มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 696
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ล่องหนอยู่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ปรากฏความรังเกียจ วัยรุ่นพวกนั้นไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนหอคอยมหาภพ แต่พวกตนฝึกตนขั้นสูงจนสามารถใช่ตัวสำนึกสืบข้อมูลได้ จึงเห็นกับตาตัวเองว่าหลัวซิวไม่ได้ใช้พลังงานมากเกินกว่าที่ควรเลย

“ชั้นที่สามแล้ว!”

เวทีประลองยุทธ์อันกว้างใหญ่ หลัวซิวจ้องเขม็งไปยังเงาร่างสามคนที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมาห่างออกไปหลายสิบจั้ง

คู่ต่อสู้ทั้งสามคนนี้อยู่ในขั้นมหายุทธ์ขั้นเก้า และยังเป็นมหายุทธ์ขั้นเก้าขั้นสูง ห่างชั้นกับเจ้ายุทธจักรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ฟึ่บ!

มหายุทธ์กลั่นร่างเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ส่วนมหายุทธ์กลั่นวิญญาณกับมหายุทธ์พลังจิตแท้เข้มข้นนัั้นคอยโจมตีอยู่ไกลๆ ทั้งสามร่วมมือกันอย่างไร้รอยต่อ

ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสามารถเคลื่อนที่ได้ไวอย่างน่าหวาดกลัวอยู่แล้ว แสงทองอร่ามรอบกายเปล่งปลั่งราวเทพสงคราม

ทางด้านหลัวซิวนั้นก็ไม่ได้คิดจะหลบหนีแต่อย่างใด รอบกายของเขาปรากฏเปลวเพลิงสีดำ กฎแห่งความตายหลอมรวมเข้ากับร่างยุทธ์ร่างเนื้อ

“ทำได้ดี!”

เขาตะโกนออกไปก่อนจะเหวี่ยงหมัดกระบี่ เข้าใส่ร่างเนื้อของมหายุทธ์กลั่นร่างจนสั่นสะท้าน

ตู้ม!

ราวกับเสียงสายฟ้าฟาดสั่นสะท้านไปทั่วบริเวณทำให้รอบกายแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังงานสีทองและสีดำปะทะเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่ง คล้ายเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งกฎที่เคลื่อนไหวมาจากร่างของมหายุทธ์กลั่นร่าง

ประเด็นนี้ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น เขาคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้ที่ปรากฏตัวบนชั้นสาม นอกจากจะเป็นผู้ฝึกตนอยู่ในแดนมหายุทธ์ขั้นเก้าแล้ว ยังสามารถใช้พลังแห่งกฎได้ด้วย

เรื่องเดียวที่ยังพอจะทำให้หลัวซิวสบายใจได้อยู่บ้างคือ พลังแห่งกฎที่มาจากร่างของมหายุทธ์กลั่นร่างผู้นี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งนัก ยังไม่ถึงระดับที่สามารถควบคุมกฎขั้นแรกได้ด้วยซ้ำ

เมื่อหลัวซิวเข้ามายังหอคอยมหาภพชั้นที่สามแล้ว ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกพากันตกอยู่ในความเงียบ สายตาของทุกคนจ้องไปยังชั้นสามเป็นตำแหน่งเดียวกัน

ภายในชั้นสามเวลานี้ หลัวซิวกำลังตกอยู่ท่ามกลางศึกอันอย่างลำบาก

แดนร่างเนื้อของเขาสู้มหายุทธ์กลั่นร่างไม่ได้ แต่เมื่อนำพลังแห่งกฎความตายขั้นต้นมาใช้ ทำให้สามารถต้านพลังของอีกฝ่ายเอาไว้ได้

ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีเพียงคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น มหายุทธ์ที่เหลืออีกสองคนก็สามารถใช้พลังแห่งกฎได้เช่นกัน

แววตาของมหายุทธ์กลั่นร่างทั้งสองข้างปรากฏแสงสีดำ เขาตัวสำนึกกลายรูปที่มีระดับเทียบเท่ากับเจ้ายุทธจักรก่อให้เกิดเป็นพายุมังกรเกลียวที่มีพลังแข็งแกร่งและหมุนวนไปทั่วทั้งสิบทิศ

ระดับตัวสำนึกของอีกฝ่ายเหนือกว่าของตน หลัวซิวจึงได้แต่ใช้พลังแห่งกฎรวมเข้ากับตัวสำนึกกลายรูปเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ทุบไปที่พายุมังกรเกลียว

จากนั้นหลัวซิวประสานหมัดกระบี่ทั้งเก้าสายโจมตีเข้าใส่มหายุทธ์กลั่นร่างจนถอยหนีไป หมัดกระบี่สายที่เก้าลอยพุ่งทะยานออกไป

ทว่าหลัวซิวยังไม่ทันจะมีช่องทางให้ถอยหนีเลยแม้แต่น้อย มหายุทธ์ขั้นเก้าผู้มีพลังจิตแท้เข้มข้นก็เริ่มลงมือต่อ แสงกระบี่น้ำแข็งสีฟ้ายาวหลายสิบเมตรก็ฟาดฟันเข้าใส่หลัวซิว

“จงพังทลาย!”

หลัวซิวแผดเสียง แล้วใช้พลังแห่งกฎเข้ามาช่วยเสริม เขาเหวี่ยง หมัดกระบี่ ออกไป หวังจะทุบแสงกระบี่นั้นให้แหลกละเอียด

ทว่าในช่วงเวลานั้นเอง มหายุทธ์กลั่นวิญญาณก็เริ่มลงมืออีกครั้ง ตัวสำนึกกลายรูปเป็นเสือคำรามลั่นพุ่งทะยานเข้ามาอีก

การโจมตีจากทั้งสองทางนี้ หลัวซิวให้ความสำคัญกับการโจมตีทางวิญญาณมากกว่า ดังนั้นจึงแปลงตัวสำนึกให้กลายเป็นฝ่ามือรับการโจมตีเอาไว้

ปั้ง!

เขาป้องกันการโจมตีทางวิญญาณเอาไว้ได้ แต่แสงกระบี่น้ำแข็งสีฟ้าที่ฟาดเข้าใส่นั้น เพียงครู่เดียวก็ฟาดฟันเขาจนกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร

“เงาหารฟ้าเยือก!”

มหายุทธ์ขั้นเก้าผู้มีพลังจิตแท้เข้มข้นลงมือโจมตีต่อไป เขาปล่อยไอเย็นออกมาจากปากของเขา เงาน้ำแข็งสีฟ้าผนึกรวมรอบด้านก่อนจะพุ่งทะยานเข้าใส่หลัวซิว

การโจมตีทุกสายของเงาน้ำแข็งสีฟ้าพวกนี้ เทียบเท่ากับการโจมตีของมหายุทธ์ขั้นเก้า

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลัวซิวจึงตกอยู่ท่ามกลางศึกอันเลวร้าย

บทที่ 695

บทที่ 697