ตอนที่ 1949

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,949 : กัวฉงมาถึง

 

ได้ยินคำถามดังกล่าวของหลี่อัน หากไม่ใช่เพราะว่ามันรู้ดีถึงเรื่องราวบาดหมางระหว่างกับต้วนหลิงเทียนมาก่อนล่ะก็ ไม่พ้นมันคงได้ตะโกนตอกหน้าอีกฝ่ายกลับไปดังๆแล้วว่า…

 

ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬของเจ้า ใช่กำแหงกันเช่นนี้ทุกคนหรือไม่!?

 

บุกมาก่อเรื่องถึงแท่นบูชานกไฟข้า แต่กลับไม่เห็นหัวข้าอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟอยู่ในสายตา!!

 

“มันอยู่ในเรือนชั้นรองที่เคยเป็นของหยวนหง…ยังบอกให้ข้าเรียกมันด้วยหลังอาวุโสกัวฉงมาถึง…”

 

ขณะกล่าววาจาท้ายประโยค ลูกตาหยีๆของหวู่ยี่ยังเผยประกายเย็นเยือกออกมา

 

ใบหน้าอ้วนกลมตุ้ยนุ้ยยังคล้ายจะทาสีดำ เผยให้เห็นชัดว่าคนมีโมโหปานใด!

 

“ว่าอะไร?!”

 

ได้ยินคำนี้ของหวู่ยี่ หน้าหลี่อันก็แทบกลายเป็นยักษ์มาร ยังตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “มันคิดว่ามันเป็นผู้ใดกัน!? คนที่ก่อเรื่องทำผิดมหันต์เช่นนี้ยังจักกล้ากำแหงเช่นนั้นอีกรึ!?”

 

เสียงของหลี่อันตะโกนดังลั่นออกมาไม่ทันขาดคำ ทั้งเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟก็ยังไม่มีใครทันได้ตั้งตัว หลี่อันก็ลงมือออกมาแล้ว!

 

ปงงงง!!

 

เป็นหลี่อันยกมือขึ้นก่อนจะสะบัดตบฟาดออกไปอย่างเกรี้ยวกราด มวลพลังไร้สภาพคล้ายจะก่อตัวเป็นฝ่ามือมหึมาหนึ่งพุ่งตกฟ้าลงไปฉับไวปานฟ้าผ่า ก่อเกิดเสียงพลังแหวกอากาศลั่นปานอัสนีคำราม!!

 

ตูมมมม!! โครมมม ครืนนน!!

 

เสียงสนั่นปานฟ้าลั่นดังขึ้นอีกคำรบ เรือนชั้นรองที่ตั้งอยู่เบื้องล่างพลันพินาศทลายกลายเป็นผุงผง ละอองคลีฟุ้งว่อนไปในอากาศ! คลื่นลมกลายเป็นปั่นป่วนไปพักหนึ่ง!!

 

เหล่าผู้ชมแม้จะอยู่ไกลห่าง ยังอดไม่ได้ที่จะหวาดผวาเสียขวัญ

 

“ช่างโหดเหี้ยมนัก!”

 

เห็นฉากถล่มทลายเบื้องหน้า เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะสะท้านอยู่ในใจ พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอาวุโสหลี่อันที่แท้กลับมีธาตุอำมหิตถึงเพียงนี้ อยู่ๆก็ลงมือทุบทำลายเรือนชั้นรองอย่างไร้ปราณี!!

 

“อาวุโสหลี่อัน!”

 

เห็นฉากทำลายดังกล่าวสีหน้าหวู่ยี่บิดเบี้ยวไปทันใด หน้าอ้วนกลมหันไปมองหลี่อันด้วยสายตาเปี่ยมโทสะ!

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลี่อันลงมือทำลายเรือนชั้นรองของศิษย์แท่นบูชานกไฟก็ดี หรือเป็นเรื่องที่อยู่ๆก็ลงมือโดยพลการไม่ไว้หน้ามันก็ดี ทั้งหมดเสมือนการลงมือข้ามหน้าข้ามตามันทั้งสิ้น! ย่อมทำให้มันไม่พอใจเป็นอย่างมาก!!

 

ตอนเจอทีท่าเฉยเมยไม่แยแสที่ต้วนหลิงเทียนปฏิบัติใส่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่พอใจทั้งไม่สบอารมณ์นัก แต่มันก็ไม่คิดจะลงมือกับอีกฝ่ายอย่างไร้กฏเกณฑ์…หาไม่แล้วตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคงไม่รอดพ้นมือมัน!

 

ในฐานะที่เป็นถึงอาวุโสผู้คุมกฏประจำแท่นบูชานกไฟ หวู่ยี่มิได้เหมือนคนทั่วไปที่ยามโมโหก็บันดาลโทสะลงมือลงไม้ตามอำเภอใจ…มันเป็นคนมีหลักการ!

 

และทุกเรื่องราวในลัทธิบูชาไฟ อะไรก็ล้วนต้องดำเนินการไปตามกฏ!

 

นี่คือหลักการของหวู่ยี่!

 

“ผ่อนคลาย…ข้ามิได้ฆ่ามัน…”

 

หลี่อันพูดเบาๆ

 

ถึงแม้ว่ามันอยากจะฆ่าต้วนหลิงเทียนทั้งสับร่างให้เป็นหมื่นชิ้นมากเพียงใด แต่มันก็ระงับแรงกระตุ้นในการฆ่าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ เพราะมันเองก็ไม่กล้าละเมิดกฏของลัทธิบูชาไฟต่อหน้าต่อตาผู้คุมกฏของแท่นบูชานกไฟแบบนี้

 

ที่มันลงมือเพียงเพราะไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนได้อยู่สบาย!

 

ในสายตาของมัน ที่ต้วนหลิงเทียนกล้ากำแหงกระทำตัวโอหังไม่เห็นหัวเช่นนี้ มิพ้นอีกฝ่ายรู้ดีว่าวาระสุดท้ายของชีวิตใกล้มาถึงแล้ว จึงคิดรักษาความภาคภูมิใจและสงบกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต!

 

ต้วนหลิงเทียนคิดอยู่อย่างสงบในบั้นปลาย แต่มันไม่มีวันยอม!

 

เจ้าอยากอยู่อย่างสงบในบั้นปลายหรือ?

 

เช่นนั้นให้ข้าบึ้มบ้านเจ้าเสีย! ดูว่าเจ้ายังจะอยู่อย่างสงบอะไรได้!!

 

“หลี่อัน!!”

 

ภายใต้สายตาของผู้คน ท่ามกลางซากปรักหักพัง พลันมีเสียงเย็นชาเต็มไปด้วยความไม่พอใจดังสนั่นลั่นฟ้าให้ได้ยินกันทั่ว!

 

ตูมมมม!!

 

ทันใดนั้นเองยังมีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง อยู่ๆซากปรักหักพังดังกล่าวก็ระเบิดออก ก่อนจะมีร่างหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นมาบนฟ้าด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เป็นต้วนหลิงเทียนเอง!

 

ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งพุ่งร่างออกจากซากบ้านตอนนี้สีหน้าแลดูไม่พอใจทั้งหัวเสียอย่างแรง!

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันกำแหงนัก! พบข้าผู้เป็นผู้อาวุโสแต่กลับเรียกหาด้วยชื่อห้วนๆมิเคารพ! เจ้ารู้หรือไม่เรื่องนี้ขัดต่อกฏให้เคารพทั้งมีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโสของลัทธิบูชาไฟ!!”

 

เมื่อเห็นสีหน้าต้วนหลิงเทียนดูไม่ได้ หลี่อันพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่มุมปากลอบแสยะยิ้มสะใจนัก!

 

ในวาจาของมันฟังได้ว่า กำลังกล่าวหาต้วนหลิงเทียนว่าไม่มีสัมมาคารวะและไม่เคารพต่อผุ้อาวุโส!

 

“เฮอะ!”

 

ต้วนหลิงเทียนแค่นคำสบทออกมาเสียงเย็นหลังได้ยินคำของหลี่อัน ยังกล่าวสวนออกไปอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด ไม่ใช่ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ยังมีกฏอีกข้อหรือไร…ผู้ใหญ่มิอาจใช้อำนาจรังแกกลั่นแกล้งผู้น้อยโดยมิชอบ!”

 

“วันนี้เจ้าไม่แยแสหน้าชราของเจ้า กลับลดตัวลงมากลั่นแกล้งรังแกผู้น้อยเช่นข้า…แล้วเจ้ายังมีหน้ามาให้ข้าเคารพเจ้า? เหอะ! ขอถามจริงๆ ว่าที่แท้สมองเจ้ามีปัญหาหรือเป็นตัวโง่งมแต่กำเนิด?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่นั่งสงบจิตสงบใจอยู่ดีๆ มาโดนหลี่อันทำลายบ้านแบบนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีโมโห!

 

พอมาได้ฟังข้อกล่าวหาจากหลี่อันว่าเขาไม่เคารพผู้อาวุโสเข้าไปอีก ความอดทนสุดท้ายของต้วนหลิงเทียนก็ขาดผึงลงทันที!

 

ผู้ใหญ่ใช้อำนาจรังแกกลั่นแกล้งผู้น้อยก่อนแท้ๆ…แต่ยังกล้ากล่าวหาเขาว่าไม่เคารพอาวุโส?

 

เหลวไหล!

 

ไร้สาระนัก!!

 

หลังจากได้โพล่งคำออกไปเสียงดังต้วนหลิงเทียนที่คล้ายได้ระบายอารมณ์ก็ดีขึ้นมาก โทสะในใจลดทอนลงไปหลายส่วน…

 

อย่างไรก็ตามโทสะในใจเขาลดทอนลง หากแต่เป็นหลี่อันที่โมโหจนหัวขึ้นควันบ้างแล้ว!

 

ตัวโง่งม?

 

ทันทีที่ว่าจาด่าทอนี้ดังออกจากปากของต้วนหลิงเทียน ฉากเรื่องราวโดยรอบก็ถึงกับเงียบงันไร้สำเนียง สายตาทั้งหมดหันมองไปตกที่ร่างต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง

 

และสายตาเหล่านี้ก็ล้วนเป็นของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟ!

 

ท่ามกลางสายตาเหล่านี้ล้วนปะปนไปทั้งอึ่งทึ่งทั้งขบขัน มีตกใจบ้างก็ประหลาดใจนัก…

 

โดยสรุปเรียกว่า ทันทีที่ต้วนหลิงเทยนกล่าวคำ ‘ตัวโง่งม’ ใส่อาวุโสหลี่อันก็สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้ผู้คนแล้วจริงๆ!

 

ใจของเหล่าศิษย์แท่นบูชาอดที่จะคิดไปต่างๆนาๆเสียไม่ได้

 

บางคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนเสมือนปล่อยมือจากหม้อแตก และคิดจะรักษาความภาคภูมิของตัวก่อนถูกประหารตายตก…

 

บางคนก็ชื่นชมต้วนหลิงเทียนนัก! เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ การพูดออกมาตรงๆเช่นนี้ก็ถือว่าต้วนหลิงเทียนกล้าหาญยิ่ง!!

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้า…เจ้าอยากตายนักหรือ!!”

 

เมื่อหลี่อันมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง จิตสังหารอันน่ากลัวก็เอ่อล้นออกมาทั่วร่าง แววตายังทอประกายเย็นเยียบ!

 

ตอนนี้มันรู้สึกเสมือนปอดของมันกำลังจะระเบิดเพราะต้วนหลิงเทียน!

 

ตั้งแต่ที่มันเป็นผู้อาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ ยังมีใครกล้ามาด่าว่าต่อหน้ามันว่า ‘ตัวโง่งม’ บ้าง?

 

ทว่าต้วนหลิงเทียน ศิษย์ดาษๆของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่พรสวรรค์รากวิญญาณก็เป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น! กลับด่ามันว่าตัวโง่งมแห่งยุคต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย…ตอนนี้มันรู้สึกเสมือนปอดจะระเบิดออกเพราะความโกรธ!

 

“อะไรกันอาวุโสหลี่อัน…นี่เจ้ากำลังจะจุกอกตายเพราะโทสะงั้นรึ?”

 

เมื่อเห็นหลี่อันมีโมโหหนักต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มกล่าวออกมาอย่างพึงพอใจ ค่อยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยต่อว่า “แต่ข้าไม่คิดว่าข้าพูดอะไรผิดไปนะ…เอาเช่นนี้ดีไหมเล่า? ทำไมพวกเราไม่ลองถามอาวุโสหวู่ยี่ดูล่ะ?”

 

“เพราะในฐานะอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชานกไฟ แน่นอนว่าอาวุโสหวู่ยี่ย่อมรู้กฏของลัทธิบูชาไฟดีกว่าข้า ใยไม่ให้อาวุโสหวู่ยี่ตัดสินเล่า ว่าผู้ใดมันต่ำช้าหาเรื่องผู้อื่นเขาก่อน แล้วที่แท้คราวนี้ผู้ใดผิดถูกกันแน่?”

 

วาจาของต้วนหลิงเทียนยิ่งจี้ใจดำซ้ำเติมให้ปอดหลี่อันแทบระเบิดออกจริงๆแล้ว พาลให้หลี่อันมีโมโหถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก!

 

เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องราวครั้งนี้ก็เป็นมันที่เริ่มก่อน และกล่าวตามตรงก็คือมันผิดจริง!

 

“ใครให้ความเคารพข้า ตัวข้าย่อมให้ความเคารพผู้นั้น!”

 

เมื่อเห็นว่าหลี่อันนิ่งไปไม่ตอบ ต้วนหลิงเทียนพลันเปิดปากกล่าววาจาออกมาอีกรอบ “ข้าต้วนหลิงเทียนรู้ผิดชอบชั่วดี นับได้ว่าเป็นวิญญูชนคนหนึ่ง ไม่เคยคิดกระทำสิ่งใดต่ำช้าไร้ยางอาย และเมื่อตัวข้าอยู่ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่ตัวข้าจะยึดถือเชื่อฟังกฏเกณฑ์ของลัทธิบูชาไฟ ประพฤติตัวอยู่ในกรอบ!”

 

ประโยคครึ่งแรกของต้วนหลิงเทียนนั้นยังไม่นับเป็นอะไร…

 

ทว่าประโยคครึ่งหลังนั้นทำให้สีหน้าของศิษย์แท่นบูชานกไฟในที่เกิดเหตุเหวอไปตาปริบๆแล้ว

 

ต้วนหลิงเทียนบอกว่า…จะยึดถือเชื่อฟังกฏเกณฑ์ของลัทธิบูชาไฟ ประพฤติตัวอยู่ในกรอบงั้นหรือ?

 

น่าขันยิ่งนัก!

 

ยังจะยึดถือกฏเกณฑ์อันใด ประพฤติตัวในกรอบอันใด แล้วตอนที่สังหารพี่น้องสกุลหยวนเล่า! ไอกฏเกณฑ์และกรอบที่ว่ามันไปอยู่ที่ไหนหมด!?

 

เป็นเพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนก่อไว้ ผู้คนทั้งหลายจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวประโยคข้างต้นอยู่ในใจ

 

“เหอๆ…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ วาจาเหล่านั้นยังกล้ากล่าวออกมาได้! ถึงว่าบ้านพังแต่หน้าหล่อๆยังอยู่ดี ที่แท้หนังหน้านับว่าสำเร็จวิชาคงกระพัน ถึงได้หนาเพียงนี้…”

 

“นั่นสิ! หากยึดถือเชื่อฟังกฏเกณฑ์จริงไหนเลยจะฆ่าหยวนหงกับหยวนค่วงเช่นนั้น กับหยวนหงยังพอกล่าวได้ว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตัว แต่หยวนค่วงเล่า? แต่ต้นจนจบหยวนค่วงมิได้ลงมืออันใด แต่มันยังฆ่าหยวนค่วงทิ้ง!”

 

“ผู้อื่นกล่าวประโยคนั้นข้ายังไม่อะไรนะ…ทว่าพอต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา นี่ยังต่างใดจากเรื่องขบขันที่สุดในใต้หล้า?!”

 

“ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนเพียงคิดระบายทุกสิ่งในใจออกไปให้หมด เพราะตอนนี้มันสมควรรู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลืออีกมิมากแล้ว…”

 

“ในเมื่ออาวุโสหลี่อันเองก็มาถึงแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างอาวุโสกัวฉงย่อมมาถึงด้วยแน่!”

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟส่วนใหญ่ที่มองไปยังต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา เพราะทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะรู้ตัวว่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไฉนถึงทำแบบนี้…

 

“ข้าคร้านจะเสวนาอันใดกับเจ้าอีก…เพราะอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”

 

คล้ายรู้ดีว่าหากพูดถึงเรื่องนี้ต่อย่อมไม่อาจเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ เช่นนั้นหลี่อันจึงเลิกพูด มันเลือกลอยร่างนิ่งงันหลับตาลงไปคล้ายกำลังสงบจิตใจ รอการมาถึงของกัวฉงอาวุโสคุมกฏแห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ

 

เมื่อเห็นว่าหลี่อันสงบปากสงบคำเงียบไปไม่พูด ต้วนหลิงเทียนก็ละสายตาออกจากมัน

 

สถานที่เกิดเหตุกลายเป็นเงียบสงบลงในพริบตา ทั้งหมดเฝ้ารอการมาถึงของอาวุโสกัวฉงเงียบๆ

 

หลังจากนั้นพักหนึ่ง…

 

ซุ่มมม!!

 

เสียงแผ่วเบาหนึ่งแว่วดังผ่านอากาศเข้าหูทุกคน พาลให้ทุกคนหันไปมองที่ต้นเสียงทันที

 

มองไปเห็นเป็นร่างหนึ่งกำลังเหินเข้ามายังน่านฟ้าเหนือเขตที่พักเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟด้วยความเร็วสูง

 

ครู่ต่อมาร่างดังกล่าวก็พุ่งมาหยุดลงข้างๆ หวู่ยี่ อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟ และตัวตนของผู้มาใหม่ก็เปิดเผยสู่สายตาของทุกคนชัดเจน เป็นร่างในชุดคลุมอาวุโสเพลิงเงินลายปักเต่าทมิฬ!

 

“นั่นใช่อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬ อาวุโสกัวฉงหรือไม่?”

 

สายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟหันไปให้ความสนใจกับผู้มาใหม่ทันที

 

“อาวุโสกัวฉง”

 

ต้วนหลิงเทียนหยีตามองร่างผู้มาใหม่ แต่ในแววตาคล้ายไม่ได้หวาดกลัวอะไรแม้จะเห็นการมาถึงของกัวฉง

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้ผู้ที่จะลิขิตชีวิตตัดสินความเป็นตายของเขา ว่าจะต้องโทษประการตามกฏของลัทธิบูชาไฟหลังจากฆ่าพี่น้องสกุลหยวนไปหรือไม่ ก็ไม่ใช่ใครอื่น…แต่เป็นอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ กัวฉง คนนี้!

 

“อาวุโสกัวฉง”

 

เมื่อเห็นกัวฉงปรากฏกาย ลูกตาของหวู่ยี่อันเล็กหยีพลันลุกวาวขึ้นมาทันที คล้ายมันเห็น ‘ผู้ช่วยชีวิต’ อย่างไรอย่างนั้น

 

“อาวุโสกัวฉงท่านมาแล้ว…เช่นนั้นตอนนี้ท่านก็ตัดสินโทษต้วนหลิงเทียนและมอบโทษประหารให้แก่มันเพื่อชดใช้ชีวิตพี่น้องสกุลหยวนเลยเถอะ!”

 

หลี่อันเร่งกล่าวกับกัวฉงทันที วาจายังคล้ายสั่งให้กัวฉงมอบโทษตายให้ต้วนหลิงเทียนเร็วๆ

 

มันต้องการเห็นต้วนหลิงเทียนถูกประหารตายตกเร็วๆจริงๆ! ดังนั้นมันจึงไม่ได้ตระหนักเลยว่าตอนนี้มันออกอาการเกินเหตุขนาดไหน กระทั่งยังเผลอกล่าวแทรกแซงอำนาจของผู้อื่นเข้าให้แล้ว!

 

ได้ยินวาจานี้ของหลี่อันอย่าว่าแต่ทุกคน กระทั่งตัวหลี่อันเองก็พลันตระหนักได้เมื่อสาย จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้าเบี้ยวไปทันที

 

ในฐานะที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างกัวฉง สีหน้าของมันย่อมมืดลงทันตา จากนั้นก็หันไปกล่าวกับหลี่อันอย่างไม่ไว้หน้าออกมาว่า “อาวุโสหลี่อัน…ข้ากัวฉงยังต้องให้ท่านสอนสั่งวิธีการทำงานด้วยหรือ?”