บทที่ 809 นางคิดสังหารเวินเส้าหยี

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

กล่าวจบ ฮัวอิ่งก็ใช้มือถอดหน้ากากจากใบหน้า

ครั้นเห็นใบหน้าเขา กู้ชูหน่วนก็อดสูดลมเย็นไม่ได้

นั่นเป็นดวงหน้าอย่างไรกัน

ที่เป็นหลุมๆ บ่อๆ นั้นล้วนเป็นร่องรอยของมีดและยาพิษกัด น่าสะพรึงยิ่ง แทบไม่เห็นส่วนดีบนใบหน้าเลย

โดยเฉพาะหน้าผากถึงคางถูกมีดกรีดลึก รอยแผลนั้นลึกมาก แทบแบ่งใบหน้านางเป็นสองส่วน

นางท้องไส้ปั่นป่วนพลัน

อัปลักษณ์

อัปลักษณ์เหลือเกิน

สมัยก่อนนางเป็นหญิงอัปลักษณ์

แต่จะอัปลักษณ์อย่างไรก็สู้นางไม่ได้

“แกรก…”

ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วมาจากจุดไม่ไกล

เสียงเบามาก แต่กู้ชูหน่วนและคนเงาก็ยังได้ยินชัด

ฮัวอิ่งซัดฝ่ามือออกไป ปากก็เอ่ยเสียงเย็น “ใคร”

สิ้นเสียงก็เห็นร่างเงาหนึ่งแวบไป หญิงที่อยู่ในห้องตามออกไปแต่แรกแล้ว

ครั้นกู้ชูหน่วนเห็นพวกเขาไปไกลแล้วก็เก็บก้อนหินก้อนหนึ่ง โยนไปทางซ้าย ล่อคนของเผ่าเทียนเฟิ่นที่เฝ้าอยู่หน้าตำหนักนอนออกไป แล้วถึงลอบเข้าตำหนักนอนราวกับปลาไหล

ในตำหนักนอนมีภาพเหมือนนางภาพหนึ่ง แต่กลับถูกมีกรีดนับครั้งไม่ถ้วนจนมองเค้าเดิมไม่ออกอีก

เนื้อตัวในภาพยังมีเข็มเล็กปักนับพันนับหมื่นเข็ม จะดูอย่างไรก็เหมือนเม่น

กู้ชูหน่วนส่ายหน้า ขี้เกียจจะสนใจภาพของตัวเอง นางเหลือบซ้ายแลขวา เห็นว่าบริเวณนี้ปราศจากผู้คนแล้วจึงเปิดประตูลับของห้องลับอย่างคล่องแคล่ว

“ปัง”

ประตูห้องลับเปิดออกแล้วก็ปิดทันที

กู้ชูหน่วนเดินไปตามทางลับจนถึงจุดที่วางเวินเส้าหยีในที่สุด

เวินเส้าหยียังคงนอนไม่ได้สติ

ลำตัวเขายังมีเลือดไหลออกมามาก รอยเลือดแห้งแล้ว

กู้ชูหน่วนรวบฝีเท้าสาวยาวเดินไปตรวจอาการบาดเจ็บของเขา

ใบหน้าเวินเส้าหยีซีดเซียว ลมหายใจรวยริน เนื้อตัวหลายจุดเริ่มมีน้ำหนองเน่าส่งกลิ่นเหม็นแล้ว โดยเฉพาะเนื้อที่ถูกถลกออกมาเป็นปื้นน่าอนาถจนทนมองดูไม่ได้

กู้ชูหน่วนป้อนยาให้เขากินเม็ดหนึ่ง แล้วถ่ายกำลังภายในของตนให้เขา

นางก็บาดเจ็บเหมือนกัน ดังนั้นจึงเหลือกำลังภายในไม่มาก ที่สามารถถ่ายให้เขาได้จึงมีขีดจำกัด

เขากำลังร่อแร่ อาศัยกำลังภายในของนางไม่เพียงพอต่อการรักษา ได้แต่ยืดชีวิตของเขาออกไปชั่วคราวเท่านั้น ยังต้องให้ผู้มีกำลังภายในสูงส่งหลายคนถ่ายกำลังภายในให้เขาพร้อมกัน

อีกทั้งยังต้องหาสถานที่ที่ดีหน่อยขูดเนื้อเน่าของเขาออกมา

พักใหญ่กู้ชูหน่วนจึงเก็บกำลังภายในแล้วแบกเวินเส้าหยีที่บาดเจ็บหนักไม่ได้สติลมหายใจรวยรินขึ้นหลัง จากนั้นก็เดินออกจากทางลับด้วยความลำบาก

หยู่เย่ให้ความสำคัญกับเวินเส้าหยีขนาดนั้น ต้องทุ่มเททุกอย่างรักษาบาดแผลและชีวิตของเขาแน่

ตัวกู้ชูหน่วนถูกกดหนัก หวิดจะถูกทับจนล้ม พยายามอย่างหนักจึงออกจากห้องลับมาได้

ที่โชคดีคือ กลับไม่มีผู้ใดเห็นพวกเขา

แต่ไม่นานกู้ชูหน่วนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อครู่คนของเผ่าเทียนเฟิ่นเฝ้ายามอยู่ด้วยหน้าแน่นขนัด แต่เวลานี้กลับไม่มีสักคนเดียว ไม่ทราบว่าคนเหล่านั้นไปไหนเสียแล้ว

ทันใดนั้นเองกู้ชูหน่วนก็คิดขึ้นมาได้ สีหน้าพลันเปลี่ยน สาวเท้าคิดจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ทว่ามีคนขวางนางไว้

“หึๆๆ…”

ไม่ทราบฮัวอิ่งยืนอยู่ตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อไร นางไม่ได้ใส่หน้ากาก เผยโฉมอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวออกมา แม้กำลังยิ้มอยู่ แต่กลับให้ความรู้สึกขนพองสยองเกล้า โดยเฉพาะในราตรีเช่นนี้ ใบหน้านางยังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าปีศาจหมื่นเท่า

กู้ชูหน่วนวางเวินเส้าหยีทันที แล้วกดมีดสั้นอยู่ตรงลำคอเขา “อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาเดี๋ยวนี้แหละ”

ฮัวอิ่งเหลือบมองเวินเส้าหยีด้วยความเย็นชาทีหนึ่ง ไม่แยแสความเป็นความตายของเขา ทั้งยังจ้องกู้ชูหน่วนราวกับจ้องเหยื่อ เอ่ยด้วยแววตาตื่นเต้น “เจ้าก็คือกู้ชูหน่วนลูกสาวของนางแพศยานั่น? พวกเจ้าหน้าตาเหมือนกันจริงๆ โดยเฉพาะตาคู่นั้น เจ้าควักลูกตาออกมาให้ข้าได้ไหม?”

กู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก “แล้วทำไมเจ้าไม่ควักลูกตาออกมาให้ข้าเล่า”

“ตาข้าไม่เหมือนนางสักหน่อย”

“จะไม่เหมือนได้อย่างไร เจ้าเป็นเงาของนาง ก็ต้องเหมือนกับนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่ภายในถึงภายนอกอยู่แล้ว ตามที่ข้าคิด ตาของเจ้ายังจะเหมือนนางเสียยิ่งกว่าข้าอีก มิเช่นนั้นทำไมพวกเขาถึงเลือกให้เจ้าเป็นคนเงาของนางเล่า”

“เจ้าว่าอย่างนี้ก็เหมือนจะมีเหตุผล”

คนเงาเลียนิ้วชี้ของตัวเอง คล้ายกำลังครุ่นคิด

กู้ชูหน่วนไม่ทราบว่านางเสียสติจริงหรือแกล้งทำกันแน่

มีใครที่ไหนจะควักลูกตาตัวเองออกมาทั้งเป็น

แต่สีหน้านางกลับไม่เหมือนล้อล่อ ทั้งยังเหมือนกำลังตั้งใจไตร่ตรองคำถามของนาง

“ในเมื่อเจ้าไม่อยากเหมือนกับนางสักอย่าง เช่นนั้นยังไม่รีบควักอีกเล่า หรือว่าเจ้าลงมือไม่ลง”

“ก็แค่ตาคู่หนึ่ง ควักก็ควักสิ แต่หากข้าควักแล้วจะควักตาของเจ้าออกมา ดูท่าทางเจ้าเลือดไหลเป็นสายได้อย่างไร ”

ฮัวอิ่งเดินหน้าทีละก้าว ประชิดกู้ชูหน่วนอย่างต่อเนื่องก่อนจะเอ่ยอย่างคลุ้มคลั่ง “เจ้าควักลูกตาของเจ้ามาให้ข้าก่อนสิ แล้วมอบหนังหน้าเจ้านี้ให้ข้า ข้าต้องศึกษาอย่างละเอียดสักหน่อย”

“อย่าเข้ามานะ เข้ามาอีกข้าจะฆ่าเวินเส้าหยี”

ฮัวอิ่งเหมือนเพิ่งเห็นว่าเวินเส้าหยีอยู่กับนาง จึงพูดขาด “ฆ่าสิ ฆ่าตอนนี้เลย ข้าจะได้ไม่ต้องลงมือ”

“เขาเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นนะ” กู้ชูหน่วนย้ำเตือน

“ถ้าเขาตาย เผ่าเทียนเฟิ่นก็จะไม่มีหัวหน้าเผ่าน้อยอีก”

กู้ชูหน่วนพลันแล่นความคิด “ที่เจ้ามาเผ่าหยกยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง นั่นก็คือกำจัดเวินเส้าหยีใช่หรือไม่? เจ้าร่วมมือกับใคร คิดจะครอบครองเผ่าเทียนเฟิ่นละสิ? เจ้าเป็นคนของเผ่าหยก ถึงเจ้าจะอยู่ที่เผ่าเทียนเฟิ่น ก็ไม่อาจมีฐานะสูงส่งไปได้ เผ่าเทียนเฟิ่นจะยกตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้ใครก็ย่อมไม่ยกให้เจ้า ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือมีคนให้ผลประโยชน์เจ้า ให้เจ้าฆ่าได้กระทั่งหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น”

“ข้าจะอาจหาญคาดการณ์สักหน่อย คนที่ร่วมมือกับเจ้าก็คือรองหัวหน้าเผ่าซือคงใช่หรือไม่? เขาทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง ฐานะสูงส่ง แอบตั้งหอนักฆ่าสำนักวิญญาณมืดอยู่ข้างนอก คิดทรยศเผ่าแต่แรกแล้ว”

ฮัวอิ่งหัวเราะเย็นทันที “สมกับที่เป็นแม่ลูกกับมัน ฉลาดเหมือนกันเลย ข้าล่ะอยากผ่าสมองเจ้าเสียจริง ดูสิว่าข้างในใส่อะไรไว้ นางแพศยานั่นตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ทำให้ข้าสมปรารถนาเถอะ นอกจากลูกตากับหนังหน้าเจ้าแล้ว เจ้าก็ให้ข้ายืมหัวมาผ่าศึกษาดูสักหน่อยก็แล้วกัน”

กู้ชูหน่วนก่นด่าเสียงหนึ่ง “บ้า”

“ใช่ ภายหลังพวกเขาก็เรียกข้าว่าคนบ้า เจ้ารู้สมญานามของข้าได้อย่างไร?”

“…”

ฮัวอิ่งตื่นเต้นอยากลอง อารมณ์คึกคัก

นางสีมือไม่หยุด ปากก็กล่าวกลั้วหัวเราะหึๆ “ปล่อยเวินเส้าหยีไว้ก็เป็นภัยภายหลัง เอาไว้ข้าจัดการเขาเสร็จก่อนแล้วค่อยมาสนุกกับเจ้า”

เมื่อนั้นจิตสังหารนางก็พลุ่งพล่าน

กู้ชูหน่วนจำต้องปกป้องเวินเส้าหยีไว้ในอก

“ถ้าฆ่าเวินเส้าหยี หรือเจ้าไม่กลัวว่าหยู่เย่จะมาคิดบัญชีกับเจ้าหรือ?”

“นี่ก็ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยข้าจัดการตาแก่ระดับหกขั้นสูงสามคนนั้น เหลือแค่หยู่เย่คนเดียวไม่น่ากลัวหรอก”

ครั้นกล่าวจบ ก็ไม่ทราบว่าฮัวอิ่งทำอย่างไร เวินเส้าหยีคล้ายกับถูกแม่เหล็กทรงพลังดูดออกไปจากการปกป้องในอกของกู้ชูหน่วน

มือทั้งสองของฮัวอิ่งตั้งท่ามุทรา ถักทอใยแมงมุมออกมาเป็นพรวน จากนั้นก็ห่อหุ้มเวินเส้าหยีจากทุกทิศ

ใยแมงมุมรัดแน่นขึ้นทุกที ราวกับจะให้เวินเส้าหยีตายอยู่ในใยแมงมุมนั้น