ตอนที่ 1084

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ความแข็งแกร่งของจักรวรรดิไม่สามารถมาจากคนไม่กี่คนได้

หลิงฮัน จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆต่างก็มีความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะหลิงฮัน เขามีหน้าที่หาตำหนักมัจฉาวายุภักษ์และดินแดนของห้านิกายโบราณ พวกเขาจะอยู่ในดาวเหอหนิงตลอดไปได้อย่างไร?

ดังนั้น พวกเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฝึกฝนผู้สืบทอด เนื่องจากพวกเขาเป็นคนที่พาทวีปฮงเทียนมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรับผิดชอบอนาคตของจักรวรรดิต้าหลิง

ด้วยความช่วยเหลือสุดความสามารถของหลิงฮัน ทำให้ทุกคนมีความก้าวหน้ามาก

คนที่หลิงฮันคาดหวังเอาไว้มากที่สุดคือ เชิงจงเฉิน ซวนหยวนจื่อกวาง เหวินอีเจี้ยน ซึ่งพวกเขามีพรสวรรค์ด้านวรยุทธที่น่าทึ่ง ซึ่งซวนหยวนจื่อกวงเป็นคนแรกที่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะแข่งขันกับหลิงฮันอีกแล้ว สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดคือฝึกฝนให้หนักและทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำให้จักวรรดิต้าหลิงกลายเป็นหนึ่งในจักวรรดิที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แล้วหลิงฮันเองก็ไม่ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเลวร้าย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีความสุขที่มีหลิงฮันคอยชี้แนะ

แม้พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฎ แต่พวกเขาก็สามารถพึ่งพาปัจจัยอื่นได้ แต่การที่พวกเขาจะทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าคงต้องใช้เวลานานหน่อย อย่างน้อยหลายร้อยปี เพราะภูมิหลังของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอะไร

ชางเย่ กวางหยวน จูหวู่จิว หยวนเฉิงเหอ และคนอื่นๆ เพราะพวกเขาเป็นสหายของหลิงฮัน จึงเป็นธรรมดาที่สภาพแวดล้อมการฝึกฝนบ่มเพาะพลังจะดีกว่า และพวกเขายังสามารถฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฏได้ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ด้านวรยุทธของกว่างหยวนและจูหวู่จิวจะไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างที่กล่าวเอาไว้ การฝึกฝนบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฎ แม้แต่หมูโง่ก็ยังสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าได้ – มิใช่ว่าพวกเขามีค่ามากกว่าหมูหรอกหรือ?

สมาคมนักปรุงยาได้กลายเป็นกองกำลังรองของจักรวรรดิต้าหลิงมานานแล้ว ซึ่งหลิงฮันได้ถ่ายทอดประสบการณ์และให้คำแนะนำแก่พวกเขา เขาเชื่อว่าตราบใดที่นักปรุงยาเหล่านั้นเติบโตขึ้น จักรวรรดิราชวงศ์ต้าหลิงก็จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นไปอีกแทนที่จะพึ่งพาเขาเพียงคนเดียว

สาวงามอย่างหลินเซียงฉินและเหวินเหรินฉีรู้สึกมีความสุขและโศกเศร้าในเวลาเดียวกัน ทั้งที่พวกนางเคยมีโอกาสที่จะพิชิตใจหลิงฮัน แต่น่าเสียดายที่พวกนางทำไม่สำเร็จ

ตอนนี้พวกนางทำได้แค่เงยหน้ามองเขาเท่านั้น

อีกหนึ่งเดือนต่อมา หลิงฮันจะกลับไปที่สำนักนภาสีชาด

ในตอนที่เขาออกเดินทางออกมาจากจักรวรรดิราชศ์ดาราหายนะ เขาไม่ได้รายงานให้ทางสำนักทราบว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหน มิฉะนั้นถ้าข่าวหลุดออกไป เขาก็อาจถูกสมาคมราตรีนิรันดร์ ซาหยวนและจ้าวหลุนส่งจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามาฆ่าก็เป็นได้ และนั่นจะทำให้เขาเดือดร้อนมาก

แต่ถ้าเวลาผ่านไปนานแล้วยังไม่กลับ ด้วยอิทธิพลอำนาจของกองกำลังเหล่านั้น พวกเขาอาจจะหาที่อยู่ของเขาได้ก็เป็นได้

ด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิต้าหลิงจะยับยั้งจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้อย่างไร?

ดังนั้น หลิงฮันจึงตัดสินใจกลับไปที่สำนักนภาสีชาดโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้จักรวรรดิต้าหลิงยังอ่อนแอมาก แต่หลิงฮันได้มีความขัดแย้งกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากเกินไป

ด้วยเหตุนี้ พี่ชายทั้งสามคนจึงพูดหยอกล้อกับหลิงฮันว่า “น้องสี่ แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ แต่ดูเหมือนว่าเหล่าผู้คนที่เจ้ามีความขัดแย้งด้วยจะแข็งแกร่งกว่าตัวเจ้าซะอีก! ทั้งที่เจ้าเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี แต่อย่างน้อยก็ยังมีจอมยุทธระดับดาราที่สามารถสังหารเจ้าได้อยู่”

เมื่อได้ยินพี่ชายทั้งสามคนพูดเช่นั้น หลิงฮันจึงตอบกลับไปว่า “นั่นหมายความว่าข้าดีเกินไป!”

หลิงฮันมอบหน้าที่ที่เหลือให้เยว่เจิงซ่านเป็นคนจัดการ ภายใต้การสนับสนุนจากพลังแห่งจักรภพ ทำให้เยว่เจิงซ่านทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ตัวตนอย่างเขาก็ยังถือว่าค่อนข้างทรงพลังในจักรวรรดิต้าหลิง อย่างน้อยด้วยการสนับสนุนจากพลังแห่งจักรภพ มันก็ทำให้เขามีพลังต่อสู้มากถึงสิบห้าดาว

หลิงฮันรวบรวมคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ แล้วมุ่งหน้ากลับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ด้วยพาหนะแหวกเมฆา สิบวันต่อมา หลิงฮันก็ลงจอดนอกเมืองและพาทุกคนออกมาจากหอคอยทมิฬ แล้วเดินไปที่ประตูเมือง

เนื่องจากต่อไปนี้พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกใช้วิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย

หลังจากลงทะเบียนยืนยันตันตนและจ่ายค่าธรรมเนียมเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เดินเข้าไปในเมือง

จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆตั้งรกรากอยู่ในร้านขายโอสถของหลิงฮันชั่วคราว จากนั้นหลิงฮันก็จะใช้อิทธิพลและความสัมพันธ์ของเขาเพื่อพาจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด

– ตอนนี้เขาพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เป็นไปได้ที่จะทำเช่นนั้น

แม้ว่าจะไม่ได้ทำตามกฏของสำนัก แต่ด้วยความสามารถของจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆแล้ว ไม่ใช่ว่าทั้งพวกเขาและสำนักนภาสีชาดได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ?

แต่ในตอนนั้นเองเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

นิกายสวรรค์เยือกแข็งกำลังเปิดรับสมัครศิษย์!

นิกายสวรรค์เยือกแข็งเป็นขุมพลังแบบไหนกันถึงสามารถดึงดูดรุ่นเยาว์ทั้งเมืองและนำไปสู่ความโกลาหลได้?

หลิงฮันเดินหาข้อมูลอยู่สักพัก สิ่งเดียวที่เขาทราบคือการสอบเข้านิกายสวรรค์เยือกแข็งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ดวงดาวขนาดใหญ่มากกว่าหนึ่งร้อยดวงอย่างดาวเหอหนิง ดาวเฟยหยุน และดาวกวางหลงที่อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ระดับความแข็งแกร่งของจอมยุทธในดวงดาวขนาดใหญ่เหล่านั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แค่เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ได้รับความเคารพนับถือแล้ว แต่ทว่าสำหรับดาวเฟยหยุนต้องเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เท่านั้นถึงจะได้รับความเคารพนับถือจากทุกคน

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รักชื่อเสียงและความมั่งคั่ง จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่รู้จักกันในนามว่าปรมาจารย์สามวิถีที่กล่าวกันว่าเขาเคยต่อสู้กับสองดาว จนกระทั่งเขากลับมาเมื่อหลายหมื่นปีก่อน และก่อตั้งนิกายสวรรค์เยือกแข็งแทนที่จะก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์ โดยมีเป้าหมายคือรวบรวมศิษย์ที่แข็งแกร่งและมากพรสวรรค์เพื่อต่อกรกับดินแดนใต้พิภพ

ถึงแม้ว่าปรมาจารย์สามวิถีจะเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่เขาไม่มีความทะเยอทะยานที่จะต่อสู้เพื่ออำนาจ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีทูตจากนิกายสวรรค์เยือกแข็งคนหนึ่งได้ส่งสารไปให้กับจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่ง โดยกล่าวว่านิกายสวรรค์เยือกแข็งกำลังจะเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ ในเวลานั้นนิกายสวรรค์เยือกแข็งจะส่งคนมาเพื่อตรวจสอบ หากผ่านการประเมินพื้นฐานก็จะกลายเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง

เวลารับสมัครศิษย์คืออีกหนึ่งเดือน

หลังจากที่หลิงฮันทราบข่าวพวกนั้น เขาล้มเลิกความคิดที่จะพาพี่ชายทั้งสามคนของเขาเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด

มันจะดีกว่าไหมถ้าให้พวกเขาเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็ง?

เขาบอกเรื่องพวกนั้นให้กับพี่ชายทั้งสามคนและคนอื่นๆฟัง แล้วพวกเขาทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดของหลิงฮัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ชิงชิงน้อย คนอย่างเจ้าคงไม่มีความสามารถเข้าร่วมกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งหรอก!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนพูดล้อเลียนมู่หลงชิงด้วยความขบขัน

มู่หลงชิงเค้นเสียงและพูดว่า “อย่าได้ลืม ข้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแต่ก็มีพลังต่อสู้สิบเจ็ดดาวแล้ว แล้วทางเจ้าล่ะ?”

“โอ้ว!” เฮ่อเหลียนเทียนหยุนทำเป็นตกใจและพูดว่า “ข้ามีสายเลือดของบรรพบุรุษ ซึ่งทำให้ข้าสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าได้โดยตรง ถ้าเจ้าให้เวลาข้าฝึกฝนบ่มเพาะพลังสักสองสามปี อย่าว่าแต่พลังต่อสู้สิบเจ็ดดาวเลย แม้แต่ยี่สิบดาวก็ยังเป็นไปได้!”

หลิงฮันกวาดสายตามองขณะคิด พี่ชายทั้งสามคนของเขากับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนและติงผิงแล้ว สหายที่เหลือของเขาอย่างลูกพี่ลูกนอกเย่วไค่หยู่ กว่างหยวน ชางเย่ หยวนเฉิงเหอและจูหวู่จิว ส่วนอสูรศิลาถูกทิ้งให้ดูแลความปลอดภัยของจักรวรรดิต้าหลิง

การเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด นอกจากกว่างหยวนและจูหวู่จิวแล้ว คนอื่นสามารถเข้าสำนักได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นนิกายสวรรค์เยือกแข็งผลลัพธ์จะลงเอ่ยเช่นไรเขาไม่อาจทราบได้

การทดสอบเข้าร่วมนิกายจะยากแค่ไหน?

หลิงฮันเชื่อว่าเขากับจักรพรรดิพิรุณคงไม่มีปัญหาที่จะเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่ถ้าพวกเขาไม่มีคุณสมบัตินิกายสวรรค์เยือกแข็ง นั่นหมายความว่าคนที่พวกเขาต้องการไม่ใช่อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แต่เป็นสัตว์ประหลาด!

ถ้าเข้าสามารถเข้านิกายสวรรค์เยือกแข็งได้ก็เข้า แต่ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะเข้าร่วมสำนักนภาสีชาดแทนจะคิดให้ปวดหัวไปทำไม?

หลิงฮันกลับไปที่สำนักนภาสีชาดเพื่อไปขอคำแนะนำกับเฒ่าหม่า อีกฝ่ายน่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งมากกว่าคนอื่น

“ศิษย์พี่หลิง! ศิษย์พี่หลิง!” ในขณะนั้นมีศิษย์คนหนึ่งตะโกนเรียกหลิงฮัน