ตอนที่ 454 มวยใต้ดิน (1)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 454 มวยใต้ดิน (1) โดย Ink Stone_Fantasy

“น้องเยี่ย นายพูดผิดหรือเปล่า?”

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเปาเฟิงหลิงสองคนที่ไม่เชื่อเยี่ยเทียน แม้แต่ชิวเหวินตงก็แสดงอาการประหลาดใจออกมา ในยุทธภพอันวุ่นวายนี้ใครบ้างที่ไม่เป็นคนโหดร้าย? เยี่ยเทียนจะปล่อยให้พวกเขาไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

ตามกฎแล้ว หากมีการฉ้อโกงและไม่ได้เงินคืนนั้น ถ้าจะตัดแขนข้างหนึ่งหรือขาข้างหนึ่งก็ยังถือว่าน้อยไปสำหรับเขาทั้งสอง กระทั่งถูกยัดใส่ในกระสอบแล้วเอาไปทิ้งน้ำ นั่นก็ยังถือว่าสมเหตุสมผล

แต่การกระทำของเยี่ยเทียนนั้นเกินความคาดหมายของทุกคนในห้อง ถ้าปล่อยสองคนนี้ไป พวกเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแน่นอน

“พี่ชิว พี่คิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ?” เยี่ยเทียนมองพวกเปาเฟิงหลิงด้วยใบหน้าที่อมยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมหรือ? พวกแกต้องการให้ฉันอยู่เป็นผู้ดูแลอาหารการกินให้พวกแกอีกงั้นหรือ?”

“ท่านเยี่ย อย่าล้อเล่นกับพวกเราเลยนะ? หรือไม่ ฉันทิ้งนิ้วไว้ที่นี่นิ้วหนึ่ง?”

เปาเฟิงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาเองก็เป็นคนที่จิตใจเด็ดเดี่ยว เงยหน้าขึ้นแล้วจึงเห็นก้อนหินที่ทับกระดาษบนโต๊ะ จากนั้นก็เอาหินมาแล้วก็ทุบลงบนนิ้วก้อยทันที

“แค่นิ้วเดียวก็พอแล้วหรือ?”

เยี่ยเทียนยกมือขึ้นและคว้าข้อมือของเปาเฟิงหลิง และกล่าวว่า “จริง ๆ แล้วฉันไม่ต้องการให้แกเหลืออะไรไว้เลย แต่จำคำพูดของแกไว้ให้ดี เมื่อไหร่ก็ตามที่พบพี่ใหญ่จี๋ ก็ให้กลับมาหาฉัน ฉันเชื่อว่าพวกแกต้องร้อนใจมากกว่าฉันแน่”

สองล้านที่เปาเฟิงหลิงกับหลิวเหล่าเอ้อแบ่งมานั้น ได้ถูกใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไปแล้วสามสี่หมื่น ส่วนที่เหลือถูกเยี่ยเทียนนำกลับไปแล้ว ไม่มีประโยชน์จริงๆ ที่จะเก็บคนสองคนนี้ไว้ แค่เห็นหน้าก็ยังอารมณ์เสีย

“ท่านเยี่ย, ท่านพูดเรื่องจริงเหรอ?” เปาเฟิงหลิงมองเยี่ยเทียนอย่างไม่เชื่อ เวลานี้เขาสงสัยว่าสมองของเยี่ยเทียนผิดปกติแล้วหรือเปล่า?

เยี่ยเทียนโบกมือแล้วพูดว่า “ออกไปจากที่นี่ให้ไว ตามหาพี่ใหญ่จี๋ให้พบก็แล้วกัน แล้วพวกแกจะได้หลุดพ้นในเร็ววัน”

“ครับ ท่านเยี่ย ท่านวางใจได้ พวกเราสองคนจะหาไอ้สารเลวนั้นให้พบโดยเร็ว ท่านวางใจได้นะครับ!”

เมื่อมองไปที่เยี่ยเทียนดูเหมือนจะไม่เป็นเรื่องล้อเล่น เปาเฟิงหลิงกับหลิวเหล่าเอ้อก็ดีใจเหลือเกิน แล้วก้าวเท้าของพวกเขาเดินออกไปนอกประตู เนื่องจากเยี่ยเทียนออกปากแล้ว จึงไม่มีใครในสำนักศิลปะการต่อสู้จะหยุดเขาไว้สักคน

“เหล่าเปา นายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? เขา…เขาปล่อยเราจริงๆ หรือ” ทันทีที่ออกจากสำนักศิลปะการต่อสู้ ชายทั้งสองคนวิ่งออกมาอึดใจเดียวก็วิ่งไกลถึงสามสี่ไมล์แล้ว จากนั้นมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนกับฝันไป

“สงสัยว่าจะเป็นคนโง่จริงๆ เหล่าเอ้อ รีบเก็บข้าวของและออกจากเมืองหลวง พี่ใหญ่จี๋ ไอ้คนชั่วนี้ก็ยังคงต้องตามหา เงินสามสิบล้านนั้น ยังไงพวกเราสองคนก็ต้องได้ส่วนแบ่งบ้างแหละ!”

เปาเฟิงหลิงแสดงใบหน้าที่โหดเหี้ยม เวลานี้พี่ใหญ่จี๋ได้ผลักพวกเขาตกลงไปในหลุมไฟแล้ว หากไม่ใช่ว่าได้พบเจอกับเยี่ยเทียนเจ้าเด็กโง่ ก็ไม่รู้ว่าศพของพวกเขาจะนอนอยู่ที่ไหน

แม้ว่าเงินและบัตรในร่างกายของเขาถูกเยี่ยเทียนริบไว้หมดแล้ว แต่อาชีพที่พวกเขาทำ มักจะเป็นเหมือนกระต่ายเจ้าเล่ห์ที่มีสามโพรง ไม่ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็มักจะเหลือหนทางไว้ให้ตนเองเสมอ ทั้งสองก็อยู่ที่ปักกิ่งเป็นเวลาสองสามปีมาแล้ว จึงพอมีเงินและฐานะอยู่บ้าง

“น้องเยี่ย นี่เล่นไม้ไหนกันแน่?”

หลังจากที่พวกเปาเฟิงหลิงทั้งสองคนออกไปแล้ว ชิวเหวินตงก็มองหน้าเยี่ยเทียนด้วยความงุนงงและพูดว่า “ถ้านายกลัวว่าการหักมือและเท้าของพวกเขาจะถูกสงสัยโดยทางการ พี่คนนี้จะช่วยลงมือเอง คนเช่นนี้ถ้าไม่จัดการกับมัน ในวันข้างหน้าคนภาคเหนืออย่างเราจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อจากพวกชาวใต้เหล่านั้นเหรอ?”

พฤติกรรมของเยี่ยเทียนเมื่อสักครู่นั้นถ้าเป็นการมองในแบบคนในยุทธภพนี้ มันจะเป็นการแสดงออกที่ขี้ขลาด ทำผิดใหญ่หลวงแต่เขากลับไม่ไล่ตามและจัดการ ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่แน่คนโง่เหล่านี้จะรวมตัวกันในเมืองหลวงได้อีก

ใบหน้าของเยี่ยเทียนยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย โบกมือแล้วพูดว่า “พี่ชิว ไม่เป็นไร ถ้าสองคนนี้ไม่สามารถหาพี่ใหญ่จี๋จนพบ ในอนาคตพวกเขาไม่สามารถอยู่อย่างลูกผู้ชายได้แน่ ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะทนอยู่ได้?”

“จริงหรอ? ฮ่าๆ วิธีการของน้องเยี่ยยอดเยี่ยมจริงๆ นี่คือเรื่องที่ผู้ชายจะทนไม่ได้แน่นอน!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ชิวเหวินตงจึงเข้าใจเรื่องนี้ และหยุดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ดัง อย่ามองว่าเขาเองก็เป็นผู้ชายในวัยห้าสิบกว่าแล้ว แต่ใช่ว่าจะไม่เป็นที่พึงพอใจของหญิงสาว แน่นอนจึงสามารถเข้าใจความเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างดี

เพียงแต่ชิวเหวินตงยังไม่ทราบ ว่าวิธีการของเยี่ยเทียนนั้นไม่หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อครู่เขาไม่เพียงใช้แผนการเจ้าเล่ห์ทำให้สองคนนั้นสูญเสียสมรรถภาพบางอย่างไป ขณะเดียวกันก็ยังซ่อนเงาลมปราณพิฆาตไว้ในร่างกายของทั้งสองคนด้วย

หลังจากวันนี้ทุกวันขึ้นหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำ เมื่อพลังหยินเพิ่มขึ้นและพลังหยางอ่อนแอลง จะทำให้พลังพิฆาตภายในร่างกายเริ่มออกฤทธิ์ เหมือนกับมีมีดขนาดเล็กตัดอวัยวะภายในของพวกเขาอยู่ ความเจ็บปวดขนาดนั้นคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะทนได้อย่างแน่นอน

เยี่ยเทียนเชื่อว่า ขอเพียงทั้งสองคนนี้ได้ลิ้มลองเพียงครั้งเดียว เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีความกล้าที่จะฆ่าตัวตาย ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะต้องตามหาพี่ใหญ่จี๋อย่างสุดชีวิต เพราะมันเจ็บปวดกว่าการหักมือและเท้าของพวกเขา ทำให้พวกเขาเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป

หลังจากสนทนากับชิวเหวินตงสองสามประโยค เยี่ยเทียนได้ยกมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า “พี่ชิว ครั้งนี้รบกวนพี่แล้ว ต่อไปหากมีเรื่องอะไร ขอให้เรียกน้องชายคนนี้ได้เลย พวกเราขอตัวก่อนนะ”

แม้ว่าเรื่องจะจัดการได้ไม่เรียบร้อยดีนัก แต่ก็ได้ติดหนี้บุณคุณชิวเหวินตงแล้ว นั่นก็ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขาไม่รู้จะอธิบายให้พ่อฟังอย่างไรดีเมื่อเขากลับถึงบ้าน

เมื่อเห็นว่าเทียนจะออกไปแล้ว ชิวเหวินตงรีบคว้าเขาแล้วพูดว่า “น้องเยี่ย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง ไม่ช้าก็เร็วจะต้องจับตัวไอ้คนร้ายนั้นได้แน่นอน แต่มีการแข่งขันชกมวยคืนนี้ ไม่รู้ว่านายสนใจจะดูไหม?”

“ แข่งขันชกมวย หมายความว่ายังไงครับ?” เยี่ยเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาชอบดูรายการชกมวยสากลของต่างประเทศ ที่ต้องชกกันถึงห้ายก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่มีอาชีพชกมวยในประเทศจีน

ชิวเหวินตงยิ้มแล้วพูดว่า “มันเป็นมวยใต้ดิน ในนั้นฉันมีหุ้นส่วนอยู่บ้าง เป็นยังไง? ต้องการที่จะเปิดหูเปิดตาไหม?”

“มวยใต้ดิน นี่มันเรื่องอะไรกัน พี่ชิวคุณพูดให้ละเอียดสิ” ในยุทธภพนี้เยี่ยเทียนได้ยินเพียงจ้างมือปืนเพื่อแก้แค้น แต่เขาไม่เคยได้ยินคำว่ามวยใต้ดินสามคำนี้

“แท้จริงแล้วมันเป็นเกมส์ที่คนรวยเล่นกันในพื้นที่ปักกิ่งและเทียนจิน มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย มวยใต้ดินนี้เป็นเพียงหนึ่งในนั้นก็เท่านั้นเอง…”

เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนไม่รู้จริงๆ ว่ามวยใต้ดินคืออะไร ชิวเหวินตงจึงอธิบายกับเขาด้วยรอยยิ้ม มวยใต้ดินจะพูดตรงๆ ก็คือเป็นการพนันอย่างหนึ่ง แต่เครื่องมือในการพนัน เปลี่ยนจากลูกเต๋าและไพ่ให้เป็นคนก็เท่านั้นเอง

นักมวยใต้ดินสองคนต่อสู้บนเวทีมวย และผู้เข้าชมสามารถลงเงินเดิมพัน เจ้ามือบ่อนยึดตามอัตราการเดิมพันแพ้ชนะของทั้งสองฝ่าย และจ่ายเงินเดิมพันให้กับฝ่ายที่ชนะ

ผู้จะขึ้นต่อสู้ในมวยใต้ดินนี้ ต้องลงนามล่วงหน้าในเรื่องความเป็นความตายของชีวิต

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากเข้าสู่เวทีมวย ความเป็นความตายไม่ขึ้นอยู่กับคุณเองอีกต่อไป แรงกระตุ้นอันแรงกล้าระหว่างชีวิตกับความตายนี้เอง ทำให้คนร่ำรวยที่แต่งตัวดีรีบเร่งเข้ามาในฝูงชน ทำให้มวยใต้ดินนี้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่ปักกิ่งเทียนจิน ไม่เพียงแต่มีการแข่งขันมวยใต้ดินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพนันสุนัข ชนไก่เป็นต้นซึ่งยังดึงดูดกลุ่มคุณชายที่ร่ำรวยหรือประสบความสำเร็จจำนวนมากแต่มีจิตใจที่ว่างเปล่าไปร่วมพนันได้ ทว่าความเร้าใจสู้การแข่งขันมวยใต้ดินไม่ได้เท่านั้นเอง

ตามที่ชิวเหวินตงกล่าวมานั้น คนที่จัดการแข่งขันชกมวยใต้ดินนี้ เป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ในเมืองหลวงเขามีภูมิหลังที่ลึกลับมาก ดูเหมือนว่ายังมีความสัมพันธ์กับทางทหาร การชกมวยใต้ดินนี้ดำเนินการมาสามปีแล้ว ยังไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

ในฐานะที่เป็นบุคคลที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง ชิวเหวินตงก็มีชื่อเสียงกับเขาขึ้นมาบ้าง เมื่อสามปีที่ผ่านมาร่วมลงทุนหนึ่งล้าน ซึ่งคิดเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้น มากน้อยก็ยังถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นอยู่

“หนึ่งล้านได้หุ้นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินชิวเหวินตงพูดถึงตรงนี่แล้ว เยี่ยเทียนก็อดตะลึงไม่ได้ ควรต้องรู้ว่า เมื่อสามปีก่อน ไม่ต้องพูดถึงเศรษฐีเงินล้าน แค่เศรษฐีเงินแสนก็มีไม่มาก แต่หากควักหนึ่งล้านและได้หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น สถานที่นั้นต้องใหญ่แค่ไหนกัน?

“ น้องเยี่ย ฉันพอใจแล้ว แม้ว่าจะไม่ให้ฉันสักส่วน ฉันก็ต้องไปดูสนามให้เขาอยู่ดี

ชิวเหวินตงหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่เห็นท่าทีในความอวดดีตามปกติของเขา ความจริงแล้วในสายตาของคนบางคน เขาก็เป็นเหมือนสุนัขที่ได้รับการเลี้ยงดูทั่วไป เมื่อไหร่ที่เขาได้รับการปล่อยตัว เขาก็พร้อมที่จะกัดผู้คนได้ทุกเมื่อ

ในตอนนั้นที่มีคนมาเชิญเขา ได้จัดส่งกองกำลังทหารมาพร้อมทั้งปืนและอาวุธเรียงแถวกันมา จะขาดก็แต่เอาปืนเล็งไปที่หัวของเขาแล้วพาเขาขึ้นรถไป

ในสถานการณ์เช่นนั้น ชิวเหวินตงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงยอมเชื่อฟังและควักเงินหนึ่งล้านเพื่อลงหุ้น ไม่กล้าแม้แต่จะขอใบเสร็จรับเงินจากพวกเขา

แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ชิวเหวินตงได้ลิ้มรสความหอมหวานแล้ว เพราะกำไรของมวยใต้ดินนั้น เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขามีเพียงหุ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่เงินปันผลประจำปีของชิวเหวินตงนั้นมากกว่าห้าล้านหยวน

กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า มวยใต้ดินนี้ถูกจัดขึ้นเป็นเวลาสามปีแล้ว และผลกำไรที่สร้างขึ้นนั้นมีอย่างน้อยหนึ่งพันล้าน แน่นอนว่า การกระจายผลประโยชน์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ชิวเหวินตงจะสามารถรู้ได้

ชิวเหวินตงพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นยังไง? น้องเยี่ย อยากออกไปเปิดหูเปิดตาไหม? ด้วยสายตาของน้อง เพียงแค่วางเดิมพันไม่กี่ครั้ง สามารถได้เงินล้านมาอย่างง่ายดายมาก”

“พนันมวย?” เยี่ยเทียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ลืมไปเลย ผมไม่ค่อยสนใจด้านการพนัน”

แม้ว่าในเรื่องนี้เกือบจะถูกพ่อของเขาทำให้ล้มละลาย แต่เยี่ยเทียนยังคงไม่เลือกใช้วิธีนี้ในการหาเงิน เขาสืบทอดสายเลือดแห่งสำนักเสื้อป่านมาแล้ว สิ่งที่เขาเล่นคือสมองและเคล็ดวิชาที่มาจากการใช้กำลังล้วนๆ หากไปพนันเกรงว่าอาจารย์ปู่อาจจะกระโดดออกมาหลุมและดุด่าเขากับการกระทำที่ไม่คู่ควร

“ท่านอาจารย์ พวกเราไม่ต้องพนันแค่ไปดูเฉยๆ ก็ได้นี่ครับ”

เยี่ยเทียนผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง เขาจึงไม่สนใจในการชกมวยแบบนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามโจวเซี่ยวเทียนยังไม่เคยเห็นฉากชีวิตและความตายเช่นนี้ คำชักชวนของชิวเหวินตงทำให้เขามีความอยากไปขึ้นมา

“ ใช่ น้องเยี่ย วันนี้มีแข่งมวยใต้ดิน อีกทั้งยังมีนักชกมือดีต่างชาติอีกสองคน” ชิวเหวินตงยังคงบอกอยู่ข้างๆ

“มีคนต่างชาติด้วยเหรอ? ว้าว ยังมีการเชื่อมต่อกับมวยสากลด้วยหรือ?”

เมื่อเยี่ยเทียนได้ฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเกิดความสนใจขึ้นภายในใจของเขา คิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตกลง คืนนี้พวกเราลองไปดูกัน เหล่าหูและโจวเซี่ยวเทียนรวมกับผม สามคนไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?”

“ ไม่มีปัญหา ฉันเหล่าชิวเอาคนเข้าไปสองสามคน สามารถทำได้อยู่” ชิวเหวินตงแสดงใบหน้าที่มีความสุขออกมา การที่เขากระตุ้นให้เยี่ยเทียนไปดูการแข่งขันชกมวยนั้น ภายในใจของเขาก็มีแผนการเล็กน้อย

ต้องรู้ก่อนว่า ถึงแม้ชิวเหวินตงจะมีคนรู้จักในเมืองหลวงจำนวนมาก แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นธรรมดา และเนื่องจากการขยายอิทธิพลของมวยใต้ดินที่ยังขยายอย่างต่อเนื่อง จึงมียอดฝีมือมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ชิวคนนี้กลับรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย

……