ตอนที่ 745: การมาถึงของท่านประธาน
บนนาวาเมฆนิล นักฆ่าในชุดดำประมาณ 20 คนกำลังตกตะลึงกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนนี้ ความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขาทันที
“ทุกคน ฆ่ามันเร็ว ! เราต้องไม่ให้มันร่ายทักษะนั้นสำเร็จ ! ” นักฆ่าตะโกนออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินก่อนโดยไม่สนใจในพลังของเจี้ยนเฉิน
หลังจากนั้น นักฆ่าที่เหลือก็ตั้งสติได้และพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินเพื่อต้องการที่จะสลายทักษะธาตุแสงที่เจี้ยนเฉินกำลังรวบรวม แม้ว่าพวกเขาหลายคนจะไม่เข้าใจว่าทักษะธาตุแสงอันนี้คืออะไร แต่พวกเขาก็เข้าใจถึงพลังของมันจากปรากฎการณ์ที่เกิดจากการร่ายทักษะนี้
บนท้องห้า นักฆ่าที่ใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ได้เตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว ความกดดันมหาศาลหนักอึ้งไปทั่วบริเวณด้านล่างและตรึงเจี้ยนเฉินไว้
เทพ….จุติ !
คลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกจากเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วไปทุกทิศทุกทาง ที่ซึ่งพลังนั้นผ่านไป มันทำให้มิติตรงที่มันผ่านหยุดนิ่งทันที นักฆ่าที่พุ่งเข้ามาที่เจี้ยนเฉินทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่ในท่าทางต่าง ๆและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
ในตอนนี้ เวลาเหมือนถูกหยุด
ทุกคนจากตระกูลทั้งแปดก็ติดอยู่ในพลังที่มองไม่เห็นด้วย เรือหยุดลอยไปในแม่น้ำ แม่น้ำก็หยุดไหลและแม้กระทั่งสายลมที่พัดอยู่ก็หายไป มีหลายคนที่อยู่บนท้องฟ้าซึ่งรวบรวมทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของพวกเขาและพร้อมที่จะปล่อยมันออกมาก็ถูกตรึงอยู่กับที่ พลังมหาศาลได้กักขังทักษะการต่อสู้ไว้ไม่ให้หลุดรอดออกมาได้แม้แต่เล็กน้อย
โลกทั้งใบเงียบสงัดในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือแสงสีขาวบนท้องฟ้าที่มันสว่างขึ้นและจ้าขึ้นไปเรื่อยเรื่อย มันลดระดับลงมาจากท้องฟ้าเหมือนเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ และปกคลุมทุกคนไว้ด้วยพลังของมัน
เจี้ยนเฉินยังคงรูปแบบประหลาดที่หุ้มมือของเขาอยู่และยืนหลับตาอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือ ในตอนนั้นเอง เขาถูกห่อหุ้มด้วยเสาแห่งแสง เขารู้สึกถึงการเชื่อมต่อที่มหัศจรรย์ระหว่างเขาและเสาแสงนั้น
ในบริเวณที่อยู่ในเสาแสงนั้น มันเหมือนจะกลายเป็นอีกเขตแดนหนึ่ง ในเขตแดนนั้น เจี้ยนเฉินคือพระเจ้า พระเจ้าที่มีพลังเหนือทุกสิ่ง พระเจ้าที่ควบคุมชีวิตได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนที่มีพลังเกินกว่าเขตแดนนั้นและเกินกว่าขีดจำกัดของเขตแดนนั้น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีใครที่สามารถหนีการพิพากษานี้ไปได้
ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่อยู่บนอากาศของนักฆ่าหลายคนได้สลายไปกลายไปเป็นเกลียวแห่งพลังธรรมชาติอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน นักฆ่าชุดดำที่ร่ายทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ก็เริ่มที่จะกลายไปเป็นฝุ่นผงอย่างช้า ๆ ด้วยความเร็วที่สังเกตเห็นได้และหายไปในท้องฟ้า
หลังจากนั้นไม่นาน นักฆ่ายี่สิบกว่าคนนั้นที่อยู่บนดาดฟ้าก็เริ่มที่จะสลายไปอย่างช้า ๆ กลายเป็นฝุ่นผง มันไม่มีเลือดหรือเสื้อเหลืออยู่เลย แม้แต่แหวนมิติที่พวกเขาใส่อยู่ที่นิ้วของพวกเขาก็กลายไปเป็นฝุ่นผงและหายไปจากโลกด้วย มันแปลกมาก
ในพริบตาเดียว เซียนสวรรค์มากกว่า 30 คนก็ตายไป โดยไม่มีใครเหลือรอดอยู่เลย
แม้ว่ามันจะเป็นเทพจุติที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่พลังของมันก็ไม่ใช่อะไรที่เซียนสวรรค์จะสามารถต่อต้านได้
เมื่อนักฆ่าทั้งหมดได้ตายไปแล้ว เสาแสงขนาดใหญ่ที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ติดอยู่ข้างในก็กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง และเวลาที่หยุดนิ่งก็เดินต่อไป เรือแล่นผ่านแม่น้ำและแม่น้ำก็เริ่มไหลอย่างช้า ๆ ทำให้เกิดแสงน้ำกระจายเบา ๆ
เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ตัวที่ยืนตรงของเขาที่บนดาดฟ้าก็ถูกพัดด้วยลมแรงและเขาก็โซเซทันที
แม้ว่าเทพจุติและกระบี่แห่งการพิพากษาทั้งคู่จะเป็น 3 ทักษะธาตุแสงที่สุดยอด แต่เทพจุติก็ยังเป็นทักษะต้องห้าม ความแข็งแกร่งของมันนั้นหาเปรียบกับสิ่งใด แค่การร่ายเทพจุติเพียงครั้งเดียว มันก็เกือบดูดกลืนวิญญาณของเจี้ยนเฉินให้เหือดแห้งไป ในตอนนี้ หนังตาของเจี้ยนเฉินหนักมาก การทำให้ตาของเขายังเปิดอยู่เป็นเรื่องที่ยากในตอนนี้ และสมองของเขาก็เต้นตุบ ๆ ไปด้วยความปวด
สภาพของเขาในตอนนี้เหมือนคนไม่ได้นอนมา 3 วัน ไม่เพียงแต่เขาจะเหนื่อยล้าอย่างมากเท่านั้น แต่เขายังใช้พลังเกินขีดจำกัดทำให้เขาเจ็บปวดมากจนยากที่จะทนไหว
ผู้คนจากตระกูลทั้งแปดยืนอยู่ที่นั้นด้วยความตกตะลึง แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ตั้งสติได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะขยับไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยังคิดและเห็นฉากที่ไม่น่าเชื่อนี้ได้อย่างชัดเจน เซียนสวรรค์มากกว่า 20 คนได้กลายเป็นฝุ่นผงทีละเล็กทีละน้อยจากเสาแสงสีขาวนั้นโดยไม่สามารถต่อต้านได้ พวกเขาไม่สามารถขัดขืนได้เลย มันทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจมาก
นอกจากนั้น คนที่ทำสิ่งนี้ก็ยังไม่ใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แต่เป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เหมือนกับพวกเขาอีกด้วย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ว่าเขามีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น
แสงสีขาวหลายเส้นตัดผ่านท้องฟ้าที่มืดมิด มันลอยอย่างรวดเร็วมาจากที่ไกล ๆ ก่อนที่จะหยุดลงตรงแม่น้ำน้ำหอม
คนแรกเป็นชายชราชุดขาวผิวสีเลือดฝาด ใต้เท้าของเขามีเมฆที่สร้างมาจากพลังเซียนธาตุแสง เขาดูเหมือนคนที่เป็นอมตะ
คนผู้นั้นคือท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและข้าง ๆ เขานั้นก็มีผู้อาวุโสที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 หลายคน ในกลุ่มนั้นมีผู้อาวุโสเก้า, สิบสี่และห้าที่เจี้ยนเฉินเคยพบมาก่อนรวมอยู่ในนั้นด้วย
ท่านประธานส่องสายตาผ่านไปที่นาวาเมฆนิลอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่เจี้ยนเฉินซึ่งอ่อนล้า สายตาของเขาฉายแววประหลาดใจและร้องออกมา “หยางยู่เทียน เจ้าได้ร่ายเทพจุติหรือไม่ก่อนหน้านี้ ? “
เจียนจ้องไปที่ท่านประธานในท้องฟ้าอย่างไร้ชีวิตชีวาและพูด “หยางยู่เทียนขอคารวะท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์กล่าวถูกแล้ว เทพจุติก่อนหน้านี้ถูกร่ายโดยศิษย์เอง แม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์ดี”
ใบหน้าของท่านประธานตกตะลึงมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านหลังท่านประธานก็มองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อ
“หยางยู่เทียน เจ้าทำลายสิ่งที่หุ้มทักษะธาตุแสงสุดยอดทั้งสามได้แล้วอย่างนั้นหรือ ? ” ท่านประธานถามอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่มีแรงที่จะพูดอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้ เขายืนโงนเงนอยู่ตรงจุดนั้นและหลับอย่างหมดแรง ไม่เพียงแค่การที่เขาใช้พลังจิตใจมากเกินไปจะทำให้เขาอ่อนล้าและปวดหัวอย่างมากเท่านั้น แต่มันทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนว่าวิญญาณของเขากำลังจะหายไป
“ฮา ฮา ฮ่า ดี ดี ดี เจ้าสมเป็นศิษย์ของข้าจริง ๆ ! หยางยู่เทียน การกระทำของเจ้าทำให้ข้าประทับใจจริง ๆ” ท่านประธานเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง เขายินดีอย่างยิ่ง ด้วยการขยับมือของเขา บอลพลังเซียนธาตุแสงที่ก่อตัวเป็นเมฆก็ได้ดึงตัวของเจี้ยนเฉินที่อยู่บนเรือออกมา เขาพูดอย่างกังวลออกมาเป็นครั้งแรก “หยางยู่เทียน ตอนนี้เจ้าใช้กำลังมากเกินไปแล้ว เจ้าต้องได้รับการฟื้นฟู ข้าจะพาเจ้ากลับไปเอง”
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านประธานก็มองไปที่ผู้คนของตระกูลทั้งแปดและตาของเขาก็จ้องถลึง เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม “พวกเจ้าตระกูลทั้งแปดควรรู้สถานะของพวกเจ้าดี ไม่อย่างนั้น แม้ว่าตระกูลซาร์จะคุ้มครองพวกเจ้า แต่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็จะไม่ยกโทษให้กับพวกเจ้าแน่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนไป มันมีแต่ความเงียบสงัด
ท่านประธานพาเจี้ยนเฉินบินออกไปและมุ่งตรงไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม ผู้อาวุโสห้ามองไปที่เรือซึ่งนองเลือดและถอนหายใจเบา ๆ เขาคิดกับตัวเอง “ผู้คนของตระกูลทั้งแปดทำอะไรเกินเลยไปหน่อย หยางยู่เทียนนั้นได้รับการเอาใจใส่จากท่านประธานมาก โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไร ไม่อย่างนั้น ท่านประธานคงไม่สงบแน่” ผู้อาวุโสห้าโบกมือ และลูกบอลที่มีพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่นุ่มนวลก็ลากหยางหลิงที่บาดเจ็บหนักขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้น เขาก็ตามท่านประธานกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม
เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ผู้คนที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็มีแค่คนของตระกูลทั้งแปดและกวานหยูไค่ที่ขี้ขลาด ทั้งหมดยืนอยู่ตรงนั้นและตัวสั่นอย่างมาก พลังของเทพจุติทำให้พวกเขานิ่งอึ้งสนิท
“เฮ้อ สิ่งที่พวกเจ้าทำในครั้งนี้มันมากเกินไปหน่อย ยังโชคดีที่สถานการณ์ยังไม่ไปถึงระดับยังแก้ไขไม่ได้” เสียงชราดังก้องมาจากท้องฟ้าเหนือเรือ และเข้าไปที่หูของทุกคนจากตระกูลทั้งแปด
10 เมตรเหนือเรือ ผู้คนสิบกว่าคนด้วยอายุที่ต่างกันปรากฏขึ้นพร้อมกัน พวกเขาดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโลก และไม่ได้ใช้พลังใด ๆ เลยในการลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาดูเหมือนคนธรรมดาสามัญไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
ผู้คนจากตระกูลทั้งแปดตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงหนึ่งข้างและตะโกนออกมา “ลูกหลานขอคารวะท่านบรรพชน ! “
“เฮ้อ พวกเจ้าทั้งหมดกลับไปได้แล้ว อย่าทำอะไรที่มันโจ่งแจ้งแบบนี้อีกครั้งหน้า ถ้าผู้คนจับได้ละก็ ตระกูลก็จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไม่ควรถูกยั่วยุ” ชายชราถอนหายใจอย่างอ่อนโยน เขาโบกมือแล้วจากไปพร้อมกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในชุดขาวและเซียนสวรรค์ที่อารักขาอยู่ข้าง ๆ เขา
หลังจากนั้น บรรพชนของตระกูลต่าง ๆ ก็จากไปพร้อมทั้งสมาชิกของตระกูลตัวเองทีละคน ในไม่ช้าก็ไม่เหลือใครอยู่ที่เรืออีกเลย
“พวกเขาไปกันหมดแล้ว แล้วข้าจะอยู่ที่นี่ทำไมล่ะ ? นาวาเมฆนิลเป็นเรือที่มีชื่อเสียงที่สุดบนแม่น้ำน้ำหอม ตอนนี้มันได้รับความเสียหายอย่างมาก ค่าใช้จ่ายต้องสูงแน่ โชคดีที่น้องหยางยู่เทียนไม่เป็นอะไร ความแข็งแกร่งของน้องหยางยู่เทียนนั้นมากมายเหลือเกิน เขาสามารถร่ายได้แม้แต่ทักษะต้องห้าม ข้าต้องเรียนรู้ทักษะต้องห้ามจากน้องหยางยู่เทียน” กวานหยูไค่พึมพำกับตัวเองขณะที่เขาเดินออกจากเรือ ก่อนที่เขาจะรวบรวมเมฆขาวไว้ใต้เท้าของเขา และบินออกไปจากเรือ
เมื่อกวานหยูไค่ออกไป หญิงสาววัยกลางคนก็เดินออกมาจากเรือ นางร้องไห้น้ำตานอง “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ เรือถูกทำลายโดยพวกท่านทั้งหมด พวกท่านยังไปไม่ได้ ! ข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับหัวหน้าของข้าอย่างไร ? “
“เชอะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า กวานหยูไค่ล่ะ ? มันไม่ใช่ข้าซะหน่อยที่ทำลายเรือนี่ ถ้าเจ้าต้องการค่าชดเชยละก็ ไปที่แปดตระกูลใหญ่นู่น นี่เป็นเพราะตระกูลใหญ่ทั้งแปดร้องขอมาเท่านั้น พวกเขาทำอะไรที่มันดีกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ” เสียงกังวานของกวานหยูไค่ได้ยินดังมากจากท้องฟ้า เสียงนั้นค่อย ๆ เบาลงและหายไปในที่สุด