ตอนที่ 1799 ตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้น

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? ตาข้าฝาดไปอย่างนั้นรึ? ราชันพระเจ้าหกดาวกลับตบราชันพระเจ้าเก้าดาวจนหน้าคว่ำไปด้วยฝ่ามือเดียวเช่นนี้?”

แม้ว่าในโถงนี้มันจะมีศิษย์อยู่แค่ไม่กี่คน แต่ภาพตรงหน้านี้มันก็ทำให้เกิดความตื่นตะลึงอย่างมหาศาล

ศิษย์คนนั้นยกมือขึ้นมาลูบหน้า ตอนนี้ฟันของเขาร่วงออกมาจากปากพร้อมเงยหน้ามองเย่หยวนด้วยความหวาดกลัว

เย่หยวนมองดูเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ไอ้คนที่สั่งให้เจ้าทำนั้นมันไม่ได้บอกหรือว่าอย่ามาคิดลงมือต่อหน้าข้า? เจ้าเป็นศิษย์ที่มีหน้าที่ดูแลถ้ำหลวงและจัดการดูแลว่าใครจะได้ไปที่ใด เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว ทั้งอย่างนั้นเจ้ากลับลุกมาหาเรื่องใส่ตัว เรื่องนี้คงโทษข้าไม่ได้หรอกนะ”

พูดจบเย่หยวนก็หยิบธงนั้นและหันหน้าเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน! เย่หยวนข้าขอไปกับเจ้าด้วย!” เซงโหยวพูดขึ้น

เขาหันหน้าไปหาศิษย์ที่ดูแลคนนั้น “ไอ้เจ้าถ้ำหมาๆ ของเจ้านั้นข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว! เจ้าเอาธงออกมาให้ข้า! ข้าจะไปที่ยอดเพลิงเมฆาด้วย!”

เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้ว “พวกมันอยากให้ข้าไปที่ยอดเพลิงเมฆาย่อมเป็นเพราะว่าที่เห็นนั้นมันแสนอันตราย เจ้าไม่ต้องตามข้ามาก็ได้”

แต่เซงโหยวกลับตอบไปด้วยรอยยิ้มแสนสบายใจ “แม้ฝีมือข้าจะต่ำกว่าเจ้าแต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีใครคอยช่วย! ที่สำคัญการเปิดถ้ำหลวงออกนั้นข้าจะนับว่ามันเป็นบททดสอบหนึ่งแล้วกัน!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินดังนั้นเขาก็เข้าใจได้ในทันที

เซงโหยวเองก็เป็นคนฉลาด แค่เย่หยวนบอกคำพูดไม่กี่คำเขาก็กลับมาตั้งหลักตั้งสติได้

การบ่มเพาะพลังนั้นเป็นการเดินสวนทางโลกมาแต่เดิมแล้ว หากเซงโหยวคิดจริงๆ ว่าแค่เข้านิกายเงาจันทร์มาได้แล้วตัวเองจะกลายเป็นยอดคนเหนือฟ้ามันก็คงบอกได้ว่าเสียดายพรสวรรค์เปล่า

เย่หยวนพยักหน้า “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”

เมื่อเห็นแผ่นหลังของคนทั้งสองเดินจากไป ศิษย์คนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าคับแค้นใจ

“หึ ยอดเพลิงเมฆานั้นเป็นสถานที่รกร้างเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับสี่ รวมไปถึงยังมีสัตว์อสูรระดับห้าอยู่ไม่น้อย ศิษย์ทั้งหลายที่ต้องการเปิดถ้ำหลวงได้เอาชีวิตไปฝากไว้ยังที่แห่งนั้นก็มีมากมาย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างพวกเจ้าจะรอดกลับมาได้!”

บนยอดเพลิงเมฆานั้นมันมีแต่ความรกร้างป่าทึบ ร่องรอยการเดินของสัตว์อสูรมีให้เห็นตามทางอยู่ตลอด

ความน่าสะพรึงของภาพรอบกายนี้มันทำให้เซงโหยวหน้าซีดลงมาไม่น้อย

“เย่หยวน ยอดเพลิงเมฆานี้มันช่างเป็นสถานที่รกร้าง คนเหล่านั้นมันคิดอยากได้ชีวิตเจ้าจริงๆ!”

เซงโหยวเข้าใจได้ทันทีหลังมาถึงยอดเพลิงเมฆาว่าทำไมคนพวกนั้นถึงได้คิดส่งเย่หยวนมายังที่แห่งนี้

เขารู้มาก่อนแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีเรื่องกับสามค่ายนิกายใหญ่ แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าคนพวกนั้นมันจะทำกันได้ถึงขั้นนี้

เย่หยวนยิ้มตอบ “ตราบเท่าที่ความเลวร้ายนั้นไม่ได้สังหารข้า มันก็ย่อมจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น เรื่องนี้มันจะกลับไปเป็นฝันร้ายหลอกหลอนพวกมัน”

เซงโหยวเบิกตาออกกว้างในทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้เขาได้รู้แน่แล้วว่าเย่หยวนนั้นมีจิตใจที่เปิดกว้างกว่าตัวเขามากมายแค่ไหน

ด้วยอิทธิพลจากเย่หยวนนี้มันทำให้ตัวเซงโหยวสงบจิตสงบใจลงได้ในที่สุด

“เราเอายังไงต่อดี?” เซงโหยวถาม

เย่หยวนคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอก “ก่อนอื่นก็ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพโดยรอบก่อน ตอนนี้เดินมุ่งหน้าไปยังที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นที่สุดกันเถอะ ในเมื่อมันเป็นยอดรกร้างไม่มีผู้คน เราก็ย่อมมีสิทธิที่จะเลือกตาล่มวิญญาณที่ดีที่สุดได้”

เซวโหยวพยักหน้ารับ “พลังวิญญาณทางตะวันตกเฉียงใต้ดูจะหนาแน่น ไปดูกันทางนั้นไหม?”

เย่หยวนพยักหน้ารับและเดินมุ่งไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้พร้อมๆ กับเซงโหยว

ระหว่างทางไป ความตื่นตะลึงในหัวใจของเซงโหยวมันก็ยิ่งเพิ่มพูน

เพราะพลังฝีมือของเย่หยวนที่ได้แสดงออกมานั้นมันทำเอาเขาไม่กล้าจ้องมองดูตรงๆ

สัตว์อสูรระดับสี่ทั่วๆ ไปมิอาจรับการโจมตีของเขาคนนี้ได้แม้แต่กระบวนท่า

ต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายที่นับเทียบได้กับราชันพระเจ้าแปดดาวก็ยังมิอาจรับการโจมตีของเย่หยวนได้สักกระบวนท่า

มีเพียงเหล่ายอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเท่านั้นที่พอจะรับกระบวนท่าโจมตีของเย่หยวนได้

เพียงแค่ว่าสุดท้ายพวกมันก็ต้องถูกสังหารลง

หลังจากแยกกับไป่หลี่ชิงหยานแล้วเย่หยวนก็ฝึกฝนตัวเองในเทือกเขาเงาจันทร์ ตอนนี้อาณาจักรพลังของเขาถูกตั้งอย่างมั่นคงและช่วยให้พลังการต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นไปได้อีกขั้น

เดิมทีเซงโหยวคิดว่าที่เย่หยวนสามารถตบหน้าศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนนั้นได้มันอาจจะมีเรื่องของโชคมาช่วยอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้เขาย่อมรู้แล้วว่าศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนนั้นมันอ่อนแอจนเกินไป!

ศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนนั้นมันอ่อนแอจนไม่อาจเทียบกับเหล่ายอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายพวกนี้ได้

และยอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเหล่านี้กลับถูกเย่หยวนสังหารลงได้ในพริบตา

เมื่อลองเทียบแบบนี้แล้ว ระดับพลังของเขาจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จู่ๆ เซงโหยวก็นึกถึงเรื่องตอนการสอบเข้าขึ้นมาได้อีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง

ทุกคนนั้นกล่าวว่าเย่หยวน คิดว่าเย่หยวนได้ที่หนึ่งมาเพราะเกาะไป่หลี่ชิงหยานกิน

เมื่อลองคิดดูตอนนี้ ที่แท้เป็นไป่หลี่ชิงหยานต่างหากที่เกาะเย่หยวนกิน!

เซงโหยวย่อมรู้ดีว่าไป่หลี่ชิงหยานเก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าไป่หลี่ชิงหยานจะสามารถจัดการยอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายได้อย่างง่ายดายปานนี้

หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้เห็นเย่หยวนทำการสังหารยอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายมาแล้วถึงสามตัว

พลังระดับนี้มันมากเกินกว่าราชันพระเจ้าเก้าดาวทั่วๆ ไปเสียอีก!

กลายเป็นว่าแท้จริงแล้วคนที่เป็นที่หนึ่งในการสอบมันกลับกลายเป็นเย่หยวน!

และชื่อเสียงนี้กลับถูกนิกายเหย้าอมตะและไป่หลี่ชิงหยานแย่งชิงไปอย่างหน้าด้านๆ

แต่ทำไมเย่หยวนไม่คิดจะเถียงว่าเลย?

เซงโหยวยิ่งคิดหนักเข้าไปใหญ่ คิดถึงเรื่องราวความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ

“เอ๋ ดูพลังวิญญาณตรงหน้ามันแปลกๆ ไปนะ” เย่หยวนพูดขึ้นมาขัด

เซงโหยวตอบกลับไปด้วยความตื่นตกใจ “แปลก?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “พลังวิญญาณในที่แห่งนี้มันน่าจะหนาแน่นที่สุดในยอดเพลิงเมฆาแล้ว แต่ในบริเวณนี้มันกลับมีพลังวิญญาณอ่อนเบาบางเหลือเกิน”

เซงโหยวสะดุ้งตัวขึ้นทันที “ระยะตั้งขนาดนั้นเจ้ารู้สึกได้?”

เย่หยวนยิ้ม “ไปดูกันหน่อยเถอะ เราอาจจะได้เจออะไรที่ไม่คาดฝัน”

คนทั้งสองเดินเข้าไปเรื่อยๆ และไม่ผิด เพราะตอนนี้เซงโหยวเองก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าพลังวิญญาณในบริเวณนี้มันเบาบางลงอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้นกัน? หากให้พูดตามความเป็นจริงแล้วที่ตรงนี้มันน่าจะเป็นตาล่มวิญญาณเลยนะ ทำไมมันจึงมีพลังวิญญาณเบาบางปานนี้?” เซงโหยวขมวดคิ้วแน่น

เขาไม่ได้เห็นเลยว่าดวงตาของเย่หยวนเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น

“หึ ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นฝีมือของนิกายดาบเมฆาหรือนิกายบุปผาเหิน แต่พวกมันได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เราเสียแล้ว!” เย่หยวนบอก

เซงโหยวทำหน้าตามึนงงสงสัยออกมา “ของขวัญชิ้นใหญ่? พลังวิญญาณในที่แห่งนี้มันแสนเบาบาง ทำไมจึงนับมันว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่กัน?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “เจ้าเคยได้ยินชื่อตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นหรือไม่?”

เซงโหยวสั่นสะท้านไปทั้งร่างในทันที “เจ้า… เจ้าพูดถึงตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นกว่าถ้ำหลวงระดับเก้าน่ะหรือ?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “ใช่แล้ว!”

ในเส้นเลือดมังกรนั้นจะมีตาล่มวิญญาณหลากหลายรูปแบบ

พวกมันถูกจับแบ่งออกเป็นเก้าระดับตามความหนาแน่นของพลังวิญญาณที่ไหลอยู่ภายใน

แต่เหนือกว่าระดับเก้าขึ้นไปนั้นมันนับว่าเป็นตาล่มวิญญาณที่สุดแสนหายาก ตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นคือหนึ่งในสิ่งเหล่านั้น

ตาล่มวิญญาณประเภทนี้มันต้องมีสภาพภูมิประเทศโดยรอบที่ซับซ้อนจึงจะก่อตัวขึ้นมาได้ ที่สำคัญมันยังเป็นตาล่มวิญญาณหนึ่งแยกแยะได้ยากมาก

ต่อให้คนจะพบเจอมัน ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะสามารถรู้ว่ามันคือตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้น

แน่นอนว่าเรื่องนี้มันหยุดหวู่เฉินไม่ได้

“ตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นนั้นคือตาล่มที่ถูกพื้นที่พิเศษปิดกั้นพลังวิญญาณไว้ เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานมันก็จะยิ่งทำให้พลังวิญญาณที่มีหนาแน่นมากขึ้น หากเปิดมันออกพลังวิญญาณที่ได้ก็จะเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าระดับเก้า หึๆ เจ้าไม่คิดว่าเราเจอของดีบ้างหรือ?” เย่หยวนยิ้มกว้าง

เมื่อได้เจอตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นเช่นนี้ เย่หยวนย่อมดีใจเป็นอย่างมาก

เพราะตอนนี้เขาเองก็คิดอยากเพิ่มพลังฝีมืออย่างมาก การได้มาเจอตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นเช่นนี้มันจะช่วยให้เขาบ่มเพาะได้เร็วกว่าปกตินับสิบเท่า โชคชะตาของเขานั้นมิใช่สิ่งที่จะเอาไปเทียบกับคนทั่วไปได้เลยจริงๆ

…………………………