ยิ่งแน่ชัดสถานะของเจียงเหอซาน นายกฯจ้าวก็ตกตะลึงมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เจียงเหอซานแทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของหัวเซี่ย แต่เขาไม่เพียงมาที่ตระกูลเฉินด้วยตนเอง แถมยังก้มหัวอ่อนข้อให้กับคนรุ่นที่สามของตระกูลเฉิน ต้องทราบว่าคนที่ออกมาจากกองทัพทหาร แต่ละคนยอมสละชีพก็ไม่มีทางยอมอ่อนข้อ เจียงเหอซานทำแบบนี้ต้องเป็นเพราะเฉินโม่มีความสำคัญต่อเขาอย่างมาก
สีหน้านายกฯจ้าวไม่น่าดูเล็กน้อย ถึงแม้ตระกูลจ้าวอยู่ที่หลิ่งหนานจะมีอิทธิพลที่ไม่ธรรมดา แต่เทียบกับหกตระกูลมหาอำนาจยังมีระยะห่างช่วงหนึ่ง สถานะของเจียงเหอซานไม่ด้อยกว่าผู้นำหกตระกูลมหาอำนาจ แม้แต่เขายังยอมอ่อนข้อให้เฉินโม่ แต่เมื่อครู่นายกฯจ้าวเพิ่งจะล่วงเกินเฉินโม่
นายกฯจ้าวรู้สึกกลัดกลุ้มใจขึ้นมากะทันหัน เขาอยู่ดีๆ มาที่นี่ทำไมนะ? เดิมทีเขาแค่อยากจะเห็นว่าคุณเฉินท่านนี้คือใคร แต่เมื่อเห็นว่าเฉินโม่อายุน้อยขนาดนี้กลับเกิดความอิจฉาขึ้นมา จึงได้ล่วงเกินเฉินโม่
นี่มันหาเหาใส่หัวไม่ใช่เหรอ?
เฉินโม่ก็คิดไม่ถึงว่าเจียงเหอซานจะพูดออกมาแบบนี้ เขาตกตะลึงเล็กน้อย ความเย็นชาภายในดวงตาค่อยๆ หายไป เขาไม่สงสัยว่าเจียงเหอซานพูดโกหก เพราะว่าเจียงเหอซานบุคคลระดับนี้ ไม่จำเป็นต้องโกหก
อีกอย่างตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเจียงเหอซานมีเรื่องขอร้องเฉินโม่ ถ้าหากเขาพูดโกหกหลอกลวงเฉินโม่ หากถูกเฉินโม่จับได้ สำหรับเขาไม่มีผลดีเลย
“พูดมาเถอะ คุณหาฉันทำไม?” เฉินโม่พูดอย่างเฉยเมย
เจียงเหอซานก็ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆ “ให้นายเป็นผู้นำหน่วยรบพิเศษเทพอินทรีเข้าร่วมการแข่งขันหนึ่งครั้ง”
เฉินโม่ปฏิเสธโดยตรง “ไม่สนใจ”
“รู้ว่านายต้องตอบแบบนี้” เจียงเหอซานใบหน้าเผยความลำพองใจ แต่ไม่ช้า เขาเก็บความลำพองใจบนใบหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นายอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ถ้าหากนายรับปาก พวกเราให้ยศพลตรีกับนายโดยตรง ถึงแม้จะสัมผัสไม่ได้ แต่คนฉลาดอย่างนายจะต้องรู้ประโยชน์ของสถานะนี้เป็นอย่างดี”
เฉินโม่ไม่ได้ตอบในทันที พูดตามตรง เขาหวั่นไหวเล็กน้อย
ยศพลตรีไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาต้องการก็คือเปลือกนอกนี้ ถ้าหากมีสถานะนี้ เช่นนั้นภายหลังต่อให้คนของตระกูลหลี่อยากจะใช้อำนาจทางการจัดการเขา ก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น
พลตรี อยู่ในกองทัพเป็นตำแหน่งที่สำคัญอย่างมาก อยากจะใช้กองทัพจัดการเฉินโม่ ถามเฉินโม่พลตรีคนนี้ก่อนว่าตกลงหรือไม่
เฉินโม่ยังคงครุ่นคิดอยู่ แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ในใจเกิดความตื่นตระหนกตกใจตั้งนานแล้ว
เฉินตงเย่ว์มองไปทางเจียงเหอซานด้วยความตกใจ “ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? ยศ…ยศพลตรี? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!”
เฉินจงซานก็ตกใจเช่นกัน พึมพำกับตัวเอง “เฉินโม่ปีนี้เพิ่งอายุเท่าไหร่ ไม่ถึงยี่สิบ พลตรีคนหนึ่งที่อายุไม่ถึงยี่สิบปี…ฉันไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหม?”
เย่เจิ้งฉีท่านพ่อของเยี่ยเฟยเอ๋อร์ สีหน้าไม่เปลี่ยน แต่ความตกใจในสายตาไม่น้อยไปกว่าผู้อื่น
“เด็กคนนี้มีความเก่งกาจตรงไหนกันแน่? ถึงทำให้บุคคลสำคัญชั้นสูงท่านนี้ให้ความสำคัญเยี่ยงนี้ ไม่ลังเลที่จะให้ยศพลตรีแก่เขา!”
เย่เจิ้งฉีมองดูเฉินเหล่ยที่ใบหน้าตกตะลึง และก็มองเฉินโม่ที่สีหน้าเรียบเฉย แอบส่ายหน้าในใจ “เมื่อเปรียบเทียบดู แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด! หากรู้จักเด็กคนนี้เร็วกว่านี้หน่อย ฉันไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องของเฟยเอ๋อร์และเฉินเหล่ยคนนั้น”
เย่เจิ้งฉีรู้สึกเสียดาย แต่เสียดายตอนนี้สายไปแล้ว เขาก็รู้ดีต่อให้ไม่ยอมให้เยี่ยเฟยเอ๋อร์คบกับเฉินเหล่ย เฉินโม่ก็ไม่แน่ว่าจะชอบเยี่ยเฟยเอ๋อร์
แม้แต่สาวงามอันดับหนึ่งของยานจิงยังปฏิเสธได้ ภายหลังยังมีหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลมู่หรง ทั้งสองคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเยี่ยเฟยเอ๋อร์