บทที่ 2634 เวรเอ้ย! น่ากลัวเกินไปแล้ว! / บทที่ 2635 เผ่าจิ้งจอกคราม

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2634 เวรเอ้ย! น่ากลัวเกินไปแล้ว!

กวนย่าหนิงอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาแล้ว หนึ่งปีมานี้เขาต่อสู้กับยอดฝีมือของโลกใบนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว ในบรรดานั้นมีอยู่สี่ห้าคนที่พลังยุทธ์เลิศล้ำสูงส่งจริงๆ ยังทำลายยานรบขนาดเล็กลำหนึ่งของเขาด้วย ทำให้เขาได้ปรับเปลี่ยนมุมมองยิ่งนัก

แต่คนพวกนั้นไม่สามารถเข้ามาภายในยานของเขาได้ และกล่าวได้ว่าไม่ได้เฉียดเข้ามาใกล้เลย ก็ถูกปืนใหญ่สารพัดชนิดของเขาสะกดข่มกลับไปแล้ว

ตอนนี้คนกลุ่มเล็กๆ นี้หดหัวอยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ อาศัยเขตแดนชั้นหนึ่งที่กางอยู่ด้านนอกเป็นเกราะคุ้มกัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ออกมาเลย

ในช่วงที่ผ่านมานี้กวนย่าหนิงนำกำลังพลโจมตีที่นั่นอยู่ตลอด เพียงแต่เขตแดนนั้นแข็งแกร่งทนทานจริงๆ เขาใช้สารพัดวิธีแล้วก็ยังตีให้แตกไม่ได้ เขาเคยวิเคราะห์หลักการการก่อตัวของเขตแดนนั้นดูแล้ว ผลคือวิเคราะห์อยู่ครึ่งค่อนวันก็วิเคราะห์หาต้นตออะไรไม่ได้เลย

ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการปิดล้อม เขาไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นจะอยู่ด้านในไปตลอดกาลได้! อย่างไรเสียเสบียงด้านในก็ต้องหมดลงไม่ช้าก็เร็ว…

สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่ถูกเขตแดนครอบคลุมไว้ไม่นับว่าใหญ่โตนัก กวนย่าหนิงคาดคะเนไว้ว่าเสบียงกรังด้านในก็น่าจะไม่มากนักเช่นกัน คนที่อยู่ด้านในมีอยู่หลายร้อยคน คนมากมายขนาดนี้กินดื่มอยู่ด้านใน ขอเพียงปิดล้อมไว้ ไม่ถึงหนึ่งเดือน อีกฝ่ายจะต้องส่งคนฝ่าแนวกั้นออกมาแน่นอน ขอเพียงพวกเขาโผล่ออกมาอีก ก็ต้องข้ามผ่านเขตแดนนั้น เขาก็ฉวยโอกาสควบคุมยานรบบุกเข้าไปได้ ล้อมสังหารคนพวกนั้นได้ในคราวเดียว!

เขาวางแผนไว้ดีมาก ผลคือเขาปิดล้อมอยู่ที่นั่นมาสามเดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีคนออกมาเลย

ขณะที่เขากำลังงุ่นง่านอยู่ เทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ก็โผล่มา…

เขาคิดว่าถ้าจับนายได้ย่อมจับลูกน้องได้เช่นกัน ขอเพียงได้ตัวเทพศักดิ์สิทธิ์คนนี้มา ก็สามารถข่มขู่คนกลุ่มนั้นให้ยอมจำนนได้ทันที กลับคาดไม่ถึงว่าเทพศักดิ์สิทธิ์คนนี้จะเป็นคนวิปริตผู้หนึ่ง…

กวนย่าหนิงคิดมาตลอดว่าตนมีวิทยาการของยุคสมัยใหม่เช่นนี้แล้ว จะสามารถพลิกฟ้าพลิกดินจับอากาศได้ กล้าพูดได้เลยว่าจะเปลี่ยนตะวันจันทรานภาใหม่ ใครไม่ยินยอมก็ทุบตี ใครไม่ยอมรับก็กำจัดซะ กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเตะถูกแผ่นเหล็กของที่นี่เข้าจนได้…

เทพเซียน…

ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้เกรงว่าจะเป็นเทพเซียนของจริงแล้ว…

กวนย่าหนิงคิดมาตลอดว่าเทพเซียนคือชาวต่างดาวที่มีความสามารถพิเศษ ถูกชาวบ้านโง่เง่าพวกนั้นสรรเสริญเป็นเทพไปเองเท่านั้น

ตอนนี้เขาจ้องมองกู้ซีจิ่ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สมองเริ่มนิยามคำว่าเทพเซียนสองคำนี้ขึ้นมาใหม่…

และในไม่ช้า คำนิยามที่เขามีต่อเทพเซียนก็ยิ่งล้ำลึกขึ้นกว่าเดิมแล้ว เนื่องจากกู้ซีจิ่วเริ่มบังคับรื้อถอนทำลายอุปกรณ์บางอย่างภายในยานของเขาแล้ว…

อุปกรณ์เหล่านี้ปกติแล้วใช้ปืนสงครามยิงก็ยังไม่เสียหายเลย ตอนนี้กลับเสมือนแผ่นกระดาษ ถูกเธอทุบทำลายด้วยสองมือ!

เวรเอ้ย! น่ากลัวเกินไปแล้ว!

กวนย่าหนิงไม่สนใจจะรักหยกถนอมบุปผาอีกต่อไปแล้ว

เขากดหลายปุ่มบนแผงควบคุมอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ภายในห้องโดยสารพ่นละอองพิษที่สามารถกร่อนสลายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้ออกมา…

ละอองพิษปานสายฝน พร่างพรมไปทั่วทิศ

ส่วนผู้หญิงชุดขาวที่กำลัง ‘รื้อถอน’ อยู่หายตัวไปในทันใด

กวนย่าหนิงและลูกน้องของเขาล้วนงงงัน…

ผู้หญิงคนนั้นไปไหนอีกแล้ว?!

โดมที่กางกั้นอยู่หน้าแผงควบคุมของเขาสามารถขวางกั้นละอองพิษได้ ก่อนที่ละอองพิษจะระเหยไปอย่างหมดจด พวกเขาก็ไม่กล้าปลดโดมออกเช่นกัน ขณะที่กวนย่าหนิงคิดจะตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในห้องอื่นๆ ของยานดู

จู่ๆ ในยานรบที่อยู่ใกล้กันกับยานของเขาก็มีความผิดปกติ…

ยานรบลำนั้นอยู่ใกล้ยานหลักที่สุด เดิมทีคอยคุ้มกันอยู่ทางซ้ายของมันตลอดอย่างภักดียิ่งนัก ตอนนี้จู่ๆ ก็เหมือนถูกสายลมพัดกรรโชก สั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมา

จู่ๆ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ผุดขึ้นมาในใจของกวนย่าหนิงทันที ในไม่ช้า ความรู้สึกนี้ของเขาก็กลายเป็นเรื่องจริง!

ยานคุ้มกันลำนั้นพลันปลดปล่อยพลัง พุ่งเข้ามาหายานหลัก!

สีหน้ากวนย่าหนิงแปรเปลี่ยนมหาศาล จะปล่อยคลื่นแสงทำลายระบบปฏิบัติการของอีกฝ่ายในตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เกรงว่าเขาต้องยิงปืนใหญ่ออกไปโดยเร็วแล้ว…

ด้วยเหตุนี้ คลื่นแสงที่คล้ายกับเห็ดดอกหนึ่งจึงถูกปล่อยออกมา ครอบคลุมยานคุ้มกันที่กำลังจะพุ่งชนยานหลักเอาไว้

ผ่านไปสิบวินาที ดอกเห็ดสลายไป ยานคุ้มกันลำนั้นหายไปแล้ว ถูกระเบิดเป็นจุณ รวมถึงลูกเรือเต็มยานด้วย…

————————————————————————————-

บทที่ 2635 เผ่าจิ้งจอกคราม

กวนย่าหนิงแทบจะกระอักเลือดแล้ว!

ยานคุ้มกันของเขา!

เขารู้ดี เมื่อครู่กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายไปที่ยานลำนั้นต่อ บนยานคุ้มกันไม่มีโดมป้องกัน ถูกเธอควบคุมอย่างรวดเร็วยิ่ง จากนั้นก็พุ่งมาชน!

ปืนใหญ่นัดนี้ของเขารวดเร็วนัก ระเบิดผู้ติดตามเหล่านั้นของเขาตายหมดแล้ว จะระเบิดเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนผีร้ายคนนั้นตายไปด้วยไหม?

ความคิดที่น่ายินดีปรีดายิ่งนักนี้ของกวนย่าหนิงถูกความจริงทำลายลงอย่างรวดเร็ว!

เนื่องจากเขาพบว่ายานคุ้มกันลำที่สองเริ่ม ‘กบฏ’ แล้ว…

ยานลำนี้คลุ้มคลั่งยิ่งกว่า ยิงปืนใหญ่ไปด้วยพลางพุ่งเข้าหายานหลักอย่างรุนแรงไปด้วย!

ระยะห่างของยานลำนี้ก็ไม่ไกล เป็นระยะทางเพียงไม่กี่พันเมตร สำหรับยานรบที่มีความไวกว่าเสียงหลายร้อยเท่าประเภทนี้แล้ว การพุ่งเข้ามาใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ไม่มีทางทำลายระบบควบคุมได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำได้เพียงยิงระเบิดอีกครั้ง ทำลายยานติดตามของตนจนเป็นจุณอีกครั้ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ กวนย่าหนิงจึงระเบิดยานติดตามของตนต่อเนื่องกันไปหลายลำ มือสั่นเทาแล้ว! ทรวงอกตีบตัน ปวดใจจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว!

ยานชนิดนี้สิ้นเปลืองเงินทองมหาศาล ทำลายไปลำหนึ่งก็ลดน้อยลงลำหนึ่ง เว้นแต่จะกลับไปยังมาตุภูมิ มิเช่นนั้นก็ไม่อาจสร้างลำใหม่ขึ้นได้ในชั่วขณะ!

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่ายานลำนี้ของเขาคงกลายเป็นผู้นำที่ไร้ไพร่พล…

เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเป็นมารร้ายโดยแท้! เป็นมารร้ายที่ฆ่าไม่ตาย!

กวนย่าหนิงพลันตัดสินใจ สั่งการลูกน้องให้ปฏิบัติการอย่างรวดเร็วด้วยมืออันสั่นเทา ทำลายระบบควบคุมทั้งหมดของยานติดตามหลายลำที่ห้อมล้อมอยู่ จากนั้นก็ควบคุมจากระยะไกล ทำการอพยพอย่างรวดเร็ว…

ต่อให้อพยพออกมาแล้วคนก็ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่ เนื่องจากนอกจากยานหลักแล้ว บนยานคุ้มกันที่เหลือล้วนไม่มีอุปกรณ์ประเภทนั้นที่ทำให้การล่องหนไร้ผลเลย ไม่มีใครรู้ว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นหลบซ่อนอยู่บนยานรบของตนหรือไม่…

ผู้คนบนยานคุ้มกันเหล่านั้นล้วนพกแว่นตาประเภทแว่นอินฟาเรดไว้ แว่นตาชนิดนี้เมื่อเทียบกับแว่นอินฟาเรดทั่วไปแล้วมีความแม่นยำกว่าหนึ่งพันเท่า ไม่ว่าคนจะล่องหนหรือว่าซุกซ่อนอยู่ในสถานที่ใด ขอเพียงร่างของเขามีคลื่นความร้อนแผ่ออกมา ก็จะปรากฏเงาเสมือนขึ้นในเลนส์แว่น เผยตัวตนออกมา

แต่เทพศักดิ์สิทธิ์คนนี้คล้ายจะเข้าใจหลักการของแว่นตาชนิดนี้เป็นอย่างดี ไม่น่าเชื่อว่าจะปรับอุณหภูมิในร่างได้ ทำให้ตัวเธอมีอุณหภูมิเสมือนอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งภายในยาน ดังนั้นพวกเขาจึงหาตัวเธอไม่พบ…

การสวมสิ่งนี้ไว้ในตอนนี้จึงเป็นเพียงดีกว่าไม่มีอะไรเลยเท่านั้น…

ตลอดการเดินทางนี้พวกเขาล้วนขวัญหนีดีฝ่อ มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็วิตกกังวลเป็นล้นพ้นแล้ว

แต่จวบจนพวกเขากลับถึงฐานทัพ ก็ไม่พบร่องรอยของกู้ซีจิ่วอีกเลย

ทุกคนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอก ล้วนมีความรู้สึกว่าเคราะห์ภัยถูกทิ้งไว้ด้านหลังแล้ว…

ดูเหมือนในที่สุดเทพแห่งหายนะก็จากไปแล้ว! ในที่สุดพวกเขาไม่ต้องเป็นตัวรับเคราะห์แล้ว…

กวนย่าหนิงกลับกระอักเลือดอยู่ ยานคุ้มกันแปดลำของเขา! พลทหารเกือบห้าสิบนายของเขา! สูญสิ้นไปเช่นนี้แล้ว…

ตอนเขาลงมาจากยาน มีสีหน้าย่ำแย่นัก ย่างก้าวก็เลื่อนลอย

นายทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา

“ท่านนายพลครับ ประมุขหลานอยากให้ท่านไปหาสักเที่ยว”

เดิมทีกวนย่าหนิงก็อารมณ์เสียอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่สบอารมณ์กว่าเดิม

“เขาคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก? บอกเขาไป ฉันเหนื่อยมาก ไม่ไป!”

“แต่ประมุขหลานบอกว่าเขารู้เรื่องบางอย่างของเทพศักดิ์สิทธิ์นะครับ…”

ฝีเท้ากวนย่าหนิงพลันชะงัก ในที่สุดก็หันกลับไป

“เขาอยู่ที่ไหน? พาฉันไปหาสิ!”

แล้วเดินตามทหารคนนั้นไป

กู้ซีจิ่วติดตามมาด้วยจริงๆ

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งไม่พ่าย ตอนนี้เธอยังรู้จักคนกลุ่มนี้น้อยเกินไป ต้องบุกเข้าไปตรวจสอบรังของพวกเขาคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

เธอเร้นกายออกมา หลังจากมองรอบข้างแวบหนึ่ง หัวใจพลันสั่นไหว

สถานที่แห่งนี้เธอเคยมาเยือนแล้วหนหนึ่ง ทว่าภาพจำยังคงสลักลึก

แดนเผ่าจิ้งจอกคราม!

เผ่าจิ้งจอกครามถูกคนพวกนี้ยึดครองเป็นศูนย์บัญชาการหรือ?!

แล้วพวกประมุขจิ้งจอกครามล่ะ? ชาวเผ่าจิ้งจอกครามล่ะ? ประสบเคราะห์กรรมไปแล้วหรือไม่?