววินาทีที่เหล่าหวงขยี้ตา กดปุ่มนั้นลงไปด้วย ปล่อยชาวเงือกทั้งสามไป กันไม่ให้ความเคลื่อนไหวในขั้นต่อไปของเธอจะทำให้พวกมันลำบากไปด้วย

ผลลัพธ์จากการถอดจิตครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก ทำให้เธอได้ยินข้อมูลมากมายนัก…

รู้ฐานะที่แท้จริงของพวกเขาเหล่านี้แล้ว รู้ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขาก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว…

————————————————————————————-

บทที่ 2623 ล้างแค้น

รู้ฐานะที่แท้จริงของพวกเขาเหล่านี้แล้ว รู้ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขาก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว และรู้สถานการณ์ของผู้คนฝ่ายตนเหล่านั้นแล้ว

ค่อยยังชั่ว ไม่ได้ถูกทำลายล้างกันไปหมด คิดว่าพวกมู่เฟิงจะต้องรวมพลต่อต้านเป็นแน่…

เธอต้องไปหาพวกเขา ไปรวมตัวกับพวกเขา

แต่ก่อนหน้านั้น เธอค่อนข้างสนใจใคร่รู้ในตัวของจอมพลคนนั้น ต้องไปดูสักหน่อย

และการถูกจับกุมก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับการเข้าพบเจ้าหน้าที่อย่างพวกเขา…

ยานบินลำนี้พอปลดปล่อยความเร็วแล้ว จะเร็วเป็นร้อยเท่าของความเร็วเสียง กล่าวว่ารวดเร็วดุจสายฟ้าแลบก็ไม่เกินจริง

เหาะอยู่เช่นนี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ด้านหน้าก็ปรากฏเมืองหนึ่งขึ้นมาแล้ว

กู้ซีจิ่วหรี่ตานิดๆ สายตาเธอยอดเยี่ยม จำได้ว่าเมืองนี้เคยเป็นเมืองกำลังพลสำคัญแห่งหนึ่งของอาณาจักรเฟยซิง นามว่าเมืองซิงเย้า

มือของกู้ซีจิ่วค่อยๆ กำแน่น

เมืองซิงเย้าที่เคยรุ่งเรืองในอดีตตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ที่เดินเหินอยู่บนท้องถนนมิใช่ประชาชน แต่เป็นทหารที่เหิมเกริมและเหี้ยมโหด ในอ้อมแขนของพวกเขาล้วนโอบสตรีชาวทวีปซิงเยวี่ยไว้ แทะโลมลูบไล้อยู่บนท้องถนนอย่างไร้ยางอาย เป็นฉากที่ไม่น่าดูชมเลย

สตรีนางหนึ่งทนไม่ไหวขัดขืนขึ้นมา ชายมีเคราที่โอบกอดนางไว้ร้องด่าทอคราหนึ่ง เงื้อเท้าเตะหญิงสาวจนปลิวออกไป หญิงสาวยังไม่ทันได้ลุกขึ้นก็วิ่งเข้าไปอีกครั้ง เท้าใหญ่ที่สวมบูททหารอยู่เหยียบลงบนมือของหญิงสาว

หญิงสาวร้องโหยหวนออกมา…

สองข้างถนนมีเหล่าบุรุษกำลังใช้แรงงานกันอยู่ ก่อบ้านสร้างเรือน แต่ละคนหน้าเหลืองผอมซูบ บนร่างของคนมากมายมีบาดแผลอยู่ ชุดที่สวมก็ขาดวิ่น บนข้อเท้าสวมตรวนเอาไว้ เคลื่อนไหวได้ลำบากเปลืองแรง

มองเห็นสตรีของเผ่าพันธุ์ตนถูกข่มเหง บุรุษเหล่านี้มีนัยน์ตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ชายเลือดร้อนคนหนึ่งทนไม่ได้ซัดฝ่ามือเข้าใส่

“ไอ้ชาติชั่ว! ปล่อยนางซะ!”

ทักษะของเขาไม่อ่อนด้อยเลย ประมาณพลังวิญญาณขั้นสาม ลูกแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ชายมีเคราคนนั้น!

ชายมีเคราคนนั้นหัวเราะหยันคราหนึ่ง ไม่หลบเลี่ยงเลย ยามที่ลูกแสงเข้าปะทะร่างชายมีเคราก็เกิดเสียงดังชี่แล้วดับวอดไป แม้แต่ประกายไฟเล็กๆ ก็ไม่มีปะทุออกมา

“คนชั้นต่ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าโจมตีท่านแม่ทัพ!”

ไม่ทราบว่าผู้คุมที่อยู่ด้านข้างกดอะไรเข้า ตรวนบนข้อเท้าของบุรุษเลือดร้อนคนนั้นมีกระแสไฟฟ้าวาบออกมา ชายเลือดร้อนทรุดลงบนพื้นเสียงดังตึง กลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นเสมือนบ้าคลั่ง ในอากาศมีเนื้อไหม้คละคลุ้ง ไม่น่าเชื่อว่าในระยะเวลาชั่วครู่นี้สองขาของเขาจะไหม้เกรียมไปแล้ว…

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะต้องกลับมาแน่! มาล้างแค้นให้พวกเรา!”

ชายคนนั้นตะโกนเสียงกร้าวด้วยความโกรธ เขาคงรู้ดีว่าตัวเองไม่รอดแล้ว จึงระบายทุกสิ่งออกมา

“เดรัจฉานอย่างพวกเจ้าจะต้องได้รับผลกรรม! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่มีทางละเว้นพวกเจ้า!”

เขาตะเบ็งเสียงเสียดแหลมแหบพร่า ราวกับอาบย้อมด้วยเลือดและน้ำตา

“ฮ่าๆๆ เทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกแกเป็นตัวอะไรกัน? ไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนตั้งนานแล้ว! ถ้าหล่อนกล้าโผล่มาผู้เฒ่าก็จะอึ้บหล่อนตรงนั้นเลย ให้หล่อนร้องหาพ่อ…”

ชายมีเคราหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน

เพียงแต่เขาเอ่ยประโยคนี้ยังไม่ทันจบ ยานบินลำหนึ่งที่เดิมทีบินอยู่บนอากาศก็พุ่งดิ่งลงมาในทันใด…

ท่ามกลางเสียงร้องอุทาน กลุ่มของชายมีเคราก็ถูกยานรบลำนั้นชนเข้าอย่างจัง!

ถึงแม้พวกชายมีเคราจะสวมชุดเกราะเอาไว้ แต่ถูกชนเข้าจังๆ แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่รอดแน่นอน…

ชายมีเคราถูกปลายยอดแหลมคมของยานรบเสียบทะลุทั้งเป็น สิ้นลมไปในพริบตา

พรรคพวกของเขาที่ตายก็ตาย ที่เจ็บก็เจ็บ เสียงร้องโหยหวนดังระงม

ส่วนสตรีเหล่านั้น ตอนที่ยานรบพุ่งเข้ามาทหารพวกนั้นก็โยนผู้หญิงออกไปตามสัญชาตญาณ หันหลังวิ่งหนี…

แต่ยานรบลำนั้นเสมือนมีตางอกออกมาก็มิปาน พุ่งชนพวกทหารที่แตกฮือกันไปโดยเฉพาะ สตรีเหล่านั้นกลับไม่บุบสลายเลยสักนิด เพียงแต่ยืนตัวสั่นขวัญผวาอยู่ข้างถนน