ตอนที่ 1205 - เทพไม้ออกโรง

The Divine Nine Dragon Cauldron

แสงสีเขียวไร้ขอบเขตเปล่งประกายรอบตัวซือหยูแสงนั้นขับไล่ความคิดที่จะฆ่าซือหยูให้ออกไปจากจิตใจเทพเซียนคันฉ่อง
  “ทำไมกัน?ข้ายังไม่ได้ย้ายทรัพย์สมบัติออกมาเลย ถ้าเจ้าฆ่าเขา แล้วสมบัติเหล่านั้นเล่า? ให้เวลาเขาแต่งงานกับข้าก่อนเถอะ”
  เด็กสาวที่งดงามอย่างเป็นธรรมชาติกล่าวเสียงใสแต่ทันทีที่นางพูด ตัวตนของนางก็แตกต่างไปจากภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง
  เทพเซียนคันฉ่องเบิกตากว้าง
  “เทพคนใหม่!”
  ในบรรดาร้อยเทพนั้นไม่มีเทพไม้ถึงอย่างนั้น สตรีที่เป็นเทพไม้ก็ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้านาง!
  “ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นเทพคนใหม่ทำไมเจ้าไม่รีบส่งกล่องสีแดงหรืออะไรที่เป็นของขวัญที่ได้เจอข้ามาเล่า?”   เทพไม้ยิ้มและตบไปที่หน้าเทพเซียนคันฉ่อง
  เทพเซียนคันฉ่องใจสั่นอย่างรุนแรงไม่แปลกเลยที่ซือหยูจะไม่กลัว นั่นเป็นเพราะเขามีวิธีเรียกเทพออกมานั่นเอง!
  พลังของเทพคนนี้เหนือกว่าเทพจิงมากหลายขั้น!
  “เจ้าเทพซือหยูกำลังเป็นอาชญากรที่ร้อยเทพในพันธมิตรต้องการตัว ไม่ว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเขา เราจะไม่ทำเรื่องให้ยากกับเจ้าถ้าหากเจ้ายอมแพ้ตอนนี้ จงหนีไปซะ ไป!”
  เทพเซียนคันฉ่องขู่
  เทพไม้ที่ไม่ได้รับของขวัญจากการพบครั้งแรกพูดอย่างดุๆ
  “เจ้าผีชั่ว!เจ้าไม่ได้ให้อะไรข้าแต่อยากจะให้ข้าทิ้งเจ้าของข้าไปรึ ข้าไม่ได้โง่นะ!”
  เจ้าของ…?เทพเซียนคันฉ่องสยองในใจ เทพคนนี้ไม่มีความเคารพตัวเองเลย!   แต่ถึงนางจะคิดว่าเทพไม้นั้นบ้าไปแล้วเทพเซียนคันฉ่องก็มิอาจทิ้งแผนของตัวเองไปได้
  “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า!”
  นางถือโอกาสลงมือก่อน
  การต่อสู้ระหว่างเทพส่วนใหญ่จะมีการเร้นเอาไว้ด้วยพลังของวิญญาณมันมองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ มิอาจมีใครรับรู้
  ซือหยูเห็นเพียงทุกสิ่งตรงหน้าที่ไม่คมชัดเทพไม้กับเทพเซียนคันฉ่องหายตัวไปจากท้องนภาพร้อมกัน และเขาก็สัมผัสไม่ได้ถึงความเคลื่อนไหวในอากาศเลย
  แต่พลังเทพที่แผ่ออกมานั้นบอกซือหยูว่าเทพทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
  จากนั้นเทพเซียนคันฉ่องก็ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงระเบิดที่มุมปากของนางมีโลหิตสีทองไหลออกมา
  นางยังคงยืนอยู่ที่ด้านหน้าซือหยูอย่างไร้ความเคลื่อนไหว  ร่างอันสง่างามของเทพไม้เองก็ปรากฏที่หน้าเขาเช่นกันแต่นางถือผ้ารัดตัวสีชมพูในมือ นางแกว่งมือไปมาด้วยรอยยิ้ม
  “เจ้าแก่แล้วแต่ก็ยังใส่สีชมพูรึหึหึ”
  เทพเซียนคันฉ่องที่อยู่อีกด้านหน้าแดงและอับอาย
  “เจ้ามันไร้ยางอาย!”
  ซือหยูเหลือบมองเครื่องแต่งกายของสตรีสีแดงอีกชิ้นในมือเทพไม้เทพไม้ต่อสู้อย่างหน้าด้านไร้ขีดจำกัดจนถึงท่อนล่างเลยรึ? นางฉีกชุดของเทพเซียนคันฉ่องออกมาจริง ๆ รึ?
  แต่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองนั้นเห็นผลชัดเจนเทพไม้ที่ฟื้นพลังกลับคืนมานั้นมีพลังเหนือเทพเซียนคันฉ่อง
  “ฮ่าๆๆ!พลังแค่นี้แต่กลับคิดจะฆ่าเจ้าของข้า ให้เจ้าโง่อีกสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาด้วยสิ! ข้าจะแก้ผ้าเจ้าทั้งตัวเลย!”
  เทพไม้เหลือบมองด้านข้างอย่างเยือกเย็น
  แสงเทพแล่นผ่านแสงหยกครามพุ่งมาจากระยะไร้สิ้นสุด จากนั้นต้นไม้ยักษ์ใหญ่ราวหอคอยก็ปกคลุมไปทั่วโลก!
  ใบไม้งอกเงยหนาแน่นเทพสองคนที่แอบอยู่ถูกผลักออกมา!
  “เทพวารีกับเทพศิลารึ?”
  ซือหยูยิ้มที่มุมปากเหยื่อมาติดกับแผนที่เขาวางเอาไว้พอดิบพอดี
  ทั้งสองพุ่งฝ่าใบไม้ออกมาและบินไปใกล้เทพเซียนคันฉ๋องทั้งคู่มองดูเทพไม้ด้วยความหวาดระแวง
  “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
  เทพเซียนคันฉ่องใจหล่นไปอยู่ใต้หุบเขานางวคิดว่าเทพที่ซือหยูพามาจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ใครจะไปคิดเล่าว่านางต่อสู้กับเทพคนนี้ไม่ได้เลย?
  จากสัญชาตญาณเทพไม้นั้นแข็งแกร่งพอที่จะอยู่ในเทพเก้าอันดับแรกแห่งพันธมิตรบูรพา
  เทพไม้เพียงแค่โยนผ้าคาดเอวของเทพเซียนคันฉ่องให้กับซือหยู
  “เอาไปสิยามค่ำคืนเหงาเงียบสงัด มันจะดับกระหายเจ้าได้”
  ซือหยูเกือบจะมีภูมิต้านทานต่อความไร้สาระของนางแต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ เขาก็ได้แต่ทำปากบิดเบี้ยว
  เรื่องท่อนล่างเป็นสิ่งที่เทพไม้มักจะพูดอยู่ตลอดไม่มีใครคิดว่าขีดจำกัดความต่ำตมของนางอยู่ลึกแค่ไหน
  “ไร้ยางอาย!”
  เทพเซียนคันฉ่องโกรธมาก
  “เทพวารีเทพศิลา เทพไม้คนนี้แปลกมาก โจมตีนางในตอนที่นางขยับไม่ได้ซะ ข้าจะไปหาคนอื่นมาจัดการซือหยู!”
  เทพทั้งสามรวมพลังกันพลังนั้นแผ่ไปทั่วทั้งนภา
  เทพไม้มิได้เกรงกลัว  “เย้ข้าฟื้นพลังกลับมาแล้ว ขอออกกำลังกายกับเทพไร้ประโยชน์อย่าพวกเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!”
  นางถูกปักติดกับบัลลังก์มาหลายพันปีเทพไม้อยากจะขยับตัวจนเต็มแก่
  เทพทั้งสี่ซัดพลังใส่กันด้วยกระบวนท่าที่มองไมเ่ห็นในทันที
  พลังเทพขนาดมหึมาเพิ่มมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า!
  แม้จะคุ้นเคยกับพลังของเทพซือหยูก็ต้องรับแรงกดดันที่ทำให้ขยับตัวได้ลำบาก
  วาบ!
  อีกหลายคนปรากฏตัวออกมาแทบจะพร้อมกัน
  มีหลิวลี่ผู้คุมกฎฉินเฟยเฉิน และหน่วยผู้คุมกฎราวร้อยคน
  หลิวลี่ที่เป็นผู้คุมกฎนั้นมีอำนาจในการเคลื่อนหน่วยผู้คุมกฎเพื่อจับตัวอาชญากรถ้าหากไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เชื่อใจ หลิวลี่ก็เคลื่อนทัพได้เป็นแสนคน
  “ซือหยู!วันนี้เจ้าต้องตาย!”
  ฉินเฟยเฉินมองซือหยูด้วยความดีใจ
  แต่ซือหยูไม่แม้แต่มองเขาทำไมเขาจะต้องพูดตอบคนตายด้วยเล่า?
  “เอาเลยฆ่าซือหยูซะ!”
  คำสั่งหลิวลี่มิใช่การจับกุมเขาแต่เป็นการสังหารซือหยูในทันที
  แม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันขัดต่อกฎของร้อยเทพผู้คุมกฎทั้งร้อยคนก็ไม่ลังเลที่จะทำตามคำสั่ง
  ซือหยูเรียกสร้อยหยกบันทึกออกมาบันทึกตอนที่หลิวลี่ออกคำสั่งเพื่อเป็นหลักฐานว่าหน่วยผู้คุมกฎไำม่ลังเลที่จะทำตามคำสั่งของนางรายละเอียดทุกอย่างถูกบันทึกเอาไว้แล้ว
  “เอาล่ะตอนนี้หากข้าฆ่าพวกเจ้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว!”
  ซือหยูยิ้มที่มุมปากเขาเรียกเอาหอคอยร้อยชั้นออกมา
  เขาเปิดชั้นหนึ่งออกมามีเซียนมากมายปรากฏตัว
  คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงเซียนขั้นสามเท่านั้นส่วนที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นเพียงแค่อสูรเนรมิตร
  กำลังของคนเดียวนั้นห่างไกลเกินกว่าจะต่อกรกับทั้งร้อยคนแต่ยังชนะได้หากมีเยอะนับพัน!
  เป็นเพราะทรัพยากรากตระกูลเทพกระเรียนที่ทำให้ซือหยูยืมมันมาแอบบ่มเพาะคนในหอคอยร้อยชั้นรวมถึงยังให้เซียนขาวดำได้เพิ่มพลังราวสองระดับ ส่วนเจ้าดินแดนอื่นก็ตั้งใจบ่มเพาะเซียนจำนวนมาก ส่วนอสูรเนรมิตรนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
  จิวโจวได้เติบโตช้าลงด้วยสภาพแวดล้อมที่เสื่อมถอยมาช้านานและเมื่อพวกเขาได้ทรัพยากรมากมายจากพันธมิตรบูรพา พลังของพวกเขาจึงทะยานขึ้นมาได้  ต่อหน้ากำลังทัพใหญ่หลิวลี่กับฉินเฟยเฉินเลิกคิ้ว!
  “เจ้ามีโลกทั้งใบติดตัวเรอะ?”
  หลิวลี่ตกใจทายาทเทพนั้นสามารถสร้างโลกขึ้นมาได้อย่างไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่พ่อของตนสละเสี้ยวแหล่งพลังเทพให้ การสร้างโลกก็เป็นเรื่องง่ายดาย แต่โลกที่ซือหยูมีนั้นไม่ใช่โลกใบเล็ก ๆ เลย
  ชาวจิวโจวตอบคำถามของเขาได้เป็นอย่างดี
  แม้หน่วยผู้คุมกฎจะแข็งแกร่งแต่พวกเขาจะต่อสู้กับคนมหาศาลได้อย่างไร? ทันทีที่สู้ พวกเขาก็ถูกจำนวนเข้ารุมทึ้งจนพ่ายแพ้อยู่ดี
  “ข้าคงต้องลงมือด้วยสินะ!”
  หลิงลี่เรียกหอกออกมาจากมือร่างของนางหายไปอย่างรวดเร็ว
  ซือหยูสีหน้าเยือกเย็นมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังออกมาจากหอคอย กิเลนทมิฬบินออกมา
  หลิวลี่ชักสีหน้าเมื่อมองเทพกิเลน  “เทพกิเลนแห่งโลกจิวโจว?!”
  “โอ้เจ้ายังจำเทพชราผู้นี้ได้ มีคนจำได้ไม่กี่คนนักหรอก!”
  หลิวลี่พูด
  “เจ้าไม่ได้เหลือแหล่งพลังเทพแค่เสี้ยวเดียวหรอกรึ?ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?”
  เทพกิเลนขณะนี้มีแหล่งพลังเทพที่แข็งแกร่งและว่าที่เทพขั้นแรกขั้นไม่ใช่คู่มือแน่นอน
  สถานการณ์แตกต่างจากคำบอกเล่าที่พวกเขาได้มาโดยสิ้นเชิง!
  หลิวลี่คิดย้อนกลับไป
  “อย่าบอกนะว่าเจ้าปล้นแหล่งพลังเทพมาจากสุสานเทพ…”
  ฉินเฟยเฉินตกใจและจ้องมองซือหยูในทันที
  “ซือหยูเจ้าเอาแหล่งพลังเทพทั้งหมดมาจาก…?”  “เจ้ายังต้องถามอีกเรอะข้าก็เอาขยะจากบรรพบุรุษเจ้ามาใช้ใหม่น่ะสิ…”
  ซือหยูไม่รอให้ฉินเฟยเฉินพูดจบและพูดแทรกอย่างมีความสุข
  “ทำแบบนี้ยังทำให้เทพอื่นที่เสียพลังยังคงเจตจำนงอยู่นี่คือเรื่องดี ๆ ที่บรรพบุรุษเจ้าทำได้ไม่ใช่หรือ?”
  อะไรนะ?!ฉินเฟยเฉินโกรธแค้นจนตัวแทบระเบิด!
  แหล่งพลังเทพเหล่านั้นไม่ได้ปลดปล่อยมาห้าสิบปีแต่ก็มีเหตุผลรองรับอยู่ เทพตำราในอดีตเคยตั้งกฎเอาไว้ว่าถ้าวันหนึ่ง แหล่งพลังเทพของเทพตำราคนปัจจุบันเสียหายและมิอาจฟื้นคืน เทพตำราคนปัจจุบันจะต้องมาที่สุสานบรรพบุรุษและดูดซับแหล่งพลังเทพของบรรพบุรุษไปทดแทน!
  ผ่านเวลาเนิ่นนานหลายแสนปีมาแล้วเทพตำราหลายคนสืบทอดกฎข้อนี้ร่วมกันมา พวกเขาแอบเข้าโลกสุสานเทพเพื่อดูดซับแหล่งพลังเทพ เทพตำราสิบคนในอดีต มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่มีแหล่งพลังเทพสมบูรณ์ ในขณะที่อีกห้าคนต้องดูดซับพลังเพิ่มเติมเข้ามา
  แต่อนิจจาแหล่งพลังเทพที่เตรียมไว้ให้กับเทพตำราคนปัจจุบันเหล่านั้นได้ถูกซือหยูชิงไปแล้ว!
  “เป็นเพราะซือหยูข้าเลยเกรงว่าจะไม่เหลือพลังแม้แต่นิดเดียวให้กับตระกูลเทพตำราเสียแล้ว!”
  “หืมอะไรนะ? ฉินเฟยเฉิน เจ้ารีบไปดูสิ”
  ซือหยูพูดเบาๆ
  ฉินเฟยเฉินกำหมัดแน่นแต่เขาก็ต้องฝืนตัวเองให้ใจเย็น ซือหยูเอาชนะบุตรชายเทพกระบี่ได้อย่างง่ายดาย เขาไม่ใช่คู่มือของซือหยูเลย
  เทพกิเลนกับหลิวลี่ต่อสู้กันอย่างรวดเร็วทั้งคู่มีพลังว่าที่เทพเท่ากัน แต่เทพกิเลนนั้นเคยเป็นเทพของจริงมาก่อน ประสบการณ์ พลังเหนือธรรมชาติ และทักษะการต่อสู้ย่อมต่างจากว่าที่เทพทั่วไปที่มีอายุเพียงร้อยปีอยู่แล้ว เทพกิเลนชนะอย่างไม่เห็นฝุ่น
  หลิวลี่พยายามที่จะไม่ยอมแพ้ต่อเทพกิเลนแต่หอกในมือนางก็แทบจะไม่ได้สัมผัสโดนส่วนใดของเทพกิเลนเลย
  ทั้งสองต่อสู้กันต่อไปแต่เสียงหัวเราะของเทพกิเลนได้ทำให้หลิวลี่ขนลุกจนทำอะไรไม่ถูก
  จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วโลกของเทพวารี!
  ท้องนภากลายเป็นคลื่นแสงสีทองแม้แต่เมฆาก็กลายเป็นสีเหลืองทอง
  ขุนเขาและวารีและทุกสิ่งในโลกของเทพวารีล้วนส่งความโศกเศร้าราวกับคร่ำครวญต่อเทพที่แตกดับ
  เมื่อเทพตายทุกสิ่งบนโลกย่อมถูกล้างบาง
  พิรุณสีทองร่วงหล่นจากท้องนภาสีครามกว้างใหญ่เพื่อฟื้นฟูโลกทั้งใบให้สมบูรณ์ดังเดิม  ซือหยูดีใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมุกวิญญาณเก้าหยกเปิดออกและดูดกลืนพิรุณสีทองเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
  นั่นก็เพราะมันมิใช่พิรุณแต่เป็นโลหิตเทพอันล้ำค่า!