ตอนที่ 1089

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันไม่มีพรสวรรค์ในการตั้งชื่อแม้แต่น้อย

หากดูจากแต่ละชื่อที่เขาเคยตั้งจะรู้ได้ว่ามันสิ้นคิดแค่ไหน

“ในเมื่อตอนนี้มันกลายเป็นแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว และในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นแร่เหล็กระดับนิรันดร์… ดาบระดับนิรันดร์งั้นรึ” หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเบื่อและตั้งชื่อไปส่งๆ

“ถ้าเรียกว่าดาบอสูรนิรันดร์จะดูโอ้อวดเกินไปรึเปล่า?”

“ช่างเถอะ เอาเป็นดาบอสูรนิรันดร์แล้วกัน”

เขาหัวเราะอย่างมีความสุขและเพิ่มระดับให้ดาบอสูรนิรันดร์อย่างต่อเนื่อง

ทุกๆครั้งที่เหวี่ยงดาบ ดาบอสูรนิรันดร์ก็จะเกิดการพัฒนาทีละน้อย แต่การพัฒนาก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า หากต้องการจะให้ดาบระดับหนึ่งพัฒนาเป็นดาบระดับสอง เขาจำเป็นต้องใช้แร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก

“โชคดีที่สำหรับข้าตอนนี้แร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งไม่นับว่าผลาญเงินเท่าไหร่!”

หลิงฮันใช้เวลาสามวันสามคืนในหอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลาดาบศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง ในระหว่างนี้เขาออกจากหอคอยทมิฬไปครั้งหนึ่งเพื่อนำแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์มาเพิ่ม และในที่สุดเมื่อผ่านไปสามวัน ดาบอสูรนิรันดร์ก็เกิดการเปลี่ยนไปที่สามารถเห็นได้ชัด

ดาบพัฒนาเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว!

หลิงฮันพบว่าในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เจตจำนงของเขาได้เข้าไปอยู่ในดาบอสูรนิรันดร์จนถึงจุดสูงสุด ภายในเวลาไม่เท่าไหร่รูปแบบอักษรศักดิ์สิทธิ์ถึงเจ็ดอันก็ถูกสลักลงไปบนตัวดาบ

เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันตกตะลึงมาก

ต้องรู้ก่อนว่าการจะทำให้เจตจำนงหลอมรวมกับอาวุธจนก่อให้เกิดเป็นรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องใช้ระยะเวลานานมาก โดยปกติแล้วต้องใช้เวลาถึงอย่างน้อยหนึ่งน้อยปี

ดาบอสูรนิรันดร์ราวกับกลายเป็นกระดาษเปล่าหลังจากเปลี่ยนแปลงเพิ่มระดับและรอคอยให้หลิงฮันคนคนวาดเขียนเติมแต่งลงไป ภายในชั่วเวลาไม่เท่าไหร่รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ตั้งเจ็ดอันก็ถูกสลักลงไปแล้ว จะไม่ให้หลิงฮันดีใจได้อย่างไร?

“ตอนนี้ความทนทานของดาบพัฒนาเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว แต่พลังทำลายของมันยังเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง”

นี่หมายความว่าหากเขาใช้ดาบนี้โจมตี ดาบจะไม่ช่วยเสริมพลังให้กับเขาและพลังทำลายที่เกิดขึ้นจะเป็นพลังของเขาอย่างเดียว ดาบอสูรนิรันดร์ในตอนนี้เป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสองไม่ใช่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง

“ข้าต้องขัดเกลาพัฒนามันต่อไป”

ไม่เช่นนั้นหากเขาใช้ดาบนี้ปะทะกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหรือสี่ มีโอกาสสูงมากที่ดาบของเขาจะแตกหักและต้องไปขอให้จินจื้อฮุยซ่อมให้ หากปล่อยไว้โดยไม่ซ่อมคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถเติบโดตได้ของแร่เหล็กกลืนกินอาจจะหายไปก็ได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงจินจื้อฮุยคงผิดหวังในตัวเขาเป็นแน่ นั่นเพราะอีกฝ่ายใช้เวลาเป็นหมื่นปีในการสร้างดาบอสูรนิรันดร์เล่มนี้ขึ้นมา

“แต่ว่า… ข้าไม่มีเงินแล้ว!”

“ข้าจนอีกแล้ว!”

เฮ้ออ!

หลิงฮันถอนหายใจ ตอนที่เขาซื้อแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เขาใช้เงินเก็บไปแทบทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ด้วยผลึกก่อเกิดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเขาจะซื้อแร่โลหะระดับสองได้อย่างไร?

ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหอคอยน้อยจึงบอกว่าการที่แร่เหล็กกลืนกินจะพัฒนาเป็นแร่โลหะนิรันดร์ได้ถึงเป็นเพียงทฤษฎี หากจะทำสำเร็จจริง เกรงว่าคงต้องใช้แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ทั้งยี่สิบระดับจากทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์

“จริงสิ ไม่ใช่ว่าหอคอยทมิฬสามารถสร้างแร่โลหะขึ้นมาได้หรอกรึ?”

หอคอยทมิฬจะสร้างแร่โลหะระดับพระเจ้าทุกปีเหมือนกับที่สร้างหินพลังวิญญาณ เพียงแต่ว่าหากเขาไม่นำแร่โลหะที่ว่าไปใช้ระดับของมันก็จะเพิ่มขึ้นทุกๆปี เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันรู้สึกลังเล

นั่นเพราะต่อให้แร่โลหะมีระดับต่ำแต่หากมีจำนวนนับร้อยก็ดีกว่าแร่โลหะระดับสูงชิ้นเดียว

“ลืมเรื่องนั้นไปก่อนแล้วกัน สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสองจำนวนมหาศาล” หลิงฮันกล่าวในใจ

“ถ้าเงินไม่มีก็ต้องใช้ทักษะการปรุงยาให้เกิดประโยชน์!”

หลิงฮันเลือกบ่มเพาะพลังให้ช้าลงและเอาเวลาไปทุ่มเทกับการปรุงยา เพราะอย่างไรเขาก็ครอบครองต้นสังสารวัฏ เขาบ่มเพาะแค่หนึ่งวันก็เท่ากับคนอื่นบ่มเพาะพลังหนึ่งปี

เขาตัดสินใจหลอมเม็ดยารอเวลารับสมัครศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง

ทางด้านสุ่ยเยี่ยนยวี่นางใช้เวลาบ่มเพาะพลังให้ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่านางฝึกฝนภายใต้ต้นสังสารวัฏ

เป้าหมายของนางเดาไม่ยาก นั่นคือการถูกเลือกโดยนิกายสวรรค์เยือกแข็งพร้อมกับหลิงฮันนั่นเอง หากนางไม่ถูกเลือกก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าใด! ยิ่งกว่านั้นแสงแห่งความรุ่งโรจน์ของหลิงฮันเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดปกปิดได้มิด นางต้องจับตามองเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้สตรีใดมายุ่มย่าม

แต่นางรู้ดีว่านางไม่ได้มีพรสวรรค์ในทักษะยุทธที่สูงมาก พลังต่อสู้ของนางคือสองดาวเท่านั้น แม้ในสำนักนภาสีชาดจะถือว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ท่ามกลางหมู่ดาราจรัสแสงอย่างศิษย์นับร้อยของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง พลังต่อสู้สองดาวไม่นับว่าเป็นอันใดเลย

ดังนั้นหากนางต้องการเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งนางจำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งอื่น

สิ่งนั้นคืออายุและพลังบ่มเพาะ

จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปย่อมไม่อยู่ในสายตาของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงหรือขั้นสูงสุดที่อายุต่ำกว่าสี่สิบปีล่ะ? จอมยุทธเช่นนี้ยังพอเรียกได้ว่าเป็นหัวกะทิแนวหน้า

แม้พรสวรรค์ของข้าจะไม่สูงเท่า แต่ข้าสามารถบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่าและมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าก็นับว่าข้าเหนือกว่า

หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ “ภรรยาข้า หัวใจของเจ้าส่งมาถึงสามีแล้ว ไหนมาให้ข้าจูบหน่อยสิ”

Anchor

สุ่ยเยี่ยนยวี่กรอกตาและกล่าว “ข้าต้องการเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็งเพื่อความก้าวหน้าของข้าเอง มีส่วนไหนที่เกี่ยวกับเจ้า?”

สตรีผู้นี้ช่างหน้าบาง!

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ภรรยาข้า เจ้าเป็นเช่นนี้ตลอด เอาแต่ปฏิเสธว่าเจ้าถูกข้าสยบแล้ว! แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร ข้ายินดีที่จะสนุกไปกับการสยบเจ้าอย่างช้าๆ!”

“หืม?”

จู่ๆก็เกิดคลื่นสั่นไหวที่สั่นไปถึงหัวใจ จากนั้นทั้งสองคนแหงนมองบนท้องฟ้าพร้อมกัน

ท่ามกลางท้องฟ้ามีดวงตะวันลอยอยู่โดยมีดวงดาวอยู่ล้อมรอบ แต่กลับมีดาวดวงใหญ่ดวงหนึ่งที่ปลดปล่อยแสงอันสว่างไสวเกินกว่าดาวดวงอื่น

ครืนน!

เกิดคลื่นสั่นไหวขึ้นอีกระลอกอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ทั้งสองมั่นใจว่าคลื่นสั่นไหวที่เกิดขึ้นจะต้องเกี่ยวกับดวงดาวที่ส่องประกายดวงนั้นแน่

“ดาวดวงนั้นคืออะไรกัน หรือนั่นจะเป็นดาวที่ใกล้จะดับสลายและกำลงจะระเบิดตัวเอง?”

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างจากโลกใบเล็ก ในส่วนของโลกใบเล็กนั้นดวงดาวดวงนึงจะมีเพียงทวีปเดียว และดวงดาวบนท้องฟ้าก็เป็นเพียงอุกาบาตที่จอมยุทธที่แข็งแกร่งสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ดวงดาวทุกดวงจะมีขนาดใหญ่ แม้แต่เปลวเพลิงของดวงอาทิตย์ก็สามารถแผดเผาจอมยุทธระดับดาราให้มอดไหม้ได้ แม้แต่ระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ดวงอาทิตย์

ดวงทุกๆดวงนั้นมีอายุขัยของตัวมันเอง ซึ่งอายุขัยของดาวแต่ละดวงอาจจะมีทั้งพันล้านปีหรือหลายพันล้านปี แม้แต่จอมยุทธระดับดาราที่อายุยืนยาวก็ยังยากที่จะพบเห็นดาวที่สิ้นอายุขัย

พวกเขาเคยได้ยินมาว่าดาวดวงใดที่ถึงจุดจบมันจะเกิดปรากฏการณ์การระเบิดครั้งใหญ่

เหตุการณ์เช่นนั้นถือว่าน่าสะพรึงกลัวมาก ลองคิดดูว่าดาวดวงหนึ่งมีจอมยุทธอาศัยอยู่มากมายเท่าใด โดยการระเบิดนั้นจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็เกรงว่าจะตกตายใจพริบตา

พลังทำลายล้างของการระเบิดครั้งใหญ่มีเพียงตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งที่สามารถต้านทานไหว

เพราะงั้นตอนนี้เมื่อดวงดาวบนท้องฟ้าเกิดการระเบิด จึงเป็นไปได้มากกว่าดาวดวงนั้นได้มาถึงอายุขัยของมันแล้ว