ตอนที่ 437 มังกรแปลงร่างเป็นต้นไม้ เพื่อรวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณของนาง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่า ทั้งหัวใจ ตับ ไต ไส้พุงของนางล้วนเจ็บปวดจนรวดร้าวไปหมด

 

 

นางยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งกดลงไปบนหัวใจของตนเอง ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเช่นกัน

 

 

ดวงตาดอกท้อของนางมีน้ำตารื้อขึ้นมา

 

 

เจ็บปวดแทนมารดา

 

 

ที่ต้องมาอยู่เพียงคนเดียวตามลำพังในเผ่ามังกรทมิฬ มารดาคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลตู๋กู แต่พอเข้าใจว่าสามีของตนเองเป็นเพียงแค่มังกรเฝ้าคลังสมบัติตัวเล็ก นางก็ไม่ได้ตัดพ้อแต่อย่างใด

 

 

สุดท้ายแล้วถึงได้พบว่า….เขาก็คือราชามังกรของเผ่ามังกรทมิฬ ทั้งยังมีราชินีของตนเองอยู่แล้ว

 

 

นางเป็นเพียงคนสกปรกที่ไม่อาจได้เจอแสงสว่าง ถูกเขาซุกซ่อนเอาไว้

 

 

ที่ผ่านมานางยอมอดทนอยู่ในห้องแคบๆเล็กๆรอคอยเขากลับมา กลับเป็นได้เพียงพบหน้าเขาเช่นคนต่ำต้อยเท่านั้น

 

 

ความรักของพวกเขา พอนางมาถึงเผ่ามังกรทมิฬก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไปเสียแล้ว

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายแล้วกลับต้องมาพบว่าตนเองก็คือ ‘มือที่สาม’

 

 

เรื่องเช่นนี้หากว่าเปลี่ยนเป็นสตรีคนใดก็คงไม่อาจทนรับได้ทั้งนั้น

 

 

นิสัยเช่นมารดา จะยอมรับได้อย่างไร?

 

 

ดังนั้นนางจึงเลือกทางที่จะละทิ้งเขาไป

 

 

เพียงแต่ว่าต่อจากนั้น….

 

 

“นางไม่ต้องการดวงตาของข้า แม้แต่ตัวข้าก็ไม่ต้องการแล้ว” เยี่ยจ้านตอบเขาพิงร่างลงไปบนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง

 

 

เขามังกรบนศีรษะ คล้ายจะยังมีรอยเลือดอยู่

 

 

ตลอดหลายปีมานี้ เขาเหมือนกับเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งให้เฝ้าอยู่ใต้หุบเขาไร้ก้น ผ่านวันเวลาที่มีแต่ความมืดมิด เหมือนกับนางที่ตอนนั้นต้องรอคอยอยู่แต่ในห้องเล็กๆแคบๆ

 

 

ตอนนั้น ทุกๆวันนางยังได้พบหน้าเขาครั้งหนึ่ง

 

 

แต่ว่าเขาอยู่ใต้หุบเขาไร้ก้นนี้นานถึงสิบสองปีแล้ว ก็ยังไม่ได้พบหน้าของนางแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

“เป็นข้าที่ทำร้ายนาง….” เยี่ยจ้านยื่นมือขึ้นมา คว้ามือของตู๋กูซิงหลันวางลงไปบนหัวใจของตนเอง “เสี่ยวหลัน เจ้าคิดว่าข้าช่างใช้การไม่ได้ แม้แต่สตรีที่ตนเองรักก็ยังไม่อาจปกป้องได้ใช่หรือไม่?”

 

 

มือของตู๋กูซิงหลันสัมผัสได้ถึงถึงจังหวะหัวใจที่เต้นอยู่ของเขาได้อย่างชัดเจน

 

 

นางพูดไม่ออก หัวใจของนางเองก็กำลังเจ็บปวดอยู่เช่นกัน

 

 

แต่ว่านางมิใช่คนในเหตุการณ์ นางไม่มีสิทธิ์จะไปตัดสินว่าใครถูกใครผิด

 

 

นางเพียงแต่เอ่ยถามว่า “มารดาตายแล้ว….ตายได้อย่างไร?”

 

 

กับมารดานางเคยนึกหวังว่า อาจจะยังพอมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่สักเล็กน้อย …….

 

 

“เป็นฝีมือของหวาชางสุ่ย?” ต่อให้ตู๋กูซิงหลันใช้หัวแม่เท้าคิด ก็คาดเดาได้ …..ราชินีผู้นั้นไหนเลยจะยอมปล่อยมารดาไปง่ายๆ?

 

 

ตอนนี้นางคิดออกแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในวังมังกรทมิฬ อยู่ๆก็มีพายุพัดกระหน่ำขึ้นมา ……และสตรีที่อยู่เบื้องหลังพายุผู้นั้น

 

 

การโจมตีที่ดุดันและโหดเ**้ยมขึ้นเรื่อยๆนั้น เป็นเพราะว่านางมองมาเห็นตนเอง?

 

 

ถึงได้ต้องการกำจัดให้สิ้นซาก?

 

 

ผ่ามมาก็ตั้งนานหลายปีแล้ว แม้แต่ ‘เศษ’อย่างตนเอง นางก็ยังไม่ยอมปล่อย แล้วจะยอมปล่อยมารดาได้อย่างไร?

 

 

“ชิงชิงสูญเสียดวงตาไปแล้ว แต่ว่านางรักพวกเจ้า นางไม่ได้อยากจะคิดสั้น” เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกำลังทยอยผุดขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของเยี่ยจ้านเหมือนดั่งถูกกรีดด้วยมีดสั้นออกมาทีละชั้นอย่างเ**้ยมโหด

 

 

เส้นผมสีเงินของเขาพลิ้วไหว ภายใต้แสงสว่างจางๆของแมลงกินวิญญาณ จึงมองเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของเขาได้อย่างชัดเจน

 

 

ตอนนั้น…..ชิงชิงคิดจะไปจากก้นทะเลลึก กลับบ้านไปดูแลลูกๆ

 

 

แต่ยังไม่ทันได้ออกจากก้นทะเลไป ก็ถูกหวาชางสุ่ยจับกลับมา ทั้งยังบีบคั้นให้นางกระโดดลงไปใต้หุบเหวไร้ก้น

 

 

นางเป็นคนที่แข็งกระด้างมาตลอดอยู่แล้ว แล้วจะยอมละเว้นสตรีเช่นชิงชิงเอาไว้ได้อย่างไร?

 

 

ตอนนั้น ชิงชิงกำลังเกลียดชังเขาอย่างสุดขีด ….เขาได้แต่ส่งคนติดตามไปคุ้มครองนาง ส่วนตนเองก็เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

 

 

เยี่ยจ้านเกิดมาพร้อมกับความพิการหูขวา ทั้งยังเป็นคนที่หลงทิศทางอยู่เสมอ พอสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไป ประสาทสัมผัสในการจับทิศทางจึงยิ่งย่ำแย่

 

 

ดังนั้นตอนที่ชิงชิงเกิดเรื่องขึ้นมา เขาจึงไม่อาจไปปกป้องนางได้ทัน

 

 

นางเป็นเผ่ามนุษย์ กระโดดลงมาในหุบเหวไร้ก้น…..ตกลงมาย่อมมีแต่กระดูกหักร่างกายแหลกเหลว

 

 

ตอนนั้น เขาจึงคลุ้มคลั่งไปแล้ว

 

 

อะไรคือความรับผิดชอบของราชามังกร อะไรคือความสงบสุขของสองเผ่า แม้แต่คำมั่นสัญญาร่วมกับซื่อมั่วที่จะสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าล้วนถูกโยนทิ้งไปจากสมอง

 

 

เขาคลุ้มคลั่ง ทำเอาหวาชางสุ่ยเกือบตาย

 

 

เขาต้องการใช้นางชดใช้ชีวิตให้กับชิงชิง!

 

 

วันนั้น วังมังกรของเผ่ามังกรทมิฬถูกเขาทำลายจนย่อยยับ…..หากมิใช่เพราะว่าเยี่ยเฉินและเยี่ยอิงรีบกลับมาทัน หวาชางสุ่ยก็คงตายไปแล้ว

 

 

เยี่ยจ้านจะอย่างไรก็ยังคำนึงถึงความผูกพันเล็กน้อยทางสายเลือดของเด็กทั้งสอง

 

 

เขาทั้งโศกเศร้าและโกรธแค้น หลังจากทุบตีหวาชางสุ่ยจนปางตาย ก็พลิกร่างกระโดดลงมาในหุบเหวไร้ก้น คิดจะตายตามกันไป

 

 

หุบเหวไร้ก้น คือสนามรบในสงครามของสงครามมหาเทพยุคโบราณ ที่ฆ่าล้างกันอย่างนองเลือด มีแต่กลิ่นอายโลหิต หากตกลงมามีแต่ต้องตายเท่านั้น

 

 

แม้แต่วิญญาณก็ยังต้องสูญสลาย!

 

 

แต่เพราะว่าเขาคือราชามังกรทมิฬ หุบเหวไร้ก้นน่าหวาดกลัวเพียงไร ก็ยังไม่อาจจะเอาชีวิตของเขาได้

 

 

เขาตกลงมาก็ได้สามวันถึงได้ฟื้นขึ้นมา…..

 

 

พอฟื้นขึ้นมาก็ตามหานางในก้นหุบเหวอย่างบ้าคลั่ง

 

 

แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็พบแต่รองเท้าปักของนางเพียงข้างเดียวเท่านั้น…..

 

 

ตอนที่พวกเขาแต่งงานด้วยกันในโลกมนุษย์ เขาไปที่ร้านปักผ้าด้วยตนเองขอให้ช่างปักสอนเขาทำ

 

 

นกเป็ดน้ำด้านบนถูกเขาปักกลายเป็นเป็ดบ้านๆคู่หนึ่ง แต่ว่านางกลับทะนุถนอมอยู่เสมอ สวมใส่อยู่ตลอดเวลา

 

 

ตอนนี้ เป็ดน้ำคู่เหลืออยู่เพียงตัวเดียว

 

 

เหมือนกับเขาที่ต้องอยู่เพียงลำพัง

 

 

ตู๋กูซิงหลันฟังเขาเล่าถึงเรื่องราวหนหลัง เอารองเท้าปักที่เหลือเพียงข้างเดียวออกมาจากในอกเสื้อ

 

 

รองเท้าปักสีแดงเข้ม ปักรูปเป็ดเล่นน้ำเอาไว้ตัวหนึ่ง ฝีเข็มหยาบๆ แต่ก็ดูออกว่าใช้ความตั้งใจ

 

 

รองเท้าข้างนั้นถูกลูบไล้เสียจนเป็นขุยแล้ว แสดงให้เห็นว่าตลอดหลายปีมานี้…..เยี่ยจ้านคงจะกอดเอาไว้ ลูบคลำอยู่ทุกวัน

 

 

นี่เป็นสิ่งเดียวที่มารดาเหลือเอาไว้ให้กับเขา

 

 

ส้นรองเท้าสึกไปมากแล้ว แสดงว่าตอนนั้นมารดาคงจะชอบใส่รองเท้าคู่นี้อยู่เสมอ…..

 

 

เยี่ยจ้านกอดรองเท้าข้างนั้นเอาไว้ในอ้อมอกอย่างแนบแน่น ราวกับว่ามันคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขา

 

 

“นางจะต้องกลับมา….ต่อให้เป็นพันปี หมื่นปี ข้าก็จะรอนาง”

 

 

เขาพึมพำกับตนเอง

 

 

หากว่าตอนนั้น….เขาไม่ห่วงเรื่องอื่นมากไป วางนางเอาไว้เป็นอันดับแรก เขาและนางก็คงจะไม่ต้องมามีจุดจบเช่นในวันนี้

 

 

สิบสองปีก่อน เขาสละพลังวิญญาณมังกรกว่าครึ่งในร่าง เพียงเพื่อเสาะหาจิตวิญญาณที่แหลกสลายของนาง

 

 

เพราะคนธรรมดาเมื่อตกลงมาในหุบเหวไร้ก้น ไม่เพียงแต่กระดูกหักแหลกละเอียด แม้แต่กระทั่งวิญญาณยังต้องแหลกลาญ ไม่อาจไปผุดไปเกิดใหม่ได้

 

 

ดังนั้นหลายปีมานี้ เขาจึงเฝ้าอยู่ที่ก้นหุบเหวแต่เพียงลำพัง เพื่อจะเสาะหาและรวบรวมเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณของนางเข้าด้วยกัน ต่อให้เป็นเพียงละอองเล็กๆก็ตาม สักวันหนึ่งจะเขาจะต้องรวบรวมได้จนครบ

 

 

ถึงตอนนี้…..ในที่สุด ในที่สุดก็สามารถรวบรวมได้กลุ่มหนึ่งแล้ว เขาจึงแปลงร่างมังกรของตนเป็นต้นไม้ เพื่อปกป้องจิตวิญญาณของนางที่เพียงแค่เป่าก็สลายได้เอาไว้ในต้นไม้มังกรอย่างทะนุถนอม

 

 

รอให้รวบรวมจิตวิญญาณของนางได้เป็นกลุ่มก้อน ถึงตอนนั้น….เขาจะไปวิงวอนต่อเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง….ก็จะต้องให้นางได้มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งให้ได้!

 

 

พวกเขามิใช้เฝ้าฝันอยากจะเอาชีวิตของราชามังกรทมิฬหรอกหรือ?

 

 

เอาไปสิ!

 

 

ขอเพียงสามารถแลกชิงชิงคืนมา ชีวิตของเขาจะนับเป็นอะไรได้?

 

 

 

 

 

 

…………………………

 

 

ตอนต่อไป “ข้ารู้แต่ว่า ฆ่าคนชดใช้ชีวิต”