ราชันเร้นลับ 773 : พัฒนาการเพิ่มเติม

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 773 : พัฒนาการเพิ่มเติม โดย Ink Stone_Fantasy

วิลเลี่ยม·ไซเคส… ผู้ดูแลคฤหาสน์… ไคลน์ทวนคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนจะชักนำบทสนทนาไปสู่หัวข้อเกี่ยวกับธงศึกในสงครามกุหลาบขาว

พูดคุยกันสักพัก ชายหนุ่มอำลาอย่างสุภาพ เดินจากไปพร้อมกับพ่อบ้านวอลเตอร์และบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน ตรงไปยังตู้จัดแสดงอื่น เที่ยวชมงานนิทรรศการอย่างเป็นธรรมชาติราวกับการพบปะเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เป็นความบังเอิญโดยแท้จริง

ใกล้เที่ยง ไคลน์ที่กลับมายังรถม้าสี่ล้อหรูหรา เฝ้ามองจักรยานที่ขี่ผ่านไปด้านข้างตัวรถ

“วอลเตอร์ คุณรู้จักมิสเตอร์วิลเลี่ยม·ไซเคสใช่ไหม”

วอลเตอร์พยักหน้ารับเคร่งขรึม

“ตอนที่ทำงานอยู่กับไวเคาต์คอนราด ผมเคยพบเขา… ชายคนนั้นเคยทำงานให้คนของราชวงศ์… อดีตเอิร์ลแห่งลาสติ้งผู้ล่วงลับ องค์ชายเอ็ดซัค·ออกัสตัส”

วอลเตอร์ไม่ได้ปกปิดสิ่งใด เล่าที่มาของวิลเลี่ยม·ไซเคสอย่างละเอียด

เคยรับใช้องค์ชายเอ็ดซัค? หลังจากองค์ชายเสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะมีชีวิตที่ดีขึ้นมาก… ปัจจุบันกำลังทำงานให้คฤหาสน์หลังไหน? บางที หมอนั่นอาจล่วงรู้ความลับบางอย่าง… ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบา ไม่มีคำถามเพิ่มเติม เพียงครุ่นคิดว่าจะพอจะมีโอกาสสืบสวนวิลเลี่ยม·ไซเคสหรือไม่

แต่ถ้าวิลเลี่ยม·ไซเคสรู้ความลับบางอย่างจริง ฝ่ายราชวงศ์ไม่น่าจะปล่อยไว้นานขนาดนี้ หรือไม่ก็หมายความว่า มันคือคนของราชวงศ์… สรุปโดยสั้น การสืบสวนวิลเลี่ยม·ไซเคสถือเป็นงานอันตราย ไม่ควรมอบหมายให้เอ็มลิน มิสเมจิกเชี่ยน หรือมิสซิลช่วยทำแทน… ชารอนน่าจะทำงานนี้ได้ไม่ยาก แต่นั่นก็อาจทำให้ชีวิตอันสงบสุขของเธอถูกรบกวน… วิธีที่ดีที่สุดคงเป็นการปรากฏตัวในร่างจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด แต่ปัญหาก็คือ ก่อนที่จะลงมือขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส เราควรสืบคดีโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแค่ผิวเผิน ไม่อย่างนั้น แผนการหลักอาจถูกรบกวนด้วยปัจจัยที่ไม่คาดคิด… ไคลน์ทำเป็นชื่นชมวิวทิวทัศน์ภายนอก แต่ในใจกำลังขบคิดหลายสิ่ง

ในที่สุด มันตัดสินใจพับเก็บเรื่องนี้ไปก่อน ยังไม่อยากทำลายแผนการสำคัญในปัจจุบัน

จัดการอาหารกลางวันเสร็จ งานหนุ่มงีบหลับในช่วงบ่าย ก่อนจะตื่นขึ้นมาเรียนมารยาทการชื่นชมวรรณกรรม จนกระทั่งใกล้ถึงช่วงเวลาอาหารเย็น

หลังจากส่งครูสอนมารยาทกลับไป ชายหนุ่มเตรียมเดินขึ้นชั้นสอง แต่ทันใดนั้น เสียงกริ่งบ้านพลันดังขึ้น

ท่ามกลางเสียงกังวาน ไคลน์ชำเลืองไปทางริชาร์ดสัน บุรุษรับใช้จึงรีบขยับตัวไปข้างหน้า เปิดประตูออก

ด้านนอกคือตำรวจสองคนในเครื่องแบบสีขาวสลับดำ พิจารณาจากอินทรธนู คนหนึ่งเป็นสารวัตรอาวุโส ส่วนอีกคนคือสิบตำรวจเอก

“คุณตำรวจ มีเรื่องอะไรหรือ?” ริชาร์ดสันถามแทนเจ้านาย

สารวัตรอาวุโสเป็นชายรูปร่างผอมสูง ใต้หมวกซ่อนไรผมสีดำ มีเพียงตรงขมับที่สีแตกต่างออกไปเล็กน้อย มันชำเลืองเข้ามาในบ้านพลางตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“ผมกำลังตามหามิสเตอร์ดอน·ดันเตส มีคดีที่เกี่ยวข้องกับเขาและพ่อบ้าน”

“คดีอะไร?” ไคลน์เดินมาที่ประตูอย่างไม่รีบร้อน “ผมคือดอน·ดันเตส”

แนะนำตัวเองจบ ชายหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพ

“คุณตำรวจทั้งสอง ผมควรเรียกพวกคุณว่าอะไร? และถ้าปัญหาในคราวนี้ใช้เวลานาน ขึ้นไปที่ห้องรับแขกก่อนไหม? คุยกันพลางดื่มชา”

ตำรวจอีกนายหนึ่ง สิบตำรวจเอก เธอเป็นหญิงสาวบุคลิกสง่างาม เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างสนใจข้อเสนอเมื่อครู่ แต่ก็ทำได้เพียงชำเลืองไปทางสารวัตรอาวุโสด้านข้าง รอการตัดสินใจจากเจ้านาย

เนื่องด้วยอิทธิพลของศาสนจักรรัตติกาล โลเอ็นจึงมีตำรวจหญิงค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาอื่นๆ และแนวคิดทางสังคม พวกเธอจึงไม่มีความก้าวหน้าในการงานสักเท่าไร ถูกเลือกปฏิบัติและกีดกันในระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่ได้ทำงานเสมียนนั่งโต๊ะ นับเป็นสาขาอาชีพที่มีเพดานล่องหนสำหรับสตรี

สารวัตรอาวุโสยิ้ม

“คงไม่จำเป็นต้องดื่มชา พวกเราแค่จะสอบปากคำคนรับใช้ของคุณ”

มันเว้นวรรค กล่าวเข้าประเด็น

“มิสเตอร์ดอน·ดันเตส คุณรู้จักวิลเลี่ยม·ไซเคสไหม?”

“ผมได้พบกับเขาเมื่อเช้า… ในพิพิธภัณฑ์” ไคลน์เริ่มตระหนักอย่างคลุมเครือว่า ‘พัฒนาการ’ ที่คาดไม่ถึงได้เกิดขึ้นแล้ว จึงถามกลับไปอย่างกระตือรือร้น “เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

สารวัตรอาวุโสสลายรอยยิ้ม

“เขาเสียชีวิตแล้ว ตายในโรงแรมใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์”

“ตายแล้ว?” ไคลน์ไม่ปิดบังความประหลาดใจและตกตะลึง

เพิ่งได้พบกันเมื่อเช้า แต่ตอนนี้ตายแล้ว?

ถูกหมายหัว?

สารวัตรอาวุโสพยักหน้า กล่าวเสียงขรึม

“ถูกต้อง สาเหตุการตายค่อนข้างซับซ้อน มีความเป็นไปได้ที่จะถูกฆาตกรรม”

“แล้วสตรีที่อยู่กับเขา?” ไคลน์ขมวดคิ้วถาม “ในตอนที่พวกเราคุยกัน มีสตรีคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาน้อย ในตอนที่เธอออกจากโรงแรม วิลเลี่ยม·ไซเคสยังมีชีวิตอยู่ บริกรของโรงแรมสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ เพราะหลังจากนั้นยังมีการเข้าไปส่งไวน์แดง” สารวัตรอาวุโสเกริ่นอย่างกระชับ “หลังออกจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ คุณไปที่ไหนต่อ?”

“ตรงกลับมาที่คฤหาสน์หลังนี้ทันที รับประทานอาหารกลางวัน งีบหลับช่วงบ่าย ตื่นมาเรียนมารยาท… ทั้งคนรับใช้ เพื่อนบ้าน ครูสอนการชื่นชมวรรณกรรม ทุกคนสามารถเป็นพยานให้ได้” ไคลน์ตอบใจเย็น

ชายหนุ่มหันไปทางริชาร์ดสันและกล่าว

“ไปเรียกวอลเตอร์มาที่นี่”

เพียงไม่นาน พ่อบ้านวอลเตอร์ในสภาพสวมถุงมือสีขาว เดินลงจากบันไดชั้นสอง ถูกสอบปากคำแบบเดียวกัน

หลังจากได้รับความยินยอมจากดอน·ดันเตส ตำรวจทั้งสองนายเริ่มสอบปากคำริชาร์ดสันและคนรับใช้อื่นๆ ในบ้าน แต่ก็ไม่พบปัญหาใด

พวกมันไม่แช่อยู่นานนัก รีบกล่าวอำลาอย่างสุภาพเมื่อเสร็จ แวะไปเยี่ยมเพื่อนบ้านข้างเคียงต่อไป

ความอยากอาหารของไคลน์มิได้ถูกกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงเดินขึ้นไปยังชั้นสอง เพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร

หลังจากนั้น กระแสเวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็ว ไคลน์นั่งอ่านหนังสือและหนังสือพิมพ์ด้วยความผ่อนคลาย โดยก่อนจะเข้านอน มันมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชื่นชมทัศนียภาพของเมืองหลวง พลางรอให้บุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน นำผลไม้มาเสิร์ฟในห้อง

เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา ชายหนุ่มถามโดยไม่มองหน้า

“เมื่อช่วงบ่าย วอลเตอร์ทำอะไรบ้าง”

“คอยจัดการงานต่างๆ ภายในคฤหาสน์ ไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ” ริชาร์ดสันเล่าเสียงต่ำ

ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา มิได้ถามต่อ สงสัยว่าตนคงคิดมากไปเอง

ฟู่ว… ชายหนุ่มบรรจงพ่นลมหายใจออก เดินไปที่เตียงและทิ้งตัวนอนลง

ไคลน์หลับสนิทเป็นเวลานาน จนกระทั่งกลางดึกสงัด สัมผัสวิญญาณพลันถูกกระตุ้นจนตื่นขึ้นกะทันหัน

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ลุกเดินออกจากเตียง ตรงไปทางหน้าต่าง แหวกผ้าม่านและมองออกไป

ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวของค่ำคืนอันมืดมิด ร่างของบุคคลหนึ่งเดินเลียบกำแพงชั้นนอกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กระโดดออกไปทางสวน

บุคคลดังกล่าวมีหน้าผากกว้าง ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลขึงขัง ไม่ใช่ใครนอกจากพ่อบ้านวอลเตอร์

ว่องไวและเป็นธรรมชาติ… หากไม่เคยผ่านการฝึก ก็ต้องเป็นผู้วิเศษลำดับต่ำ… เห็นฉากดังกล่าว ไคลน์ประเมินเบื้องต้น

ชายหนุ่มเฝ้ามองเงาของวอลเตอร์เดินไปตามถนน หยุดลงตรงปากท่อระบายน้ำที่เฮเซลเคยใช้งาน เปิดฝาท่อออก ปืนลง และไม่ลืมปิดจากด้านใน

ทุกคนที่นี่ปืนท่อระบายน้ำเก่งกันหมดเลยรึไง? แต่ในคืนก่อนๆ มิสเตอร์พ่อบ้านไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่อย่างนั้นสัมผัสวิญญาณของเราก็ต้องถูกกระตุ้น เพราะคฤหาสน์หลังนี้คือ ‘อาณาเขต’ ของเรา… หมายความว่า ก่อนจะมาเป็นพ่อบ้านให้เรา เขาเคยทำเรื่องแบบนี้จนชำนาญ… มุมปากไคลน์ยกขึ้นเล็กน้อย เดินกลับไปที่เตียง หยิบกล่องบุหรี่โลหะจากใต้หมอน

ชายหนุ่มคิดจะให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลติดตามพ่อบ้านวอลเตอร์ คอยดูว่าอีกฝ่ายคิดจะทำสิ่งใด

หวังว่าจะไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร ไม่อย่างนั้น เราเองก็ต้องลงไปในท่อนั่นด้วย… ไคลน์พึมพำ เดินกลับไปที่ช่องว่างผ้าม่าน

หุ่นเชิดของชายหนุ่ม เซนอล อาศัยการเชื่อมต่อที่ลึกลับและพิสดารระหว่างผิวกระจก กระโดดไปยังโคมไฟถนนใกล้กับฝาท่อระบายน้ำ ลอยตัวทะลุผ่านฝาท่อลงไป ติดตามวอลเตอร์อย่างเงียบงัน

ไคลน์เห็นวอลเตอร์เดินไปข้างหน้าราวสิบเมตร หักเลี้ยวเข้าไปในทางแยกที่เงียบเชียบและมืดมิดยิ่งกว่าเก่า ตามผนังเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและตะไคร่น้ำ

ทันใดนั้น พ่อบ้านชะงักฝีเท้า กล่าวกับใครบางคน

“ทำไมถึงบุ่มบ่ามนัก? ทำไมไม่รอโอกาสที่ดีกว่านี้?”

ถัดมา เสียงของสตรีที่ค่อนข้างแหบจากความอ่อนเพลีย ตอบคำถามของวอลเตอร์

“นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว… ถ้าปล่อยให้เจ้านั่นกลับคฤหาสน์ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้ออกมา”

“แล้วทำไมคุณถึงเจ็บหนักขนาดนี้?” วอลเตอร์ถามด้วยความกังวล

สตรีลึกลับหัวเราะในลำคอ

“วิลเลี่ยม·ไซเคสเก่งกว่าที่คุณหรือฉันจินตนาการไว้มาก คงเพราะแบบนี้ หมอนั่นถึงถูกส่งมาทำงานในฐานะสายลับ… แต่ท้ายที่สุด ฉันก็ได้เบาะแสมาจากมัน… ผ่านมานานเหลือเกิน… ในที่สุดก็มีโอกาสได้เข้าใกล้ความจริงเสียที”

“ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนี้” วอลเตอร์พูดแผ่วเบา

สตรีหัวเราะด้วยความอ่อนเพลีย

“ฉันขายวิญญาณให้เทพมารไปแล้ว ดังนั้น เป้าหมายเดียวในชีวิตคือการแก้แค้น”

วอลเตอร์ถอนหายใจที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก

“ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน ผมจะคอยส่งอาหารมาให้ จนกว่าคุณจะฟื้นตัว… หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ใช้วิธีเดิมติดต่อผม”

หญิงสาวเงียบงันสักพัก ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงอ่อนเพลีย

“ในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ บริวารมากมายอ้างตัวว่าจงรักภักดี แต่พอเขาเสียชีวิต มีเพียงไม่กี่คนที่ยังศรัทธาในตัวเขา ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา… จากบรรดาทั้งหมด คุณทำให้ฉันประหลาดใจมากที่สุด”

“เขาเป็นขุนนางคนแรกที่ปฏิบัติต่อผมอย่างจริงใจ และเป็นคนเดียวที่ผมยอมภักดีจากก้นบึ้ง” วอลเตอร์ตอบเสียงทุ้ม

ไคลน์ผู้ใช้หุ่นเชิดแอบฟังบทสนทนา เริ่มเข้าใจเรื่องราวอย่างคลุมเครือ

หลังจากองค์ชายเอ็ดซัคสิ้นพระชนม์ มีบริวารไม่กี่คนที่ยังจงรักภักดีและสืบหาสาเหตุการตายของเขาอย่างลับๆ วอลเตอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น คอยทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากแวดวงชนชั้นสูง และใช้อำนาจในมือเพื่อแอบช่วยเหลือพวกพ้อง… นี่คงเป็น ‘พัฒนาการ’ ที่อาโรเดสหมายถึง…

ไคลน์บัง ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลให้เข้าสู่ภาวะล่องหน ดำดิ่งเข้าไปในทางเดินที่เงียบเชียบ แอบมองวอลเตอร์สนทนากับใครบางคนจากด้านข้าง โดยร่างกายของมันบังตัวสตรีลึกลับไว้ครึ่งหนึ่ง หล่อนสวมชุดสีดำ นั่งพิงกำแพง ใบหน้าค่อนข้างซีดเซียว

หลังจากได้ยินคำพูดวอลเตอร์ สตรีลึกลับหัวเราะในลำคอ มองไปที่ทางออก

“คุณกลับไปได้แล้ว อย่าให้ใครพบความผิดปรกติ”

หญิงสาวหันศีรษะ ช่วยให้ไคลน์เห็นใบหน้าได้เต็มสองตา – โครงหน้ากลมกลึง ดวงตาเรียว สีหน้าอ่อนโยนแฝงความอ่อนหวาน เป็นสตรีผู้มีเสน่ห์อันโดดเด่น และยังเป็นคนที่ไคลน์ ‘คุ้นเคย’

ทริสซี่!

ทริสซี่·ชีค!

……………………………………………….