ตอนที่ 1288 ฟันเฟืองที่สบกัน โดย Ink Stone_Fantasy
“อย่างนั้น…คุณโรแลนด์ แนวป้องกันที่สามของสมาคมต้องฝากคุณด้วยนะ”
“วางใจได้ครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน”
หลังโรแลนด์บอกลาร็อค เขาก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้คุมและถอนหายใจเบาๆ
เรื่องราวไม่ได้ราบรื่นเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ การไล่ตามฟอลเลนอีวิลของเมืองปริซึมเองก็หยุดชะงักเหมือนกัน เขาไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับร่องรอยของอีกฝ่ายเพิ่มเติมเลย
ที่ผู้คุมเรียกเขามาเพราะต้องการมอบหมายภารกิจในงานประลองผู้ฝึกยุทธ์ให้เขาทำ
ก่อนหน้านี้ทางผู้คุมก็เคยพูดถึงมาแล้ว หลังจากที่ภารกิจไล่ล่าฟอลเลนอีวิลประสบความล้มเหลว แผนการนี้จึงกลายเป็นแผนหลักในการโจมตีกลับศัตรู ในเมื่อฟอลเลนอีวิลซ่อนตัวได้มิดชิดขนาดนี้ อย่างนั้นก็สู้เฝ้ารออยู่ในงานประลองดีกว่า เพื่อที่จะไม่ทำให้สมาคมต้องสูญเสียกำลังไปโดยไม่จำเป็น ทางผู้มีอำนาจระดับสูงของสมาคมจึงได้จัดทำตารางการแข่งขันขึ้นมาเป็นพิเศษ แล้วก็ให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังปฏิบัติตามแผนการแข่งขันที่จัดทำขึ้นมานี้
พูดอีกอย่างก็คือการประลองผู้ฝึกยุทธ์ครั้งนี้จะกลายเป็นกับดักที่พวกเขาจงใจวางขึ้นมา
ถึงแม้จะมีความสงสัยเกี่ยวกับการแข่งขันปลอมๆ นี้ แต่เมื่อดูต่อหน้าภัยอันตราย ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าอะไรที่สำคัญมากกว่า บวกกับการที่ผู้มีอำนาจระดับสูงของสมาคมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก พวกเขาเรียกผู้ฝึกยุทธ์เข้าไปคุยในห้องทำงานทีละคนเพื่อเป็นการรักษาหน้าทุกคนเอาไว้ ตอนที่โรแลนด์เข้ามาถึงห้องโถง เขาก็เห็นว่ามีผู้ฝึกยุทธ์อยู่หลายคนแล้ว ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าไม่พอใจอะไร
ตามแผนการที่วางเอาไว้ แนวป้องกันจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ชั้น กำลังตำรวจของรัฐบาลกับสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่ปลอมเป็นผู้ชมจะเป็นแนวป้องกันชั้นแรก หน้าที่หลักๆ ของพวกเขาคือตรวจสอบดูพวกศัตรู แล้วก็คอยจัดการฟอลเลนอีวิลที่อยู่ตามลำพัง แนวป้องกันชั้นที่สองคือผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังที่อยู่บนเวที แนวป้องกันชั้นที่สามคือมือดีของฝ่ายยุคเก่าที่ยังปิดบังสถานะเอาไว้ และแนวป้องกันสุดท้ายก็คือผู้คุม
การวางการป้องกันที่ซับซ้อนอย่างนี้ก็คือทำให้การแข่งขันประลองยุทธ์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและไม่เป็นที่ผิดสังเกต สองก็คือถ้าหากศัตรูมีความสามารถในการควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ การแยะแยะตัวศัตรูตรงปากทางเข้าเพียงอย่างเดียวอาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไป
และเขาซึ่งเป็นผู้ที่ถือใบอนุญาตไล่ล่าก็ย่อมต้องถูกแบ่งให้อยู่ในแนวป้องกันชั้นที่สาม ความจริงแล้วเขาไม่เพียงแต่จะรับผิดชอบตรวจตราดูบุคคลที่น่าสงสัยในสนามเท่านั้น แต่เขายังต้องคอยตรวจตราดูผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในงานแข่งขันด้วย
ถึงแม้โรแลนด์จะแอบรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เบาะแสใหม่เกี่ยวกับฟอลเลนอีวิล แต่ว่าตอนนี้เขาก็ไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้แล้ว การวางกับดักรอให้ศัตรูมาติดกับเป็นแผนที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดในตอนนี้แล้ว
เพราะเขารู้เรื่องบางเรื่องที่สมาคมไม่รู้
ฟอลเลนอีวิลไม่ได้เกิดขึ้นเพราะถูก ‘พลังแห่งธรรมชาติ’ ล่อลวงเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ขับเคลื่อนมันนั้นมาจากจิตสำนึกในดินแดนของพระเจ้า เป้าหมายสุดท้ายของพวกมันคือการทำลายโลกแห่งความฝัน และทำให้พลังเวทมนตร์ทั้งหมดกลับคืนสู่โลกแห่งจิตสำนึก
ด้วยเหตุนี้เพื่อมีโอกาสที่จะรวบรวมแกนพลังจำนวนมากขนาดนี้ในครั้งนี้ ศัตรูย่อมไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดรอดไปได้ง่ายๆ แน่
ตอนที่เดินมาถึงหัวมุมของระเบียงทางเดิน ผู้หญิงคนหนึ่งพลันปรกฏตัวขึ้นตรงหน้าโรแลนด์
เขาสะดุ้งขึ้นมาทันที ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องเป็นคนที่เขาไม่อยากจะเจอมากที่สุดในตอนนี้ด้วย
เธอคือผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะของสมาคม เฟยอวี่หาน
“อ้าว…นายนี่เอง” เธอเหมือนจะสังเกตเห็นโรแลนด์เหมือนกัน
ทางเดินโล่งๆ เหลือพวกเขาเพียงแค่สองคน ถ้าในตอนนี้แสดงทำเป็นมองไม่เห็นมันก็ดูจะหยาบคายไปหน่อย เขาจึงได้แต่ต้องกระแอมเล็กน้อย แล้วแสดงทำเป็นยิ้มขึ้นมา “แค่กๆ สวัสดี”
แต่คำพูดของอีกฝ่ายทำให้รอยยิ้มของเขาต้องค้างอยู่บนใบหน้าทันที
“เออใช่ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณนายเรื่องครั้งที่แล้วเลย” เธอยื่นมือออกพร้อมกับพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ขอบคุณมากนะ ที่นายกำจัดสัตว์ประหลาดพวกนั้นไปและช่วยทุกคนมาจากอันตราย”
“เอ่อ…” โรแลนด์ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไป ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงฝืนตอบออกมาว่า “มะ ไม่เป็นไร…”
“เสียดายที่สมาคมเอาความดีความชอบมาให้ฉันทั้งหมดเลย..” เฟยอวี่หานถอนหายใจออกมา
“ไม่ๆๆๆ แบบนี้ดีแล้ว” เขารีบโบกมือ “ความจริง…ฉันจำเป็นต้องปิดบังสถานะของตัวเองเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างน่ะ ยิ่งมีคนสังเกตเห็นฉันน้อยมันก็ยิ่งดี”
“ก็ได้” อีกฝ่ายไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ หากแต่ตอบรับอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อนายว่าอย่างนั้น ฉันก็ถือซะว่าเป็นของขวัญแล้วกัน”
แต่ภายในใจโรแลนด์กลับรู้สึกแปลกใจ ทำไมเฟยอวี่หานถึงตอบรับง่ายๆ แบบนี้? ถ้าเธอยังจำเรื่องทั้งหมดก่อนที่จะสลบได้ อย่างนั้นเธอก็ต้องไม่ลืมเสียงของหลิงแน่นอน แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้ว เหมือนกับเธออยากจะมองข้ามเรื่องนี้ไปอย่างไรอย่างนั้น
จากการที่ได้ใกล้ชิดมา 2 – 3 ครั้งก่อนหน้านี้กับสิ่งที่เขาได้ยินมา อีกฝ่ายนั้นไม่ใช่คนที่จะพูดเยอะเลย เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เธอก็เหมือนอัจฉริยะอายุน้อยๆ ทั่วๆ ไป เฟยอวี่หานนั้นทั้งหยิ่งทะนงและจุกจิก เธอตั้งความหวังกับตัวเองและคนอื่นเอาไว้สูงมาก ในระหว่างที่พูดคุยกับจะเต็มไปด้วยรังสีความเยือกเย็นที่ทำให้คนอื่นไม่อยากเข้าใจ เธอไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่จะอยู่ด้วยได้ง่ายเลย
แต่ตอนนี้ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมากับตรงกับข้ามกับภาพลักษณ์ในหัวของเขาอย่างสิ้นเชิง
“เออใช่” จู่ๆ เฟยอวี่หานก็เหมือนคิดอะไรออกมาได้ จากนั้นเธอจึงถามว่า “นายคิดว่าคนที่ชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์จะชอบอ่านสารานุกรมแบบไหนเหรอ?”
โรแลนด์งุนงง “เธอถามเรื่องนี้ทำไม?”
“ยังจำผู้รอดชีวิตจากคาบสมุทรคาร์การ์ดที่เราไปเยี่ยมเมื่อครั้งที่แล้วได้ไหม?” เธอพูดอธิบาย “คุณวัลคีรีย์น่ะ ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกในทีมของฉัน เดิมฉันกลัวว่าเธอจะเบื่อตอนที่พักรักษาตัว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะชอบอ่านหนังสืออย่างมาก ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เธออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ในห้องสมุดจนเกือบจะหมดแล้ว”
ที่แท้เธอก็เป็นห่วงคนอื่นด้วยเหรอเนี่ย? มุมปากของโรแลนด์แอบกระตุกขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะอ้าปาก จู่ๆ พลันมีสายฟ้าผ่าลงมาในหัวของเขา ทำเอาเขารู้สึกขุนลุกขึ้นมาทั้งตัว! เดี๋ยวๆ วัลคีรีย์ที่เธอพูดถึงคือคนที่หน้าตาคล้ายๆ กับปีศาจที่เขาเห็นอยู่ในเศษเสี้ยวความทรงจำไม่ใช่เหรอ?
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอีก อีกฝ่ายเอาแต่อ่านหนังสือ แถมยังเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ด้วยเหรอ?
“…ตั้งแต่ต้นจนจบเลยเหรอ?”
“ประมาณนั้น โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สงคราม เป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?”
อย่าบอกนะว่า…นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ? ความคิดในหัวของโรแลนด์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำพูดที่กำลังจะออกจากปากเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน “ใช่…ฉันคิดว่าน่าจะเป็นสารานุกรมเกี่ยวกับอารยธรรมกับสังคมของมนุษย์ล่ะมั้ง ขอโทษทีนะ ฉันมีงานที่ผู้คุมมอบหมายให้ต้องรับไปทำ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะ”
ถึงแม้คำพูดจะดุห้วนๆ แต่เฟยอวี่หานก็ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจอะไร
“ฉันก็เหมือนกัน” เธอพยักหน้า “ไว้เจอกันใหม่ คุณโรแลนด์”
“อื้อ…ไว้เจอกัน”
กระทั่งอีกฝ่ายหมุนตัวเดินจากไป โรแลนด์จึงก้าวอาดๆ ลงมาจากบันได
…..
ฝีเท้าเร็วขึ้นแล้ว
เฟยอวี่หานหยุดเดิน พร้อมกับฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ห่างออกไป
การเจอกันตามลำพังครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นสิ่งที่เธอจงใจทำให้เกิดขึ้น
ความจริงแล้วโรแลนด์นั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถมั่นใจอะไรได้เลย เขาไม่เหมือนกับวัลคีรีย์ ถ้าไม่เป็นเพราะคำเรียก ‘ฝ่าบาท’ นั้น เธอก็ไม่มีทางที่จะหาช่องโหว่ใดๆ จากตัวอีกฝ่ายได้เลย อย่างเช่นในตอนที่ไปเยี่ยมผู้ป่วย ความถี่ในการหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่ที่ 3 ครั้งต่อ 1 นาที เวลาที่มีผู้หญิงสวยๆ เดินผ่านก็จะหยุดมองอยู่ 1 – 2 วินาที เวลาที่เลือกเครื่องดื่มก็จะเลือกโคล่าก่อน….ทุกอย่างนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไปในยุคสมัยนี้เลย
นี่ทำให้ความคิดที่ว่า ‘มาจากอีกโลกหนึ่ง’ นั้นเกิดความขัดแย้งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ในเมื่อวัลคีรีย์รู้จักโรแลนด์ นี่ก็หมายความว่าพวกเขามาจากโลกเดียวกัน แต่ทำไมทั้งสองคนถึงแตกต่างกันขนาดนี้?
ด้วยเหตุนี้การทำเป็นบังเอิญมาเจออีกฝ่ายเพื่อขอบคุณก็เป็นความพยายามของเฟยอวี่หานเหมือนกัน
และผลที่ออกมาก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
โรแลนด์เหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับวัลคีรีย์ผ่านการเตือนของเธอ แต่ปฏิกิริยาของเขากลับแตกต่างจากที่เธอคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ในฐานะที่เป็น ‘เพื่อน’ ที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนกัน ถ้าอยากจะทำให้เรื่องนี้เงียบๆ ไป เขาก็ควรจะปกป้องวัลคีรีย์อย่างเงียบๆ ถึงจะถูก
แต่สิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมากลับเป็นท่าทีระมัดระวังอย่างมาก เผลอๆ อาจจะมากกว่าตอนที่เธอพูดถึงเรื่องปฏิบัติการกวาดล้างฟอลเลนอีวิลเสียอีก
ถึงแม้โรแลนด์จะพยายามปิดบังเอาไว้ แต่หางตาที่กระตุกขึ้นมาของเขายังคงถูกเธอมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ในด้านการควบคุมสีหน้า เขายังห่างชั้นจากวัลคีรีย์มากนัก
เหมือนความพยายามครั้งนี้จะไม่สูญเปล่าซะแล้ว
ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะคอยสังเกตทั้งสองคนต่อไป อย่างนั้นความเคลื่อนไหวของทั้งสองคนหลังจากนี้จะต้องทำให้เธอได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมอีกมากแน่นอน
เฟยอวี่หานยิ้มมุมปากขึ้นมา ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานของผู้คุม
…..
เมื่อกลับมาถึงเขตตึกถงจึ โรแลนด์ก็รีบเรียกฟิลิสกับดาเนนเข้ามาพบทันที
“ข้าอยากจะให้พวกเจ้าไปจับตาดูปีศาจตัวหนึ่ง มันอาจจะเป็นปีศาจที่มาจากเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำในตึกนี้ก็ได้!”
………………………………………………………………