โครงกระดูกมังกรวารีพยักหน้าหลังจากให้ผนึกกับซือหยู เจตจำนงเทพของนางก็ยิ่งอ่อนแอลงไปอีก นางกำลังจะสลายไปแล้ว
“สุดท้าย…จงระวัง…คุกเทวะห้าธาตุ…อย่าเชื่ออะไรที่เจ้าได้เรียนรู้จากมัน…”
ก่อนที่จะสลายไปโครงกระดูกมังกรวารีได้มองคุกเทวะห้าธาตุที่ซือหยูพกติดตัว
เพราะในคุกวิญญาณห้าธาตุนั้นมีวิญญาณมังกรวารีอยู่ข้างในซึ่งก็คือมังกรวารีที่นางสังหาร!
เมื่อนางพูดจบเจตจำนงของนางสลายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงแต่โครงกระดูกที่กระจายทั่วพื้น
ซือหยูโค้งคำนับก่อนจะเก็บโครงกระดูกนางฝังในโลกหอคอยนางจะได้ตายตาหลับหากมีกังต้าเหล่ยอยู่ใกล้ ๆ
ส่วนมังกรวารีอีกตัวนั้น…ซือหยูไม่เคยเชื่อใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกันที่โลกภายนอก…
โลหิตสาดกระจายทั่วโลกเทพเซียชนคันฉ่องเหล่าสิ่งมีชีวิตในโลกของนางร่ำไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน
แสงเทพสาดส่องไปทั้งโลกพันธมิตรบูรพา
ทุกคนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น!
เทพสามคนแตกดับในวันเดียว!
จะไม่มีผู้ใดลืมเหตุการณ์วันนี้ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่!
สวรรค์หลั่งน้ำตาเป็นโลหิตทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกร่ำไห้
เหล่าเทพรีบมายังที่เกิดเหตุด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
นอกจากอสูรรุกรานแล้วจะมีเหตุผลใดที่ทำให้เทพสามคนตายพร้อมกันได้เล่า?
เทพรากษสต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนนางจู่โจมเทพไม้และเทพปีศาจจนทั้งสองเสียเปรียบและกำลังจะพ่ายแพ้
แต่เทพเซียนคันฉ่องกลับตายไปเสียแล้ว!
เทพรากษสชักสีหน้าเมื่อจ้องมองเขาห้าธาตุด้วยความตกตะลึงทันทีที่เทพเซียนคันฉ่องตายจากไป เทพรากษสรู้สึกว่ามีคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวแล่นผ่านออกมา
พลังที่สัมผัสได้เหนือกว่าฑากิณีเสียอีก!
และเมื่อสัมผัสได้ว่าเทพหลายคนกำลังใกล้เข้ามาเทพรากษสรู้ว่าตนไม่มีทางจะสังหารซือหยูได้ทัน เขาจะต้องรีบถอยหลังจากเอาชนะเทพไม้กับเทพปีศาจ
เทพไม้และเทพปีศาจถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ลำแสงเทพมากมายพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วเข้าล้อมเทพไม้และเทพปีศาจเอาไว้
ฑากิณีเทพการค้า เทพเจิ้ง เทพกระบี่และเทพระดับต่ำกว่าอื่น ๆ จับตาดูทั้งสองอย่าใกล้ชิด
เทพที่ไม่คุ้นหน้าพลังที่ไม่คุ้นเคย และเทพไม้ยังมีดวงวิญญาณของเทพสองคนอยู่ในมือ!
“พวกเจ้ามาจากที่ใด?เหตุใดถึงได้เริ่มสังหารในพันธมิตรบูรพา?”
เทพเจิ้งแววตามีจิตสังหารโดยเฉพาะเมื่อสัมผัสได้ว่าเทพทั้งสองไม่ใช่เทพธรรมดา
เทพหนึ่งคนสวมชุดสีมรกตที่ดูอ่อนแอและบอบบางแต่พลังของนางสามารถยืนอยู่ท่ามกลางเทพสูงสุดทั้งเก้าได้ นอกจากเทพสามอันดับแรกแล้ว ไม่มีเทพอื่นที่มั่นใจว่าจะเอาชนะนาง
ส่วนสุนัขตัวยักษ์…นั่นทำให้พวกนางกลัวยิ่งกว่าเดิม
แม้จะยังมีพลังไม่ถึงว่าที่เทพแต่ความรู้สึกประหลาดจากมันนั้นเหนือยิ่งกว่าเทพสตรี
เทพไม้ไม่พอใจนัก “พวกเจ้าบ้าไปแล้วเรอะ?เป็นเทพของพวกเจ้าต่างหากที่ไล่ล่าเรา ปิดล้อมเรา และขวางทางเรา! เจ้าตัวดำนั่นก็หายไปแล้ว!”
เทพปีศาจยิ้มโดยไม่พูดอะไรพลังปีศาจที่ปล่อยออกมานั้นมากพอที่จะทำให้เทพอื่น ๆ กลัว
ในขณะที่เทพทั้งสองกลุ่มจะเริ่มต่อสู้อยู่นั้นเองซือหยูได้เดินออกมาจากเขาห้าธาตุ เมื่อใช้ความคิด เขาห้าธาตุได้ลดขนาดลงเหลือเท่าหนึ่งฝ่ามือ เขาเก็บมันไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยก
“ซือหยู!”
เทพทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
แม้แต่เทพเจิ้งเองก็ผงะนางรู้ว่าซือหยูไม่ได้หนีไปไหนแต่อยู่ที่โลกสุสานเทพกับบุตรสาวนางและเทพจิง
และนั่นทำให้นางตกใจยิ่งกว่าเดิมทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่กัน? แล้วเขามีความสัมพันธ์แบบใดกับเทพสองคนนี้? หลายคนเหลือบมองตากันและหันมองซือหยูพวกเขาหารือแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา
พูดตามเหตุผลซือหยูคืออาชญากรต้องโทษ พวกเขาควรจะจับตัวซือหยูเมื่อได้พบ แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจทำ
เทพทุกคนจดจำน้ำใจซือหยูที่ทำลายขุมทรัพย์เทพตำราได้ดี
แต่ไม่นานนักชายคนหนึ่งได้สงเสียงขึ้นมา
“ท่านเทพทั้งหลายซือหยูสังหารผู้คุมกฎ ละเมิดต่อกฎของพันธมิตร มันควรถูกโทษประหารเดี๋ยวนี้!”
ฉินเฟยเฉินคำรามถึงสวรรค์
ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อเทพทุกคนมารวมตัวกันมันเกินกว่าการควบคุมแล้ว เขาหวังเพียงว่าจะมีเทพที่ตัดสินใจเฉียบขาดพอจะลงมือ
ถ้าเขาไม่พูดบางทีเทพบางคนอาจเตรียมพร้อมสังหารซือหยูอยู่แล้วก็ได้
แต่เมื่อเห็นทายาทตระกูลเทพตำรารบเร้าพวกเขาก็หยุดมือ
เหตุการณ์อันน่าอึดอัดดำเนินต่อไปเพียงครู่สั้นๆ ก่อนที่ฑากิณีจะพูดออกมา
“ซือหยูตระกูลเทพตำราอ้างว่าเจ้าละเมิดกฎพันธมิตรโดยสังหารผู้คุมกฎ เป็นจริงหรือไม่?”
ฑากิณีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันบริสุทธิ์อย่างที่นางทำอยู่เสมอ
แทนที่จะตอบทันทีซือหยูถามกลับ
“ถ้าข้าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้คุมกฎเองได้ฝ่าฝืนกฎ ทำผิดอย่างให้อภัยมิได้เล่า? การเข้าไปหยุดผู้คุมกฎนั้นนับเป็นความผิดหรือไม่?”
จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ซือหยูจะได้มีชีวิตรอด
ฑากิณีตอบ
“หากความผิดที่เขาผู้นั้นกระทำยิ่งใหญ่กว่าความผิดในการสังหารผู้คุมกฎเช่นนั้นความผิดย่อมเป็นโมฆะ”
“ดีข้าค่อยโล่งใจหน่อย!”
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
“ท่านพูดถูกแล้วข้าเป็นคนสังหารฉินคั่ว!”
เหล่าเทพไม่แปลกใจเมื่อได้ยินคำสารภาพเพราะพวกเขาได้เห็นหลักฐานจากฉินเฟยเฉินมาแล้ว
ฑากิณีเรียกคันฉ่องของฉินเฟยเฉินให้ซือหยูดู
ภาพเหตุการณ์สังหารฉินคั่วแสดงออกมาอย่างละเอียด
“ข้ายินดีที่เจ้ากล้าหาญพอจะยอมรับความผิดแทนที่จะเลี่ยงตัวจากความรับผิดชอบ…”
ฑากิณีกล่าว
“หากยืนยันความผิดได้แล้วเจ้าจะถูกลงโทษตามกฎของพันธมิตร” เมื่อพูดจบฑากิณีรวบรวมพลังและเตรียมสังหารซือหยู
“ท่านไม่เคยคิดเลยหรือว่าเหตุใดถึงมีภาพเหตุการณ์สั้นๆ เพียงตอนที่ข้าทำการสังหารฉินคั่ว? มันไม่มีสาเหตุให้เห็นด้วยซ้ำไป!”
ซือหยูสีหน้าไร้อารมณ์
ฑากิณีถาม
“เจ้าอยากจะแก้ตัวหรือ?”
“ข้าจะแก้ตัวทำไมกัน?ข้าไม่เคยเป็นฝ่ายผิดอยู่แล้ว…”
ซือหยูตอบ
ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปกว่านี้ฉินเฟยเฉินรีบแทรกเข้ามา
“ท่านฑากิณีอย่าโดนคนชั่วช้าเช่นนี้หลอกนะ มันกำลังจะพูดให้ตัวเองพ้นผิด!”
“ข้าขอเป็นตัวแทนตระกูลเทพตำราข้าขอร้องท่านฑากิณีด้วยใจจริงให้ลงโทษมันด้วยกฎของพันธมิตร!” ฑากิณีมองซือหยู
“ถ้าเจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วข้าจะประหารเจ้าตามกฎ”
“สิ่งที่ข้าจะพูดเป็นเรื่องง่ายๆ ฉินคั่วที่เป็นผู้คุมกฎนั้นสมคบคิดกับเผ่าอสูร ขณะที่ข้ากำลังสังหารอสูร ฉินคั่วมาหยุดข้าด้วยตำแหน่งผู้คุมกฎ ยามที่ข้ายืนยันจะสังหารอสูร คินฉั่วกลับพยายามสังหารข้าแทน!”
ซือหยูพูด
เมื่อได้ฟังเทพทุกคนเลิกคิ้ว
ผู้คุมกฎสมคบคิดกับอสูรรึ?นี่เป็นข่าวใหญ่ของพันธมิตรบูรพาเลยทีเดียว
ผู้คุมกฎคือบุคคลที่พึ่งพาได้และน่าเชื่อถือที่ถูกเหล่าเทพคัดสรรมาเอง
ถ้าหากผู้คุมกฎร่วมมือกับเผ่าอสูรแล้วเทพที่เหนือกว่าผู้คุมกฎคนนั้นเล่า?
“น่าขันคำพูดไร้ค่าหากไร้หลักฐาน เจ้าคิดว่าเจ้าจะใส่ความผู้คุมกฎตระกูลข้าได้เพราะคำพูดเหลวไหลเรอะ?” ฉินเฟยเฉินถอนหายใจแรง
หากซือหยูต้องการหลักฐานเขาจะต้องเดินทางกลับไปยังงจิวโจว
และเขาจะต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปีในการกลับมา
“เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
ฑากิณีถาม
ซือหยูส่ายหัว
“มันไม่ได้อยู่กับข้า”
ฉินเฟยเฉินยิ้มเยาะ
“เจ้าคิดจะให้พวกข้ารอครึ่งปีเรอะ?อย่าคิดใช้วิธียื้อเวลากระจอก ๆ แบบนี้ต่อหน้าเทพเลย เจ้าจะกลายเป็นตัวตลกเอาได้!”
ซือหยูเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าเพียงพูดว่าหลักฐานไม่ได้อยู่กับข้าแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลักฐานอยู่กับคนอื่นเช่นกัน”
เมือ่เขาพูดจบเขาหันไปมองบุรุษและสตรีที่ขอบนภาที่กำลังบินมาหา
“เทพขนนกภารกิจเสร็จแล้ว”
จักรพรรดิผีนั้นสุขุมเยือกเย็นต่อหน้าเทพทุกคนแม้ว่าจะมีเทพผีที่เป็นบิดาเขาอยู่ด้วยก็ตาม
เจี๋ยนอู๋เชิงไม่ได้ทำอะไรเลยนางเพียงไปยืนด้านหลังซือหยูเงียบ ๆ
“ขอบคุณเจ้าสองคนที่เหนื่อยยาก”
ซือหยูรับคันฉ่องมมาจากจักรพรรดิผีและอัดพลังอสูรเนรมิตรลงไปภาพเหตุการณ์ในอดีตเผยออกมา
ยามที่ซือหยูกำลังจะสังหารราชาเขตกลางฉินคั่วได้ปรากฏตัวออกมาและสั่งที่จะเอาตัวราชาเขตกลางไป สีหน้าท่าทางของเขานั้นอวดดีเป็นอย่างยิ่ง
เหล่าเทพขนลุกเมื่อเห็นเหตุการณ์จริงผู้คุมกฎสมควรที่จะสังหารอสูรนอกจากจะเป็นอสูรเฉพาะเจาะจงที่ไม่ให้สังหาร
มิเช่นนั้นพวกเขาทุกคนจะถูกอสูรสังหารเสียเองไม่เคยมีเรื่องการจับตัวอสูรทั้งเป็นกลับมาสืบสวนเกิดขึ้นมาก่อน
“ฉินคั่วบ้าไปแล้ว”
เทพหลายคนคิดกับตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นภาพที่ราชาเขตกลางแสยะยิ้มเมื่อเดินผ่านซือหยูยังถูกคันฉ่องบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน
“วารีจิวโจวลึกล้ำ….”
นั่นเป็นคำพูดที่ราชาเขตกลางพูดซึ่งก็มากพอแล้ว ยิ่งดูสีหน้าราชาเขตกลางยิ่งเห็นได้ชัดว่าราชาเขตกลางรู้ดีว่าถูกช่วยชีวิต!
ทุกคนเชื่อสนิทใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
จากนั้นเมื่อซือหยูสังหารราชาเขตกลาง ฉินคั่วก็โกรธแค้นอย่างไร้ยางอาย ไม่เพียงแต่จะก่นด่าซือหยู แต่จิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมายังเห็นได้ชัด
ถึงตอนนี้แม้แต่คนโงาก็เข้าใจได้ว่าฉินคั่วนั้นน่าสงสัยเพียงใด ฉินคั่วกำลังปกปิดบางอย่างของเผ่าอสูร!
เทพบางคนที่เกลียดชังอสูรร้องคำรามด้วยความแค้น
“มันกล้าดียังไง!”
ตัวตนของผู้คุมกฎมีไว้เพื่อทำลายล้างอสูรแต่ผู้คุมกฎคนหนึ่งกลับคิดจะช่วยชีวิตอสูร
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
สายตานับไม่ถ้วนหันไปมองฉินเฟยเฉิน
เทพกระบี่หรี่ตายิ้มเย้ยจิตสังหารของเขาปรากฏชัดเจน
“หนึ่งในคนของเจ้าสมคบคิดกับเผ่าอสูรแต่เจ้าจงใจซ่อนเร้นความจริง แสดงเพียงฉากที่ซือหยูสังหารฉินคั่ว เจ้าพยายามสังหารคนบริสุทธิ์โดยการยืมมือเทพทุกคน! เจ้าสมควรตายหมื่นหนเพื่อล้างมลทิน!”
เมื่อพูดจบเทพกระบี่คิดจะลงมือ แต่ซือหยูพูดขึ้นมา
“ช้าก่อนเทพกระบี่ข้ายังพูดไม่จบ!” เจิ้งหยวนชิงได้สัญญาณจากซือหยูและก้าวออกมาจากบรรดาทายาทเทพพร้อมกับเทพเจิ้งนางแสดงหลักฐานที่รวบรวมได้
“รายงานเทพทุกท่านข้าได้แอบสืบคดีนี้มานานและมั่นใจแล้วว่าฉินคั่วมุ่งหน้าไปจิวโจวเพื่อช่วยชีวิตอสูร นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ และยังเกี่ยวข้องกับเทพพันธมิตรบูรพาของเรา เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยมีเทพอยู่เบื้องหลัง…”
เจิ้งหยวนชิงอธิบาย
เหล่าเทพตัวแข็งทื่อ
“มีเทพเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้สินะ!บอกพวกเราให้มากกว่านี้!”
“ประการแรกตระกูลเทพตำราได้บงการเรื่องนี้ ยืนยันได้โดยการสอบสวนฉินเฟยเฉิน! ประการที่สอง ตระกูลเทพเซียนคันฉ่องก็เกี่ยวข้องด้วย หากสืบสวนผู้คุมกฎของเทพเซียนคันฉ่องที่ไปทำภารกิจในจิวโจวจะได้รู้! ทั้งสองตระกูลต้องสงสัยในการร่วมมือกับเผ่าอสูร!” สงครามของเขาพ่ายแล้วฉินเฟยเฉินแววตาชั่วร้าย เขาขยับปากราวกับเคี้ยวพิษฆ่าตัวตายเพื่อที่จะปิดบังคนที่ร่วมด้วย
แต่ช่างน่าเศร้ากลเล็กน้อยของเขาจะไม่ถูกเทพที่ไม่ชอบเขามาตั้งแต่แรกเห็นเลยหรือ?
ปั้ง!
เทพกระบี่ซัดกระบี่ไปด้วยความเร็งแสงทะลวงผ่านคอปักฉินเฟยเฉินลงกับพื้น
พิษในปากฉินเฟยเฉินไหลลงคอแต่ก็ถูกกระบี่รั้งเอาไว้ฤทธิ์พิษเข้าไม่ถึงร่างกาย
ในขณะเดียวกันเทพกิเลนก็ได้นำดวงวิญญาณของผู้คุมกฎเทพเซียนคันฉ่องออกมา
เหล่าเทพใช้พลังของตัวเองสืบสวนในทันทีพวกมันปิดบังอะไรเอาไว้กันแน่?
…
เทพทุกคนตกตะลึงเมื่อสืบสวนจนเสร็จสิ้น
เทพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังมีเทพอันดับสี่…เทพรากษสอีกคน!
นางคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด!