แสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าส่องทะลุผ่านเฟลิเปและชายลึกลับคนนั้น จากนั้นประตูสีเงินก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเดินทรงรวงผึ้งที่มีสีสันสดใสทันที

บนทางเดิน ชายชราในชุดคลุมเวทมนตร์สีแดงใช้สายตาที่มีสายฟ้ากระเด็นออกมาจากดวงตาจ้องมองพวกเขา จากนั้นเขาก็โวยวาย “เบรดส์เพิ่งมาที่นี่เหรอ? งั้นการทดลองของแฮททาเวย์ก็ไม่น่าจะเกิดเหตุได้! ข้ายังสัมผัสถึงเขาได้อยู่!”

ชายหนุ่มลอบแสยะยิ้มอย่างลับๆ “อาจจะ…”

จากนั้นเขาก็ถามอย่างไร้เดียงสาว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

แคร๊ง!

กะโหลกศีรษะของอาคารสำนักงานส่งเสียงสะท้อนที่เยือกเย็นและยาวนานออกมา

ดอนนี่ที่กำลังวาดช่วงสุดท้ายของบรรทัดในจิตวิญญาณ จากนั้นรูปแบบเวทย์มนตร์จึงยุบและดูดซับมหาสมุทรแห่งพลังงานอย่างบ้าคลั่ง ชีวิตและความตายต่างเข้ามาพัวพัน “พลัง” ก็ยังคงแตกแขนงเป็นสายออกไปส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง

หลังจากที่ทุกอย่างจบลงภายในจิตวิญญาณของดอนนี่ก็มี “คริสตัล” ที่รูปทรงสลับซับซ้อนก็ไหลเพิ่มเข้าไป มันดูดซึมลื่นไหลอย่างลึกลับราวกับเป็นดังตัวแทนของกฎบางอย่างที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าดอนนี่ได้ก้าวข้ามจากการเป็นนักเวทฝึกหัดมาเป็นนักเวทของทางการเรียบร้อยแล้ว!

นี่คือสิ่งที่นักเวทฝึกหัดนับไม่ถ้วนต่างฝันถึง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของตนเองได้

หลังจากที่พวกเขากลายเป็นนักเวทของทางการ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับพลังที่สามารถสังหารนักเวทฝึกหัดและคนธรรมดาได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่พวกเขายังจะกลายเป็นสมาชิกรัฐสภาของบ้านเกิดตัวเองโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับพวกขุนนางอีกด้วย ทั้งหมดนี้ในฐานะลูกหลานชาวเมืองนั้นก็หมายความว่าพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูงอย่างเต็มตัวแล้ว!

ดอนนี่ไม่มีปูมหลังอันสูงส่ง หลังจากที่เขาเกือบจะแตะต้องชุดเกราะสีดำเมื่อหลายเดือนก่อน เขา คาร์ล และแซมมี่ไม่เคยฝันร้ายแบบนี้มาก่อน ชีวิตและการศึกษาของพวกเขาค่อนข้างสงบสุข และง่ายกว่ามากที่เขาจะพัฒนาพลังทางจิตวิญญาณให้ความก้าวหน้า ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงนักเวทฝึกหัดทั้งหมดของวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ คาร์ลแซมมี่ และเขาก็กลายเป็นนักเวทของทางการก่อนปีใหม่! เรื่องนี้ก็นับได้ว่าเป็นความสำเร็จที่ดีพอสมควร

แม้ว่าบางคนจะกลายเป็นนักเวทของทางการก่อนที่พวกเขาจะได้รับการตอบรับเข้าเรียนจากวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ แต่ในช่วงสิ้นปีแรกของนักเวทฝึกหัดส่วนใหญ่ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จก่อนปีใหม่ได้

“ข้ารู้สึกว่าฝันร้ายเหล่านั้นทำให้ข้าได้ขัดเกลาจิตใจ นั่นเป็นสาเหตุที่พลังวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมั่นคงมากขึ้น…” ดอนนี่มีความคิดปะปนมากมาย “แค่ฝันร้ายก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสุดท้ายข้าเกิดไปสัมผัสชุดเกราะสีดำเข้าล่ะ?

“นั่นไม่ถูกต้อง บางทีข้าอาจถูกชุดเกราะสีดำควบคุม ข้าไม่ควรโลภเกินไป… ช่วงวันหยุดปีใหม่ข้าควรจะกลับบ้านและไปขอบคุณท่านดอลอสด้วย ถ้าไม่ได้เขาช้วยเหลือ กว่าข้าจะได้เป็นนักเวทของทางการก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน…”

ปีปฏิทินอาร์คานที่ 24 เมื่อสิ้นเดือนแห่งน้ำแข็ง สายลมที่พัดผ่านหยดน้ำใดๆ ก็จะถูกแช่แข็งในทันที ผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนล้านสวมเสื้อผ้าหนา ๆ และลดหมวกลงท่ามกลางความหนาวเย็น

“หนาวมากจริงๆ…” คาร์ลที่อยู่บนสถานีรถไฟดาวหกฉกขยับชุดสูทของเขาให้กระชับขึ้นพร้อมทั้งหายใจพ่นหมอกสีขาวออกจากปาก

แม้ว่าดอนนี่จะกลายเป็นนักเวทของทางการแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้เวทมนต์ใดๆ เพื่อลดทอนความหนาวเย็น เขายืนถือเสื้อคลุมสีดำด้วยความหนาวสั่นแล้วกล่าวว่า “ใช่ หนาวเหมือนกับฤดูหนาวที่นครเรนทาโตเลย”

วิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ตั้งอยู่ในโลกแห่งวิญญาณโดยที่มีเกราะป้องกันของวิทยาลัยคอยปรับอุณหภูมิตลอดเวลา ทำให้นักเรียนไม่สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลได้ หลังจากที่พวกเขาออกจากโลกแห่งวิญญาณแล้ว เมืองไฮด์เลอร์ที่ได้รับความเสียหายจากอากาศของโลกแห่งวิญญาณมานานเกินไปจึงดูเหมือนเดิมไม่มากไม่น้อย บนรถไฟไอน้ำเวทมนตร์มีเครื่องปรับอากาศที่ให้ความร้อน ดังนั้น จนถึงตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นหิมะตลอดทางแต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นฤดูหนาวเลย

“ข้าต้องกลับบ้านแล้ว ค่อยเจอกันหลังวันหยุดน่ะ” คาร์ลพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็โบกมือลา “ยังไงซะ สวัสดีปีใหม่น่ะ!”

จุดหมายปลายทางของแซมมี่และโจนส์แตกต่างกัน พวกเขาจึงแยกกันที่สถานีไฮด์เลอร์

เมื่อเห็นคาร์ลหายไปท่ามกลางฝูงชน ดอนนี่ก็ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา นี้ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชินกับท่าทางของคาร์ลเลย

เขาส่ายศีรษะขจัดความคิดและเดินออกจากสถานีไป เขาจองตั๋วรถไฟเพื่อกลับบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว ส่วนวันนี้เขาทำได้เพียงไปเยี่ยมและขอบคุณท่านดอลอส รวมถึงอาจารย์ที่ดูแลเขาในขณะที่เขาเรียนอยู่ที่นี่

ดอนนี่เดินไปที่ร้านหนังสือที่อยู่ใกล้ๆ กับจัตุรัสฉลองชัยความรู้ด้วยความยินดี เขากระตือรือร้นที่จะบอกข่าวดีกับท่านดอลอสว่าเขาได้เป็นนักเวทของทางการแล้ว แม้ว่าจะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ดอนนี่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น

“เกิดอะไรขึ้น?” ตอนนี้ดอนนี่ยืนอยู่หน้าร้านหนังสือแห่งความรู้ด้วยความงุนงง เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาเห็นแค่ว่าประตูของร้านหนังสือปิดอยู่ โดยมีกระดาษแผ่นบางๆ ติดอยู่เท่านั้น

“ปิดได้ยังไง” ดอนนี่แปลกใจกับข้อความที่อยู่บนกระดาษ

“ร้านนี้ถูกปิดเนื่องจากหลีกเลี่ยงภาษี ออกคำสั่งโดยสำนักงานสรรพากรของโฮล์ม”

“ร้านนี้ถูกแผนกลงโทษของสภาแห่งเวทมนตร์และกรมตำรวจโฮล์มปิดเนื่องจากขายหนังสือต้องห้าม”

“ร้านนี้ถูกแผนกลงโทษของสภาแห่งเวทมนตร์และศาลากลางแห่งโฮล์มปิดเนื่องจากขายของปลอมและอุปกรณ์เวทมนต์ที่ไม่เหมาะสม”

ดอนนี่อ่านคำสั่งและพึมพำกับตัวเองว่า “ท่านดอลอส ท่านทำอะไรกันแน่?”

เมื่อสิบปีที่แล้ว ต้องขอบคุณอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และโรงงานแปรธาตุด้านต่างๆ เพิ่มก็มากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นชีวิตในโฮล์มก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หนึ่งในคุณสมบัติใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความแตกต่างด้านหน้าที่การงาน ดังนั้น ไฮน์ริช นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นจึงแยกส่วนราชการที่เคยรวมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ

แม้ว่าท่านดอลอสดูเหมือนโจรก่ออาชญากรรม แต่ดอนนี่ระลึกถึงความช่วยเหลือที่เขาได้รับได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองหาเจ้าของร้านที่อยู่ใกล้เคียงและสอบถามอย่างระมัดระวัง

“เมื่อสองสามเดือนก่อน คนในสำนักงานสรรพากรอ้างว่าดอลอสหลีกเลี่ยงภาษีพวกเขาจะเรียกไปพบ”

“จากนั้นดอลอสไม่เคยกลับมาหลังอีกเลย วันต่อมาก็มีคนมากมายมาติดป้ายประกาศพวกนั้น”

“ข้าได้ยินมาว่าดอลอสถูกตัดสินให้จำคุก ในห้าปีนี้เขาคงไม่ถูกปล่อยตัวออกมา”

เพราะบนหน้าอกของดอนนี่มีตราสัญลักษณ์ของนักเวทของทางการอยู่ ถึงไม่มีเจ้าของร้านคนไหนกล้าโกหกหรือเรียกคนเก็บภาษีและเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยชื่อเล่นที่พวกเขาตั้งกัน

“ถูกตัดสินจำคุก…” ดอนนี่พึมพำเสียงเบา จากนั้นเขาก็ตัดสินใจจะไปเยี่ยมท่านดอลอส เพราะถึงอย่างไรใช้ชายคนนั้นก็ให้ความช่วยเหลือเขามากมาย

แต่แล้วดอนนี่ก็ต้องผิดหวัง เพราะเจ้าหน้าที่บอกเขาว่าดอลอสถูกขังอยู่ในคุกที่ห่างไกล และแม้จะรวมวันหยุดของเขาทั้งหมดก็เพียงพอแค่ไปกลับเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายถึงดอลอสและทิ้งที่อยู่ทางไปรษณีย์ของตัวเองไว้ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

วู!

แคร๊ง! แคร๊ง!

เสียงอึกทึกของรถไฟเมื่อเข้ามาในสถานีทำให้เด็กๆ ที่เล่นอยู่รอบๆ รู้สึกกลัว แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังรู้สึกถึงการคุกคามไม่มากก็น้อย เพราะรถไฟขยายเส้นทางไปในเมืองได้ไม่นาน ผู้คนจึงยังไม่คุ้นเคยกับพาหนะขนาดมหึมาที่สามารถวิ่งได้ด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นอาคารและภูเขาที่คุ้นเคย ดอนนี่จึงค่อยๆ เดินออกจากรถไฟไอน้ำเวทมนต์ ตอนนี้เขามีความรู้สึกที่สับสนมากมาย

“หือ ดอนนี่ ไวท์ไม่ใช่เหรอ” เพราะมีมีชาวเมืองไม่มากนัก พวกเขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกันดี

“ถูกตัอง นั้นดอนนี่นิ เขาดูสูงนะโตขึ้นมาก แต่เดี๋ยวนะ ตราสัญลักษณ์บนเสื้อคลุมเวทมนตร์ของเขาเปลี่ยนไปหรือเปล่า?”

“วงกลมสีดำหนึ่งวงบนพื้นหลังสีเงิน ขะ เขา… ตอนนี้เขาเป็นนักเวทที่มีชื่อเสียงแล้ว!”

เพียงชั่วพริบตา ชาวเมืองที่ดอนนี่คุ้นเคยก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว พวกเขามีทั้งความชื่นชมและหวาดกลัว ราวกับว่านี้ไม่ใช่ดอนนี่ที่พวกเขารู้จักอีกต่อไป แต่เป็นนายนักเวทแปลกหน้าที่ได้รับความเคารพมากกว่า ได้รับความเคารพกว่านายกเทศมนตรีซ่ะอีก!

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบนักเวทของทางการมากนัก แต่ทุกครั้งการปฏิบัติตนอย่างเอื้อเฟื้อต่อพวกเขาของนายกเทศมนตรีให้ทำให้พวกเขาประทับใจอย่างลึกซึ้ง เด็กซุกซนของเพื่อนบ้านก็กลายเป็นนักเวทผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังไปเสียแล้วโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

ท่าทีที่เปลี่ยนไปไม่สามารถหนีจากสัมผัสของดอนนี่ที่เฉียบแหลมมากขึ้นได้ เขาทั้งอึดอัดและยินดีในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนอยากเป็นนักเวทและขุนนาง เพราะอย่างน้อยที่สุด จนกว่าที่เขาจะสามารถออกสำรวจโลกได้จริงๆ ความรู้สึกที่ได้รับความเคารพสามารถก็กระตุ้นให้เขาพยายามทำงานให้หนักได้

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีคนออกมาจากสถานีแล้วตะโกนว่า “ไวท์ ไวท์ ดอนนี่ตัวน้อยของเจ้ากลับมาแล้ว! ตอนนี้เขาเป็นนักเวทแล้ว!”

ดอนนี่รีบเดินไปที่ทางออกทันที

ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนที่ใบหน้าซีดเซียวจากอาการบวมน้ำเหลืองก็ปรากฏตัวขึ้นที่ถนนใกล้สถานี เขาเป็นชายแก่ที่มีผมหงอก และหากไม่ใช่เพราะริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เขาก็คงทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาอายุห้าสิบเศษเท่านั้น ส่วนข้างหลังเขาก็เป็นผู้หญิงร่างอวบ และมีเด็กสาวที่ท่าทางดูกระฉับกระเฉงตามมาด้วย

ทั้งสามคนก็ตื่นเต้นและดีใจไม่แพ้กัน ผู้หญิงสองคนที่ตามมานั้นก็กำลังร้องไห้ด้วย

“พ่อ แม่ ลิลลี่…” ดอนนี่เดินไปหาพวกเขา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสั่นเครือ

พ่อของเขาจับมือเขาแน่นและตบอย่างแรง “เยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมมาก…”

ในตอนนี้เอง ดอนนี่ก็ได้ตระหนักว่าอุปสรรคทั้งหมดของเขานั้นช่างคุ้มค่า!

ดอนนี่ผ่านช่วงเวลาปีใหม่ไปอย่างเรียบง่ายและมีความสุข เขาค่อนข้างพอใจกับชีวิตใหม่ของเขา สิ่งเดียวที่ไม่พึงปรารถนาคือเมืองนี้ยังคงด้อยพัฒนาอย่างมาก โคมไฟถูกติดตั้งไว้ใกล้สถานีเท่านั้น และที่บ้านก็ไม่มีโทรทัศน์ ความบันเทิงเพียงอย่างเดียวคือเสียงแห่งอาร์คานาบนพื้นที่ว่างเปล่าทางตะวันออกของเมือง

ในวันนั้น เมื่อดอนนี่ พ่อ แม่ และน้องสาวของเขากำลังจะออกไปฟังเสียงแห่งอาร์คานา รถลากที่มีสัญลักษณ์ของขุนนางก็หยุดที่หน้าบ้านของพวกเขาอย่างกะทันหัน

“สวัสดีขอรับ ท่านไวท์ นายท่านของข้าบารอน เฮอร์ดอส ขอเชิญท่านไปที่คฤหาสน์ นายท่านของข้าหวังว่าท่านจะสามารถช่วยแก้ปัญหาที่รบกวนจิตใจมาเป็นเวลานานของนายท่านได้ขอรับ” ชายที่หน้าตาเหมือนพ่อบ้านลงมาจากรถลาก

เมื่อรู้ว่าบารอน เฮอร์ดอสเป็นเจ้าเมืองที่มีอยู่ไม่กี่แห่ง ดอนนี่จึงไม่กล้าดูหมิ่นเขา “เป็นปัญหาในลักษณะใดหรือขอรับ? ข้าแน่ใจว่าข้าจะมีความสุขมากถ้าสามารถช่วยเหลือท่านเจ้าเมืองได้”

พ่อบ้านไม่พูดโกหก “นายท่านของข้ามีพระราชวังโบราณที่ดูเหมือนจะมีผีสิงอยู่ ก่อนหน้านี้เราขอความช่วยเหลือจากนักเวทฝึกหัด และนักเวทหลายคน แต่ก็ไม่ได้ผล มีนักเวทฝึกหัดสองคนถึงกับเสียชีวิตภายในนั้น เราได้รับแจ้งว่าท่านได้เป็นนักเวทของทางการแล้ว และท่านก็เป็นนักเรียนของวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ ดังนั้นเจ้านายของข้าจึงขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างจริงใจ เพราะท่านเป็นมืออาชีพ”

ดอนนี่มีปฏิกิริยากับเงื่อนไขความน่ากลัวที่ได้ฟัง แต่ก่อนที่เขาจะปฏิเสธคำขอ พ่อบ้านก็พูดต่อไปว่า “ไม่ว่าท่านจะสามารถจัดการปัญหาได้หรือไม่ นายท่านจะมอบเหรียญทองราชินีสิบเหรียญให้เป็นรางวัล แต่ถ้าเรื่องนี้คลี่คลายลงได้ก็จะได้รับรางวัลมากกว่านี้!”

…………………………………………………