กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1226
หลังจากลงจากรถแล้ว ชาร์ลีก็ยืนมองจัสมินขับรถออกไป จากนั้นก็ยืนอยู่อย่างนั้นอีกกว่าสิบวินาที ก่อนจะหันหลังกลับ แล้วเดินผ่านประตูธอมป์สัน เฟิร์สเข้าไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน แคลร์ได้อาบน้ำตอนกลางคืนเสร็จแล้ว และกำลังเอนกายนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
เธอยิ้มเมื่อเห็นชาร์ลี แล้วถามว่า “งานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนของคุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
ชารืลีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจ “อ้อ งานเลี้ยงก็ดีครับ…”
แคลร์ไม่รู้ว่านั่นคืองานเลี้ยงวันเกิดของจัสมิน เนื่องจากชาร์ลีไม่ได้บอกเธอเพราะกลัวแคลร์จะคิดมาก
ในทางกลับกัน แคลร์ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ในตัวชาร์ลี แต่กลับวางหนังสือลง มองไปที่ชาร์ลี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอาย ๆ ว่า “ที่รักคะ ฉันอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยได้ไหมคะ?”
ชาร์ลีพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองกับผมก็ได้ที่รัก ผมทำทุกอย่างให้คุณได้ บอกผมมาได้เลย”
แคลร์พูดว่า “เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของฉันกำลังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ วันนี้เธอแวะเอาการ์ดเชิญมาให้ที่ออฟฟิศ คุณไปกับฉันได้ไหมคะ?”
ชาร์ลียิ้ม “ได้แน่นอน เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายครับ?”
“ผู้หญิงค่ะ” แคลร์ตอบ “เรานั่งใกล้กันตอนที่เรียนอยู่ปีสุดท้าย”
ชาร์ลีพยักหน้าแล้วพูดว่า “อ้อ ถ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับคุณ เราไม่ไปไม่ได้แล้วล่ะ!”
แคลร์ขยับนิ้วอย่างกระวนกระวายใจ แล้วพูดว่า “ที่รักคะ ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากขอความช่วยเหลือ…”
ชาร์ลีตอบว่า “บอกผมมาได้เลยครับ”
แคลร์ทำเสียงกระแอมกระไอ แล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เพื่อนของฉันคนนี้มีชีวิตที่ค่อนข้างขมขื่น ครอบครัวของเธอชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว พ่อแม่จึงไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไหร่ จริง ๆ แล้วเธอท้องค่ะ ถึงได้รีบแต่งงาน แล้วครอบครัวแฟนเธอก็ดูถูกเธอด้วย ตอนที่เธอมาที่ออฟฟิศของฉันวันนี้ เธออ้อนวอนขอยืมรถ บีเอ็มดับเบิลยู ไปเป็นรถนำขบวนส่งตัวเจ้าสาว เธอคงคิดว่ารถ บีเอ็มดับเบิลยู เป็นรถที่หรูหรามาก แต่อย่างที่คุณรู้นั่นแหละค่ะ รถนำขบวนในปัจจุบันต้องมีราคาอย่างต่ำ ๆ หนึ่งล้านดอลลาร์ รถ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ยังมีราคาไม่สูงตามมาตรฐาน ฉันก็เลยอยากให้คุณไปขอยืมรถหรูสองคันจากคุณไวท์และคุณควินตัน เพื่อทำเป็นรถนำขบวน…”
ชาร์ลีตกใจ เขาถามด้วยน้ำเสียงที่งุนงงสับสนว่า “ผมยืมรถสองคันนั้นได้แน่นอน ไม่มีปัญหาครับ ผมไม่ได้ขับรถสองคันนั้นนับตั้งแต่งานแสดงรถยนต์ครั้งนั้น แต่ที่รักครับ ผมเคยได้ยินแต่ขบวนรถรับเจ้าสาว ไม่เคยได้ยินว่ามีขบวนรถส่งเจ้าสาวเลย มีข้อบังคับที่ไร้สาระแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”
แคลร์ตอบว่า “เพื่อนของฉันอยู่หอในสมัยเรียนมัธยม และเธอเป็นคนบ้านนอกแถบชานเมืองโอลรัส ฮิลล์ ใช่แล้วค่ะ ตามประเพณีนั้นเจ้าบ่าวควรจะต้องส่งขบวนรถไปรับเจ้าสาว แต่ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวดูถูกเหยียดหยามเธอ เลยจงใจร้องขออย่างน่าเกลียดมาก โดยบอกว่า พวกเขาจะไม่ไปรับเจ้าสาวในระหว่างพิธีแต่งงาน แต่ขอให้ญาติฝ่ายเจ้าสาวเดินทางไปที่โรงแรมเอง นั่นคือเหตุผล…”
ชาร์ลีขมวดคิ้ว “นี่ฟังดูไม่เข้าท่าเลย! เธอตั้งท้องลูกของเขาอยู่แท้ ๆ แล้วทำไมถึงปฏิบัติต่อเจ้าสาวแบบนี้? ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวทำเกินไปแล้ว”
แคลร์ถอนหายใจ “ใช่แล้วค่ะ เธอน่าสงสารและน่าเวทนามาก ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวดูถูกเหยียดหยามเธอ พวกเขาเลยไม่ยอมให้ค่าสินสอดกับเธอ ไม่ให้แม้แต่เพนนีเดียว ซึ่งครอบครัวของเธอได้คาดหวังที่จะนำเงินค่าสินสอดบางส่วนไปซื้อบ้านให้กับพี่ชายของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เงินจากฝ่ายเจ้าบ่าวเลย ครอบครัวเธอเลยคัดค้านการแต่งงาน แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนของฉันก็ยังยืนยันที่จะเดินหน้าในการทำพิธีแต่งงานต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งครอบครัวเธอและครอบครัวเจ้าบ่าวต่างก็เกลียดชังเธอ ช่างน่าเศร้าใจจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้”
เมื่อมาถึงจุดนี้ แคลร์ได้กอดแขนเขาไว้ เขย่าแขนอย่างอาย ๆ แล้วอ้อนวอนว่า “ฉันรู้ว่าคุณเป็นสามีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และชอบทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจ แต่ฉันอยากขอร้องให้คุณช่วยเพื่อนฉันหน่อย ช่วยให้เธอยืมรถไปใช้ในวันแต่งงานได้ไหมคะ? ฉันอยากให้เธอมีชื่อเสียงในวันแต่งงาน ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวจะได้ไม่กลั่นแกล้งเธอหลังแต่งงาน นะคะที่รัก…”
ชาร์ลียิ้มกว้างกับท่าทีออดอ้อนของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความรัก “เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของคุณ รถคันเดียวคงไม่พอ ต้องใช้ทั้งสองคันเลย ในวันนั้นผมจะขับหนึ่งคัน แล้วคุณก็ขับอีกคันหนึ่ง แล้วให้เพื่อนคุณนั่งคันเดียวกับคุณ คุณว่ายังไง? แบบนี้ทำให้คุณพอใจได้ไหม?”
แคลร์กรี๊ดลั่นบ้านด้วยความเบิกบานใจ เธอสวมกอดเขาแล้วจูจุ๊บที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ อย่างมีความสุข “ใช่แล้วค่ะ ฉันมีความสุข มีความสุขมาก! คุณเป็นสามีที่ดีที่สุดในโลก!”
ดวงตาของชาร์ลีเบิกกว้างด้วยความแปลกใจและไม่เชื่อว่าเป็นจริง
เกิดอะไรขึ้นกับเขาในวันนี้? เขามีโชคหล่นทับหรืออย่างไร?