บทที่ 2626 ล้างแค้น 4 / บทที่ 2627 การกลับมาของเทพศักดิ์สิทธิ์

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2626 ล้างแค้น 4

ตอนนั้นเขาเคยเห็นกู้ซีจิ่วที่ ‘สลบไสล’ อยู่ จากหน้าจอของลูกน้องใต้บังคับบัญชา แต่ถึงอย่างไรตอนนั้นเธอก็หลับตาอยู่ ซ้ำเรือนผมยังบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง เขาก็มองเห็นใบหน้าทั้งหมดของอีกฝ่ายไม่ชัดเช่นกัน เพียงรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายสวยมาก

แต่ตอนนี้ได้เห็นแบบตัวเป็นๆ แล้ว ถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ได้เห็นความงามเพียงหนึ่งในร้อยของเธอเท่านั้น…

ตอนที่สายตาเธอกวาดมองเข้ามา หัวใจของเขาเต้นรัวทันที ปากคอแห้งผาก มองอีกฝ่ายอย่างตะลึงงัน พูดไม่ออกชั่วขณะ

“ไยจะมิใช่ข้าเล่า?”

กู้ซีจิ่วหยักมุมปากนิดๆ ทอรอยยิ้มบางๆ ออกมา

รอยยิ้มงดงามนี้น่าตื่นตะลึงนัก แต่ถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมากลับทำให้คนสะท้านทรวง

“กล้ามาข่มเหงราษฎรของผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้า ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมด!”

เพิ่งจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา ร่างของเธอก็เคลื่อนย้ายไปอยู่หน้าแผงควบคุมแล้ว นิ้วมือดุจบรรเลงพิณ กวาดพรมลงไปบนปุ่มควบคุมที่แน่นขนัดดุจหมู่ดาว…

ด้วยเหตุนี้ ผู้พันจึงได้เห็นฉากที่ทำให้เขาแทบคลั่งไปทันที ปืนใหญ่ทั้งหมดของยานรบบัญชาการลำนี้ล้วนโผล่ออกมาแล้ว ปืนหลายกระบอกปล่อยกระสุนออกไป ยิงเข้าใส่เรือรบลำน้อยของลูกน้องใต้บัญชาของเขา…

“ตูม!”

“ตูม!”

“ตูม!”

เสียงปืนใหญ่แต่ละสายดุจมัจจุราชคร่าชีวิต ท่ามกลางแสงสีขาวที่สว่างวาบ ยานรบขนาดเล็กหลายลำถูกโจมตี ระเบิดกระจายกลางอากาศทันที

“ท่านครับ! เกิดเรื่องอะไร?!”

“ท่านครับ! ขอคำอธิบายด้วย!”

“ท่านครับ เกิดอะไรขึ้น?”

“ท่านครับ…”

ทหารในยานรบลำอื่นที่ยังรอดชีวิตตระหนกแล้ว พากันวิทยุเข้ามาสอบถาม แต่คำตอบที่พวกเขาได้รับคือกระบอกปืนใหญ่ที่เริ่มหันไปทางพวกเขา…

“หยุดนะ! หยุดมือซะ! บัดซบแกหยุดมือให้ผู้เฒ่าซะ!”

ผู้พันตระหนกแล้ว

และไม่สนใจจะถามเลยว่าอีกฝ่ายหนีรอดหนีออกมาจากยานเล็กลำนั้นได้อย่างไรกันแน่ คิดแต่ชิงสิทธิ์ในการควบคุมกลับมา

เขาพลันตวัดข้อมือ นาฬิกาข้อมือที่สวมอยู่บนข้อมือของเขากลายเป็นปืนสีเงินยวงกระบอกหนึ่งทันที ปากกระบอกปืนจ่อไปที่กู้ซีจิ่ว

“ถ้าแกยังไม่หยุดอีกฉันจะยิงแก!”

ส่วนผู้ช่วยของเขาก็พุ่งเข้าไป หมายจะกระแทกกู้ซีจิ่วออกไป

กู้ซีจิ่วยิ้มเยียบเย็นแวบหนึ่ง พลันโบกมือ คลื่นแสงสีขาวสายหนึ่งวาบขึ้นมา กลายเป็นโดมโปร่งใสอยู่ด้านหน้าเธอ

ผู้ช่วยคนนั้นไม่ทันตั้งตัว กระแทกเข้าใส่อย่างจัง ชนจนหน้าผากปูดโนออกมา ตาลายจนเห็นดาว

ส่วนกู้ซีจิ่วก็ฉวยโอกาสนี้ควบคุมปืนใหญ่ให้ระเบิดยานรบขนาดเล็กลำหนึ่งอีกครั้ง มองเศษซากยานที่ปลิวว่อนปานหิมะ กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ

“ปืนใหญ่นี้ไม่เลวเลย หนึ่งนัดก็ระเบิดได้หนึ่งลำ เจ้าเดาสิ นัดต่อไปผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าจะยิงลำไหน?”

ผู้พันแทบคลั่งแล้ว!

บนยานรบขนาดเล็กเหล่านั้นล้วนเป็นนายทหารชั้นยอดของเขา ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวบรวมมาได้ ตอนนี้กลับถูกคนยิงปืนใหญ่ระเบิดจนกระจุยกระจายไปทีละนัดๆ ที่ทำให้เขาแทบคลั่งยิ่งกว่าคือ กระสุนปืนใหญ่เหล่านี้มาจากยานรบบัญชาการลำนี้ของตน!

เขาภาคภูมิในประสิทธิภาพด้านการรบของยานบัญชาการลำนี้ของตนเสมอมา ทว่ายามนี้กลับอยากจะระเบิดยานลำนี้ให้หายไปใจจะขาดแล้ว!

เขาไม่สนใจจะรักหยกถนอมบุปผาอีกต่อไปแล้ว เหนี่ยวไกยิงกู้ซีจิ่วอย่างบ้าคลั่ง…

แต่เลเซอร์ที่ยิงออกไปไม่ถูกตัวคนเลย ทั้งหมดล้วนโดนเขตแดนล่องหนสะท้อนกลับมา!

หยาดเหงื่อเย็นเฉียบหยดติ๋งๆ จากหน้าผากเขา ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าพลังยุทธ์ของเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้แตกต่างจากคนอื่นๆ ในโลกนี้อย่างสิ้นเชิง!

คนๆ นี้คือเทพ! เป็นตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกินได้ พลังวิญญาณล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งได้ วิทยายุทธ์ก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อ เกินกว่าขอบเขตความรู้ของเขา…

เขาตระหนกระคนโกรธเกรี้ยว เขาคิดจะสู้ตาย พุ่งเข้าใส่…

เขาลองใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ล้วนไม่เป็นผลทั้งสิ้น ทำได้เพียงเบิกตามองผู้หญิงคนนั้นควบคุมปืนใหญ่ ระเบิดแยกส่วนยานรบขนาดเล็กที่เริ่มบินหนีเอาชีวิตรอดแล้ว…

….

————————————————————————————-

บทที่ 2627 การกลับมาของเทพศักดิ์สิทธิ์

ชาวเมืองซิงเย้าแต่ละคนต่างยืดคอยาว มองดูเรื่องหนึ่งที่ทำให้พวกแปลกใจและเบิกบานอย่างไร้ใดเทียม

ยานรบขนาดมหึมาลำนั้นที่ควบคุมโดยไอ้ผู้พันชั่ว กำลังไล่ล่าผู้ติดตามเหล่านั้นของมัน ยานรบขนาดเล็กถูกระเบิดแหลกเป็นเถ้าธุลีกลางอากาศไปทีละลำ

หรับชาวเมืองซิงเย้าแล้ว ยานรบลำเล็กพวกนี้ก็คือมารชั่วที่บีบต้อนให้พวกเขาตกนรก มันไม่เพียงแต่ทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา เข่นฆ่าญาติมิตรของพวกเขาเท่านั้น ยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำลายล้างได้ด้วย เมื่อถูกมันจับจ้อง นั่นคือต้องตายอย่างไร้ร่างฝังกลบ!

และยานบัญชาการลำนั้นก็ยิ่งเป็นมารร้ายในหมู่มารชั่ว เด็กสาวชาวเมืองซิงเย้าที่งดงามปานดอกสาลี่ถูกจับส่งขึ้นไปที่นั่นไม่รู้มากน้อยเพียงใดแล้ว จากนั้นก็ไม่เคยได้กลับมาอีก

มีเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ถูกผู้พันคนนั้นโยนลงมา บาดแผลสะบักสะบอมไปทั่วร่าง ฟั่นเฟือนไปแล้ว เอาแต่พูดอยู่สองคำว่า ‘ช่วยด้วย!’ กลับไปกลับมาซ้ำๆ นางถูกโยนลงมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็สิ้นใจไป

มีบางคนเคยตรวจสอบบาดแผลนางดู บนร่างฟกช้ำดำเขียว หาส่วนดีไม่พบเลย และบริเวณนั้นของนางก็ฉีกขาด น่าเวทนาอย่างยิ่ง!

หากว่าทหารเหล่านั้นคือมารชั่ว เช่นนั้นผู้พันคนนั้นก็คือมารร้ายในหมู่มารชั่ว!

ชาวเมืองซิงเย้าเกลียดชังเขาจนกัดฟันกรอดๆ ปรารถนายิ่งนักว่าสักวันจะได้จับกุมเขานำตัวเขาไปโยงเสาแล้วเผาทั้งเป็น!

ตอนนี้ได้เห็นพวกมันวอดวาย ในใจของประชาชนจึงเบิกบานเป็นพิเศษ!

เพียงแต่ พวกเขาก็ยังฉงนอยู่ เมื่อก่อนยานใหญ่ลำนั้นจะพายานรบลำเล็กกลุ่มนั้นมาอวดศักดาอยู่เสมอ ทำไมครั้งนี้ถึงลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเองล่ะ?

ชาวเมืองชมดูอย่างเป็นสุข แต่นายทหารเหล่านั้นที่คอยคุมประพฤติพวกเขา สีหน้าของแต่ละคนกลับแปรเปลี่ยนไปมหาศาล ตื่นตระหนกสิ้นหวัง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา พยายามติดต่อหาท่านผู้พันของพวกเขาอย่างสุดชีวิต ทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้เลย…

ภายในยานบัญชาการ ผู้พันคนนั้นหน้าเหลืองปานดินแล้ว

ยานเล็กเหล่านั้นที่เมื่อก่อนเคยห้อมล้อมมันอยู่ตลอดหายไปหมดแล้ว กลางอากาศเหลือเพียงยานบัญชาการที่ไร้ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาลำนี้เท่านั้น…

เขาย่อมปวดใจและโกรธเกรี้ยวเป็นธรรมดา เพียงแต่ ตอนนี้เขาไม่แยแสอารมณ์เหล่านั้นแล้ว เนื่องจากตอนนี้เทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้หันกลับมามองเขาแล้ว

ผู้พันคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ยิ่ง น่าเกรงขามนัก ส่วนขนาดตัวของกู้ซีจิ่วเมื่อเทียบกับเขาแล้วเห็นได้ชัดว่าเตี้ยกว่ามาก

เขาถอยร่นไปติดๆ กันหลายก้าว

“แก…ท่านจะทำอะไร? ผม…ผมแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผม…”

กู้ซีจิ่วควงปืนเล็กๆ สีเงินที่เพิ่งยึดมาได้ในมือ ถามอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“ใครเป็นคนสั่ง? ผู้บังคับบัญชาของพวกแกคือใคร?”

“เป็น…เป็นท่านนายพลกวนย่าหนิง”

“เขาอยู่ที่ไหน?”

“ที่…ที่ๆ เรียกว่าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ กำลังโจมตี…โจมตีที่นั่น”

“ติดต่อเขา”

ดวงตาของผู้พันคนนั้นส่องประกายนิดๆ เดิมทีเขาคิดจะขอความช่วยเหลือจากท่านนายพลอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงที่กู้ซีจิ่วจับตามองเขาอยู่ เขาไม่กล้า ตอนนี้เขาสมปรารถนาแล้ว

เขาก้มหน้างุดเดินไปที่หน้าแผงควบคุม ขณะที่กำลังจะกดปุ่มบางปุ่ม กู้ซีจิ่วก็ขวางไว้

“ช้าก่อน!”

ผู้พันคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที เงยหน้ามองเธอ

“หา?”

กู้ซีจิ่วยกมุมปากแวบหนึ่ง

“เรียกลูกน้องทั้งหมดของแกไปรวมตัวกันที่จัตุรัสรุ้งสวรรค์ ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้ามีเรื่องจะประกาศกับพวกเขา”

ขณะที่พูด เธอได้เริ่มบังคับยานบัญชาการลำนี้ไปยังจัตุรัสแห่งนั้นแล้ว

ในใจของผู้พันคิดไปสารพัดแล้ว เขารู้ว่าการเรียกลูกน้องมารวมตัวกันในเวลานี้อันตรายมาก เกรงว่าคงวอดวายกันทั้งกองทัพ แต่ถ้าหากไม่เรียกมารวมตัว เทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะต้องหาวิธีอันใดมาจัดการเขาแน่!