บทที่ 848 ไพ่ตายหรือปัญหาร้ายกาจ

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ลมหนาวพัดผ่านไปแถบจะทำให้เหงือบนหน้าผากของดอนนี่กลายเป็นน้ำแข็ง ความหนาวทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยินดีครึ่งหนึ่งหวาดกลัวอีกครึ่งหนึ่งเมื่อมองไปที่มือขวา แล้วหวนนึกถึงภาพเมื่อครู่

ภาพสีดำ สีขาว และสีเทาที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ ความเงียบนิจนิรันดร์ที่น่าจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม การเข้าครอบงำผีร้ายอย่างสมบูรณ์ และการฉวยโอกาสเจาะทะลุการป้องกันของผีร้ายโดยตรง ช่างเป็นมือขวาที่แปลกและทรงพลังมาก!

ความรู้สึกนี้ช่างคล้ายกับการที่เขาได้พบชุดเกราะสีดำในฝันร้าย หรือแม้กระทั่งพื้นที่สีดำ สีขาว และสีเทาที่ถูกผนึกไว้ที่ใจกลางของจักรวาลภาพลวงตา!

ในระหว่างที่เขาฝันร้าย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและเขาก็ถูก “ปีศาจ” ทำร้ายโดยที่เขาไม่รู้สึกตัวเลยหรือ?

ดอนนี่รู้สึกกลัวปีศาจที่สามารถบงการฝันร้ายจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะเพียงแค่เขามองดูมันเขาก็รู้สึกได้ถึงความตายอันบริสุทธิ์ เขาส่ายศีรษะเรียกสติ ก่อนที่คำรามลั่นในใจ เขาต้องรีบไปหาคาร์ล! เพราะมีเพียงเขาและคนที่อยู่เบื้องหลังเขาเท่านั้นที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! พวกเข้าต้องสนใจปีศาจตัวนี้มากแน่ๆ!

เสียงคำรามที่ดังก้องในหัวใจของดอนนี่ส่งผลให้เขาเดินไปยังประตูประสาทที่แท้จริง ในขณะนั้นเองเขาก็เหลือบไปเห็นผงแวววาวที่อยู่บนพรม

ผงแห่งวิญญาณปีศาจ?

ดอนนี่หยุดชะงักทันที ผีร้ายที่อยู่เบื้องหลังนั้นตายแล้วใช่ไหม?

ผงแห่งวิญญาณปีศาจเป็นวัตถุดิบระดับกลางที่หายากและมีค่ามาก ดอนนี่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้รับมัน!

ดอนนี่ตกตะลึง ก่อนที่เขาจะก้มลงไปเก็บผง เขากลับได้ยินเสียงที่ดังชัดอยู่ในใจ

“วิญญาณปีศาจตัวนี้แข็งแกร่งพอๆ กับนักเวทวงแหวนที่ 5 และใกล้จะกลายเป็นระดับสูงเข้าไปทุกที มันสามารถฆ่าข้าได้ง่ายเหมือนกับฆ่าคนธรรมดา แต่ภายใต้พื้นที่สีดำ สีขาว และสีเทามันกลับไม่สามารถต้านทานมือขวาของข้า หลังจากที่ข้าแทงมัน มันก็แตกสลายเหมือนฟองสบู่…

“มือขวาของข้ามีพลังมากขนาดนี้เลยเหรอ?

“การปนเปื้อนของปีศาจเพียงตัวเดียวทำให้ข้ามีพลังมากถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แท้จริงของมือขวา ดอนนี่จึงเริ่มลังเล สำหรับชาวเมืองธรรมดาที่เติบโตไปเป็นนักเวทฝึกหัด และด้วยความพยายามอย่างหนักจนกระทั่งกลายเป็นนักเวทของทางการ ความสามารถนี้มันอยู่เหนือขอบเขตจินตนาการของเขามากไปสักหน่อย

“พลังในมือของข้ามากพอที่จะจัดการกับปีศาจที่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงได้ ความสามารถนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ข้าได้ขึ้นเป็นระดับสูงด้วยซ้ำ…

“นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าจะสามารถขจัดความสามารถพิเศษที่ต่ำกว่าระดับสูงเหมือนกับ ‘พรกำจัด’ ของพลังโลหิต หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่านี้ก็ได้…

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็สามารถเข้าไปผจญภัยในโลกแห่งวิญญาณหรือเข้าไปสำรวจสุสานที่ได้ชื่อว่ามีความอันตรายได้ ข้าจะได้รับวัสดุมากมายที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางดาราศาสตร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของข้าได้…

“ความแข็งแกร่งก็หมายถึงตำแหน่ง ข้าจะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพแม้ว่าคนนั้นจะเป็นขุนนางของราชสำนัก…

“พ่อและแม่จะไม่ต้องกังวลเรื่องร้านขายของชำอีกต่อไป ด้วยอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุมากมายพวกเขาก็สามารถพบแต่ความเพลิดเพลินและความสะดวกสบาย… ส่วนลิลลี่ก็จะมีโอกาสไปโรงเรียนสามัญแทนที่จะอยู่ช่วยงานบ้านและรอวันที่จะแต่งงานออกไปโดยที่ไม่ได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง…”

กล้ามเนื้อใบหน้าของดอนนี่บิดเบี้ยวไปมาด้วยความน่ากลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครพูดได้ว่ามือขวาของข้ามีบางอย่างผิดปกติ! อย่างน้อย คาร์ลและคนของเขาก็คงไม่สังเกตเห็น!”

ดอนนี่ค่อยๆ เอามือขวาใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมเวทมนต์

ปัง

ลมหนาวพัดเข้ามาถูกหน้าต่างที่เปิดเอาไว้จนกระแทกเข้ากับกรอบหน้าต่างอย่างรุนแรง

ดอนนี่สะดุ้งขึ้นอย่างกะทันหัน เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น จากนั้นความปรารถนาของเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวอีกครั้ง

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับข้า? มือขวาทำให้ข้ามีพลัง แต่ใครจะรู้ว่ามันจะสร้างผลเสีย และอาจทำให้ข้ากลายเป็นผีดิบที่ไร้ความรู้สึกไปทีละนิด?

“พลังที่อยู่เหนือการควบคุมและไม่รู้ที่มาที่ไปจะต้องศึกษาอย่างระมัดระวัง… นักเวทระดับสูงมากมายตายด้วยความประมาท…

“ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ โอกาสยังมีเสมอ!”

ในที่สุดดอนนี่ก็ตัดสินใจได้และตืดต่อหาคาร์ลที่ทิ้งเบอร์ส่วนตัวไว้ให้เขาตั้งแต่ที่เขากลับเข้ามาในเมือง ผลลัพธ์ก็คงไม่รุนแรงไปมากกว่าการสูญเสียมือขวา อีกอย่าง ถ้าเขาโชคดีก็คงจะมีพลังบางอย่างที่เขาจะใช้ควบคุมได้ และไม่หลงเหลือปัญหาที่ร้ายกาจ

นอกปราสาท มีคนร่างสูงที่กำลังหัวเราะคิกคัก “เป็นเรื่องดีมากที่ชายคนนี้สามารถควบคุมความปรารถนาของเขาได้อย่างน่าทึ่ง มิฉะนั้นเขาก็คงไม่เพียงแต่จะได้รับเสียหายจากอากาศแห่งความตายเท่านั้น แต่เป็นไปได้ว่า ‘ความโลภ’ จะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง”

ปีศาจแห่งบรรพกาลไม่สามารถดับสูญได้ตราบใดที่สัตว์อสูรมากสติปัญญายังคงอยู่ ในอีกไม่กี่สิบปีพวกมันจะปรากฏตัวขึ้นและรวมตัวกันอีกครั้ง เพียงแต่ว่าพวกมันจะไม่แข็งแกร่งเท่าแต่ก่อนไปชั่วขณะ

ดอนนี่เดินในป่าที่เงียบสงัดและมืดมิดด้วยตัวเอง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายน่ากลัวดังขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว แต่ดอนนี่กลับคิดว่าง่ายกว่าการเดินในปราสาทมาก สัตว์ร้ายและเหล่าผีรวมกันก็ไม่สามารถเทียบได้กับ “ลมหายใจอัมพาต” จากวิญญาณปีศาจ

เขาได้ทิ้งข้อความถึงบารอนเฮอร์ดอส ที่บอกว่าเขาได้แก้ไขปัญหาได้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็กลับไปไปในเมืองอย่างไม่รอช้า

ด้วยการเสริมพลังจากเวทมนต์ หลังจากผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมงดอนนี่ก็เห็นเมืองอันมืดมิดและเงียบสงบที่คุ้นเคย ยกเว้นสถานีรถไฟไอน้ำเวทมนต์ที่มีตะเกียงส่องสว่าง

ดอนนี่เลือกที่จะไปที่สถานี เขาเดินไปที่สำนักงานและเคาะประตูที่ถูกปิดสนิทอย่างรุนแรง

“ใครกัน?” บาทหลวงที่อยู่ข้างในถามด้วยความกลัวว่าอาจจะเป็นโจร?

มีรถไฟไอน้ำเวทมนตร์หลายขบวนที่ต้องขนส่งสินค้าในตอนกลางคืน จึงจำเป็นต้องมีคนอยู่ในสถานีเพื่อคอยประสานงาน แต่ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้แทบจะไม่มีพนักงานคนไหนที่มีพลังของนักเวทฝึกหัดเลย และพวกเขาสามารถใช้ปืนระเบิดในการจัดการกับอันตรายได้เท่านั้น แต่พวกโจรก็ได้รับบทเรียนแล้ว พวกโจรรู้วิธีหลบเลี่ยงอาวุธและไม่เป็นฝ่ายยอมถูกยิงเหมือนเมื่อก่อน

หากพวกโจรแข็งแกร่งพอๆ กับอัศวินฝึกหัดหรือนักเวทฝึกหัด มันก็จะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก เพราะถึงอย่างไรปืนระเบิดก็จำเป็นต้องมีการเล็ง และไม่สามารถใช้พลังวิญญาณล็อคเป้าหมายได้

ดอนนี่ถอดตรานักเวทแล้วโบกที่หน้าต่าง “ข้าคือดอนนี่ ข้าขอใช้สิทธิ์ของนักเวทในการใช้โทรศัพท์ของสถานี”

ตามข้อตกลงของสภาแห่งเวทมนตร์และหลากหลายดินแดน นักเวทของทางการสามารถใช้ตราสัญลักษณ์ของพวกเขาในกรณีฉุกเฉินเพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารในที่สาธารณะ

บาทหลวงที่อยู่ด้านในโล่งใจอย่างมาก หลังจากยืนยันความถูกต้องของตราแล้ว เขาก็เปิดประตู “เข้ามาเลยท่านดอนนี่ โทรศัพท์อยู่บนโต๊ะ”

ดอนนี่พยักหน้าและรีบไปที่โต๊ะพร้อมกดหมายเลขโทรศัพท์ของคาร์ล เขาไม่มีเวลาขอบคุณบาทหลวงคนนั้นด้วยซ้ำ

หลังจากได้ยินเสียงบี๊บสามครั้ง น้ำเสียงขี้เกียจและแหบพร่าของคาร์ลก็ดังขึ้น “ใครโทรมากลางดึก? ไม่รู้หรือว่านี่เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและโหดร้ายมาก”

ดูเหมือนคาร์ลจะโกรธมากที่ถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล

ดอนนี่อึ้งไปชั่วครู่ เสียงของคาร์ลฟังดูเบาลงเรื่อยๆ “คาร์ล นี่ดอนนี่ ข้าเจออะไรแปลกๆ ด้วย”

“ดอนนี่? แปลกอะไร” เสียงคาร์ลดูสดชื่นขึ้น จากนั้นเขาก็พูดเอื่อยๆ ว่า “ถ้าไม่แปลก ต้องขอโทษข้าด้วย การขัดขวางความฝันอันแสนหวานของคนอื่นมีโทษจำคุกน่ะ พรุ่งนี้ข้าต้องใช้พลังในการฟังการแสดงของท่านปู่วิคเตอร์ นี้อาจจะเป็นการแสดงสุดท้ายของเขาด้วย ในระหว่างนั้นข้าไม่อยากพลาดและหาวไม่ได้ด้วย…”

“สัตว์ประหลาดในชุดเกราะสีดำที่อยู่ในฝันร้าย มันติดอยู่ที่มือขวาของข้า” ดอนนี่กล่าวตรงประเด็น นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดการพล่ามของคาร์ลได้

อันที่จริง เขายังรู้ด้วยว่า วันพรุ่งนี้การแสดงของท่านวิคเตอร์จะจัดขึ้นที่นครเรนทาโต ตามที่เสียงแห่งอาร์คานาเสนอ

ในฐานะอาจารย์สอนดนตรีของท่านอีวานส์ เขาอายุมากเกินกว่าที่จะมีการแสดงครั้งต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะทานน้ำยาเวทก็ตาม ว่ากันว่าเขาจะจัดการแสดงอำลาทั้งในอัลโต้และเรนทาโตเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาปฏิบัติต่อดนตรีดั้งเดิมและเพลงสมัยใหม่อย่างเท่าเทียม

แม้ว่าวิกเตอร์จะเป็นที่รู้จักกันดีของนักเรียนของเขา แต่คนรักดนตรีทุกคนรู้ว่าความสำเร็จด้านดนตรีของท่านวิคเตอร์นั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว ได้ยังมีนักเรียนคนอื่นๆ อีกสองสามคนที่โดดเด่นแม้ว่าจะไม่ดีเท่าตัวเขาเองหรือท่านอีวานส์ก็ตาม ดังนั้นเขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นที่ปรึกษาด้านดนตรีที่ดีที่สุด

จู่ๆ คาร์ลก็พูดเสียงดังว่า “สัตว์ประหลาดในชุดเกราะสีดำที่อยู่ในฝันร้าย? มือขวาแช่แข็งพื้นที่สีดำ สีขาว และสีเทา แล้วยังจัดการกับปีศาจผีดิบ และยังใช้ขจัดเวทมนต์ด้วยใช่ไหม?”

“รู้ได้อย่างไร?” ดอนนี่ค่อนข้างแปลกใจ

คาร์ลยิ้ม “แน่นอนข้ารู้ ก่อนหน้านี้พ่อของข้าเคยเห็นและเคยเล่าให้ฟังแล้ว ฮาฮา ดีมากที่บอกข้า ไม่อย่างนั้นพลังชีวิตของเจ้าจะหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่แน่อีกสองสามปีร่างกายของนายก็จะเริ่มเน่า…”

“แล้วข้าต้องทำยังไง?” ดอนนี่ดีใจที่เขาเลือกได้ถูกต้อง

คาร์ลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “ตอนนี้คงไม่เป็นไร หลังจบการแสดงข้าจะไปหาเจ้า หรือเช้าวันพรุ่งนี้เจ้าจะขึ้นรถไฟขบวนที่เร็วที่สุดไปเรนทาโตแล้วข้าจะให้คนไปรับ”

“พรุ่งนี้ข้าจะไป!” ดอนนี่ไม่กล้ารอช้าและตัดสินใจไปเรนทาโตในเช้าวันถัดมา “ขอบคุณนะคาร์ล ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว ข้าต้องรีบไปพักผ่อนเช่นกัน”

คาร์ลหัวเราะคิกคัก “เจ้าปลุกข้าแล้วจะหนีไปนอนเหรอ? ไม่ เจ้าต้องอยู่คุยกับข้า!”

“แต่พรุ่งนี้มีการแสดง…” ดอนนี่รู้สึกหมดแรง เขาปฏิเสธไม่ออก

แม้ว่าคาร์ลจะช่างพูด แต่เขาก็ไม่หวั่นไหวอย่างแน่นอน เมื่อสังเกตเห็นความไม่เต็มใจของดอนนี่ จากนั้นเขาจึงวางสายไป

ดอนนี่กลับบ้านอย่างเงียบๆ เขาไม่กล้าเข้านอนจึงหันไปเริ่มฝึกสมาธิเพราะเขากลัวจะฝันร้ายอีก

ระหว่างการทำสมาธิด้วยความหดหู่ ร่างกายของดอนนี่ก็สั่นสะท้านขึ้นทันที เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้าเขาเปลี่ยนไป รอบๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยความหนาวเย็น ภาพภูเขา แม่น้ำ เมือง และหมู่บ้านต่างๆ ทั้งสีดำ สีขาว และสีเทาถูกสะท้อนออกมา ปีศาจผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วนเดินเตร็ดเตร่ไปทุกหนทุกแห่งโดยที่ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย

“โลกแห่งวิญญาณ? ข้าฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?” ดอนนี่คิดด้วยความตกใจ เขาเข้าสู่ความฝันโดยที่เขายังไม่ได้หลับได้อย่างไร?

“เมืองนี้มันวุ่นวาย แต่ก็ดูค่อนข้างคุ้นเคย… นี้คืออัลโต้ ‘เมืองหลวงแห่งดนตรี’ ที่สารคดีของสถานีโทรทัศน์สกาย พูดถึง!”

ดอนนี่ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่เมืองอีกฟากหนึ่งของทวีป

นอกเมือง ร่างสองร่างคล้ายจริงคล้ายไม่จริงเฝ้ามองทุกอย่างเงียบๆ หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พี่ชาย เราจะไม่ทำอะไรสักอย่างหรือ?”

มันเป็นเสียงของคาร์ล เมื่อโลกแห่งวิญญาณได้ปรากฏ เขาก็ยังสามารถพูดได้ ยกเว้นว่าตอนนี้เขายังเป็นภาพสีดำ สีขาว และสีเทา!

……………………………………………………