ตอนที่ 1087

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ศิษย์พี่ถัง!” เหล่าศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันออกเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ พวกเขาที่กำลังรู้สึกเกรงกลัวในที่สุดก็เจอที่พึ่งแล้ว ความหยิ่งยโสของเหล่าศิษย์แต่ละคนค่อยๆฟื้นกลับมา

ถังจิ่ว ในหมู่ศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันออก เขามีแข็งแกร่งติดอันดับที่เก้า!

พลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดและมีพลังต่อสู้สามดาว เขาเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่แทบพบได้เพียงในรอบพันปี

เหตุผลที่เขาถูกเรียกว่าถังจิ่ว(ถังที่เก้า)เป็นเพราะตอนนี้เขาแข็งแกร่งติดอันดับที่เก้า เมื่อหลายสิบปีก่อนเขาถูกเรียกว่าถังสือ(ถังที่สิบ) ในอนาคตบางทีเขาอาจจะถูกเรียกว่า ถังปา(ถังที่แปด) ถังจี่(ถังที่เจ็ด) หรือถังอื่นๆ

“ปล่อยเขาซะ!” ถังจิ่วกล่าวอย่างเย็นชา ดาวตาทั้งสองของเขาเปล่งประกายดังบอลเพลิงสองลูก แขนของเขาเป็นสีแดงเนื่องจากถูกปกคลุมด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงเข้ม อักขระสีแดงนี้ปกคลุมไปตั้งแต่หลัง ฝ่ามือ ไหล่ เขาให้ร่างของเขาดูเหมือนเป็นโลหะสีแดงเข้ม

หยิ่งยโสและมั่นใจ นิสัยเช่นนี้ของเขาคือสิ่งที่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งพึงมี

หลิงฮันเหยียบหยางชวงด้วยเท้าอย่างที่หยางชวงทำกับจินจื้อฮุยและมองไปยังถังจิ่ว “ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น?”

“เพราะข้า ถังจิ่วเป็นคนสั่งไงล่ะ!” ถังจิ่วกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดราวกับสายฟ้าฟาด อีกฝ่ายกล้าเอ่ยถามเขากลับอย่างนั้นรึ

“ถังจิ่ว? ไม่เคยได้ยินมาก่อน!” หลิงฮันส่ายหัว

“รนหาที่ตาย!” ถังจิ่วอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปและลงมือทันที

‘ตูม’ คลื่นพลังย็นยะเยือกพุ่งเข้าใส่บริเวณคอของหลิงฮัน

ในมือของถังจิ่วไม่รู้ว่าเขานำคันศรออกมาถือและยิงออร่าเย็นยะเยือกออกไปตั้งแต่เมื่อใด

หลิงฮันเตะร่างของหยางชวงขึ้นมา ‘ฉัวะ’ ออร่าเย็นยะเยือกโจมตีเข้าใส่ก้นของหยางชวงจนโลหะสาดกระจายและบานออก หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ฮ่าๆๆ พวกเจ้าทั้งสองมีเรื่องแค้นเคืองกันรึเปล่า ทำไมถึงได้เล็งมายังจุดนี้?”

หยางชวงมองไปยังถังจิ่วด้วยสีหน้ามืดมน นี่เจ้าเล็งอะไรของเจ้ากัน เจ้าทำอะไรอยู่กันแน่?

ถังจิ่วเกรี้ยวกราดอย่างมาก “ปล่อยตัวเขาแล้วเรื่องระหว่างเราจะจบลงด้วยดี!”

หลิงฮันส่ายหัว “ชายคนนี้ไม่ใช่ตัวประกัน แต่เป็นดาบใหม่ของข้า!”

หลิงฮันมองไปยังคอของหยางชวง ภายใต้อำนาจของพลังปราณของเขา ร่างของหยางชวงก็ตั้งตรงและถูกทำให้กลายเป็นดาบขนาดใหญ่

หยางชวงอยากจะตายไปซะบัดเดี๋ยวนี้ ไม่ใช้ว่าเขาก็จับดาบของหลิงฮันและมองเขาเช่นนี้หรอกรึ?

“หลิงฮัน เจ้าทำให้ข้ารู้สึกดูหมิ่นยิ่งนัก!” ถังจิวกล่าว

“เจ้าจะรู้สึกอย่างไรทำไมข้าจะใส่ใจเจ้าด้วย?” หลิงฮันกล่าว

ถังจิ่วกระทืบเท้าด้วยความเกรี้ยวกราดทันที “เดินผ่านสำนักฝ่ายตะวันออกตามใจชอบเช่นนี้ เจ้าไม่มีทางกลับไปครบสามสิบสองแน่นอน! ศิษย์น้องหยาง นี่อาจจะผิดกับเจ้า แต่เรื่องที่สำนักเสียหน้านั้นสำคัญกว่าตัวเจ้า!”

เขาไม่ลังแลอีกต่อไปและโจมตีด้วยพลังทั้งหมด

หลิงฮันใช้ ‘ดาบ’ ของเขาปัดป้องการโจมตี ด้วยพลังของเขาการกวัดแกว่งร่างคนย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ทางด้านหยางชวงนั้นน่าเป็นห่วงมาก ไม่เพียงแค่เขาต้องแบกรับเจตจำนงดาบของหลิงฮันแต่ยังถูกถังจิ่วกระหน่ำโจมตีใส่อีก เพียงแค่ทั้งสองคนสู้กันไม่กี่กระบวนท่ากระดูกของเขาก็แตกหักไปอย่างน้อยสิบชิ้น

ถ้ายังให้เป็นแบบนี้เขาคงหนีไม่พ้นความตายแน่

หลิงฮันโยนร่างของหยางชวงออกไปด้านข้าง เขาเพียงแค่ใช้หยางชวงเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น ถ้าเขาเผลอทำคนตายจริงๆคงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สะสางไม่ได้ง่ายๆ

“คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” ถังจิ่วคำราม ในเมื่อไม่มีอะไรคอยกรีดขวางแล้วการโจมตีของเขาจึงรุนแรงยิ่งขึ้น

“ฮ่าๆๆ” หลิงฮันหัวเราะและใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีใส่ถังจิ่ว ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของถังจิ่วก็เชื่องช้าลงพร้อมกับเห็นหมัดของหลิงฮันชกเข้าใส่ตนเองจึงต้องเปลี่ยนจากโจมตีมาป้องกันแทน

ทักษะโจมตีทางจิตวิญญาณเป็นทักษะที่หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นทักษะจิตเจ็ดสังหารจึงถือว่าล้ำค่ามาก ต่อให้ถังจิ่วมีพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าก็ใช่ว่าจิตวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งกว่าหลิงฮัน เมื่อถูกโจมตีทางจิตใจเข้าไปพลังต่อสู้ของถังจิ่วจึงลดลง

ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายให้อยู่ในระดับเดียวกับตนเอง

ถังจิ่วแทบจะเป็นบ้า เขาสามารถจัดการหลิงฮันด้วยพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าแท้ๆ แต่เพราะทักษะทีส่งผลต่อจิตวิญญาณของอีกฝ่าย ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอยู่หลายครั้งและโจมตีได้ไม่เต็มที่ พลังต่อสู้ของเขานั้นถูกลดลงไปถึงหนึ่งหรืออาจจะสองส่วนเลยทีเดียว

เหล่าศิษย์ที่มองดูอยู่อดคิดไม่ได้ว่าทำไมหลิงฮันถึงแข็งแกร่งฝืนสวรรค์แช่นนี้?

เขามีพลังต่อสู้กี่ดาวกันแน่?

“ไม่ใช่ว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันเหนือกว่าแต่เป็นเพราะพลังต่อสู้ของศิษย์พี่ติงลดลง”

“ต่อให้ถูกลดลงก็เถอะ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสามารถของหลิงฮันอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”

หลังจากสู้กันหลายสิบรอบ ถังจิ่วก็กระโดดหลบไปด้านข้าง

ไม่สู้แล้ว!

หากเขาสู้ต่อไปเขาคงเป็นบ้าแน่ที่ไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่และเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด

“ไม่สู้แล้ว?” หลิงฮันยิ้ม

ถังจิ่วมองไปยังหลิงฮันด้วยความโกรธแค้น เขาไม่เอ่ยตอบและเลือกที่จะเดินจากไป เขาไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้ เทียบกับศิษย์คนอื่นที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว เขาที่ขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดมาแล้วปีนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเสียหน้าอย่างมาก

เมื่อถังจิ่วจากไปทุกคนก็นิ่งเงียบไร้คำพูด

เหนือกว่าถังจิ่วยังมีศิษย์พี่สุดแข็งแกร่งที่แปดคน แต่ไม่มีใครสักคนที่ปรากฏตัว หรือว่าศิษย์พี่เหล่านั้นอาจจะปลีกตัวไปฝึกฝนอยู่?

แค่การที่สามารถเรียกตัวถังจิ่วมาได้เมื่อครู่ก็นับว่าเหนือความคาดหมายมากแล้ว แต่ถ้าหากในเมื่อแม้แต่ถังจิ่วยังไม่สามารถจัดการหลิงฮันได้ สำนักฝ่ายตะวันออกก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว

“พี่ชายจินเชิญทางนี้!” หลิงฮันยิ้มและกล่าวกับจินจื้อฮุย

“อืม!” จินจื้อฮุยพยักหน้า

สองคนเดินเข้าประตูของสำนักฝ่ายตะวันออกและใช้เส้นทางของสำนักฝ่ายตะวันออกเดินกลับไปยังสำนักฝ่ายเหนือ

ตลอดทางมีศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันออกเดินตามพวกเขามา ศิษย์เหล่านั้นต่างโมโหและกำหมัดแน่น

เจ้าคิดว่าสำนักฝ่ายตะวันออกเป็นทางเดินผ่านรึไง!

จินจื้อฮุยรู้สึกสงสัยและถาม “น้องหลิง ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้ตามพวกเรามา? ทำไมตอนที่อยู่หน้าประตูแล้วข้าบอกว่าอยากพบเจ้าพวกเขาต้องโหดร้ายกับข้าด้วย?”

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “พี่จินช่างไม่รู้อะไรเลย สำนักนภาสีชาดที่นี่นั้นแบ่งออกเป็นสี่ฝ่าย…”

หลิงฮันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จินจื้อฮุยอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ ที่แท้เรื่องนี้เป็นเขาเองที่เป็นคนผิด

“พี่ชายจิน นี่คือดาบที่ท่านสร้างงั้นรึ?” หลิงฮันตบไหล่อีกฝ่ายและชี้ไปที่ดาบในมือจินจื้อฮุย

จินจื้อฮุยกลับมาตื่นเต้นทันทีและพยักหน้า “ถูกแล้วน้องชายหลิง! ดาบนี้ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะจากนอกดวงดาวใบนี้ ในตอนที่หมู่บ้านของข้าได้รับแร่โลหะชนิดนี้มา พวกเราได้ทำการทดสอบหลายอย่างและเคยคิดว่ามันเป็นเพียงแร่โลหะระดับหนึ่ง

“เพียงแต่ว่าหลังจากการค้นคว้าหลายพันปีของข้าก็พบว่ามันไม่ใช่แร่โลหะระดับหนึ่งธรรมดา!”

“จริงอยู่ที่มันเป็นแร่โลหะระดับหนึ่งแต่ดูเหมือนมันจะเป็นโลหะที่มีชีวิตและเติบโตได้!”

“ข้าศึกษาต่ออีกเป็นเวลาหมื่นปีเพื่อค้นหาถึงวิธีที่จะรักษาความสามารถในการเติบโตของมันเอาไว้หลังจากที่หลอมเป็นดาบแล้ว!”

“และตอนนี้ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!”