ตอนที่ 2993 ผีชีวะหรือ
หลังจากพวกเสี่ยวเป่าจากไป เสี่ยวจูก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กของเขา เขาอยากรีบวินิจฉัยห่วงโซ่ยีนของจุลินทรีย์เหล่านั้นให้ได้เร็วที่สุดแล้วหาวิธีแก้ไขมัน เขามีลางสังหรณ์ว่าจุลินทรีย์เหล่านี้…จะสร้างความโกลาหลยิ่งใหญ่ขึ้น
เจสันไปขุดหัวดอกลิลลี่มาประมาณหนึ่ง เขามองเนื้อตรงหน้าเสี่ยวจูที่กำลังย่างจนน้ำในเนื้อซึมออกมาอย่างนึกอิจฉา ไม่รู้เด็กพวกนี้ไปล่าสัตว์พวกนี้มาจากไหน เขากับปิแอร์หาอยู่กลางหุบเขาตั้งนานก็ไม่เจอกระทั่งแมลงวันสักตัว
เจสันปอกหัวดอกลิลลี่ที่เผาจนสุกมาทานอย่างเบื่อหน่าย ทานครั้งแรกยังรู้สึกว่าไม่เลวแต่พอทานรสชาติจืดชืดแบบนี้ไปหลายมื้อเจสันก็นึกอยากอ้วกขึ้นมา
เขาจ้องเนื้อตรงหน้าเสี่ยวจูแน่นิ่ง น้ำมันหยดลงกองไฟจนเกิดประกายไฟสีฟ้าขึ้น กลิ่นเนื้อหอมฉุยเรียกน้ำลาย แววตาแสดงความหิวโหยและยิ่งรังเกียจหัวดอกลิลลี่เผาในมือตัวเองมากกว่าเดิม
ปิแอร์ทานหัวดอกลิลลี่คำโตราวกับกำลังลิ้มรสอาหารจานเด็ดก็ไม่ปาน เจสันฝืนทานไปได้ลูกเดียวก็ทานต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยอดถามไม่ได้ว่า “อร่อยขนาดนั้นจริงเหรอ? นายไม่รู้สึกเอียนบ้างเหรอ?”
“นี่เป็นอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่สร้างพลังได้”
ปิแอร์พูดเสียงเรียบ สำหรับเขาแล้วการที่มีหัวดอกลิลลี่คอยเสริมสร้างพลังงานได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว ครั้งหนึ่งที่เขาไปออกภารกิจ ไม่มีอาหารจริง ๆก็จำต้องทานเนื้อกับเลือดของศัตรูประทังชีวิตเอา…
รสชาติแบบนั้น…จนถึงทุกวันนี้เขายังรู้สึกพะอืดพะอมไม่หาย
หากเทียบหัวดอกลิลลี่เผากับซากศพมนุษย์แล้ว…เขายอมทานเจ้านี่ไปตลอดชีวิตดีกว่า!
เจสันบุ้ยปากไปทางเสี่ยวจู “ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก”
มีเนื้อตั้งมากมาย ทำไมเด็กผู้ชายคนนั้นถึงไม่ทานล่ะ?
โน้ตบุ๊กบ้า ๆนั่นมีอะไรน่าเล่นกัน!
ปิแอร์มองเพียงแวบเดียวก็ทานหัวดอกลิลลี่ต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ของพวกนั้นไม่ใช่ของเรา แต่นายไปขอได้ ดูว่าเขายอมแบ่งให้นายหรือเปล่า!”
ความจริงเขาแค่พูดเล่นเท่านั้นแต่เจสันกลับคิดจริง เจ้าหมอนี่ตาลุกวาวแล้วโยนหัวดอกลิลลี่เผาที่พร่องไปเพียงครึ่งเดียวในมือทิ้งก่อนจะเดินไปหาเสี่ยวจู
ปิแอร์มุมปากกระตุกพลางทานหัวดอกลิลลี่ต่อ เขาไม่คาดหวังว่าเจสันจะได้เนื้อย่างมาเลย ปล่อยให้เขาไปเผชิญหน้ากับอุปสรรคบ้างก็ดี จะได้ไม่ไร้เดียงสาขนาดนี้ทั้งที่อายุตั้งปูนนี้แล้ว!
เสี่ยวจูเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสองมืออย่างคล่องแคล่วราวกับกำลังเริงระบำและไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดกับการมาเยือนของเจสัน
“เฮ้…เนื้อย่างของนายใกล้จะไหม้แล้ว” เจสันช่วยพลิกเนื้อที หากไหม้ไปคงน่าเสียดายแย่ เนื้อดีขนาดนี้
เสี่ยวจูไม่ตอบโต้และไม่ละสายจากหน้าจอเลยสักนิด เจสันกลืนน้ำลายแล้วช่วยพลิกเนื้อให้อีกที ก่อนจะพูดเสียงเบา “ถ้ายังไม่กินก็จะไหม้แล้วนะ…”
ยังคงไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้
เจสันจำต้องทิ้งตัวนั่งลงรับหน้าที่ย่างเนื้อแทน การฟุ่มเฟือยอาหารเป็นเรื่องน่าละอายใจ เขาจะปวดใจได้
ต่อให้เนื้อพวกนี้ไม่ใช่ของเขาก็ตาม
ปิแอร์รออยู่นานก็ไม่เห็นเจสันกลับมา เห็นเขาติดหนึบอยู่กับเสี่ยวจูเหมือนหมารอเจ้าของก็ส่ายศีรษะอย่างละเหี่ยใจแล้วทานหัวดอกลิลลี่ต่อไปพร้อมเก็บไว้ให้เจสันหลายลูกเผื่ออีกประเดี๋ยวจะกลับมาทาน
“กร๊าซ…”
สองคนที่ถูกมัดตัวอยู่บนพื้นเริ่มดีดดิ้นไม่หยุด ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเขียวช้ำและส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ ฟังดูเหมือนกับเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่กำลังเจอเรื่องอันตราย
เจสันมองสองคนนั่นอย่างฉงนใจ ความรู้สึกกลัวถาโถมเข้ามา
“นายว่า…พวกเขาจะกลายพันธุ์หรือเปล่า? เหมือนมนุษย์กลายพันธุ์ในเรื่องผีชีวะไง” เจสันพูดติดล้อเล่นทั้งที่ในใจคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ผีชีวะเป็นเพียงหนังวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นในชีวิตความเป็นจริง
“ใช่…พวกเขาก็คือมนุษย์กลายพันธุ์!”
คำตอบอันกะทันหันของเสี่ยวจูทำเอาเจสันสะดุ้งเฮือกและตกใจไปพร้อมกัน
…………………………..
ตอนที่ 2994 อันตรายมาเยือน
เสี่ยวจูจ้องจนเมื่อยตาเล็กน้อยและพับจอลงในที่สุด เขานวดคลึงถนอมสายตาสักครู่ก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย ทันใดนั้นเองสองคนที่อยู่บนพื้นก็คำรามถี่ขึ้นด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆเรียกให้คนฟังรู้สึกผวาจับใจ
“เป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงเหรอ? นายคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกใช่ไหม?” เจสันรู้สึกว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อ
เสี่ยวจูหยัดตัวลุกย่อตัวลงตรงหน้าสายลับสาวแล้วหยิบกระบอกฉีดยาออกมาเก็บเลือดเต็มกระบอก เจสันถึงเห็นว่าเลือดของสาวสายลับผู้นี้กลายเป็นสีดำในเวลาอันสั้น
สายลับหนุ่มก็ถูกเก็บเลือดมาส่วนหนึ่ง สีของมันไม่ต่างอะไรจากสายลับสาวแต่ดูจะอ่อนกว่าเล็กน้อย
“นายลองให้พวกมันกัดดูได้ แบบนี้นายก็จะกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนกัน” เสี่ยวจูตอบเสียงเชื่องช้า แล้วเริ่มทำการวินิจฉัยเลือดทั้งสองกระบอก เขาอยากรู้ว่าจุลินทรีย์เหล่านั้นจะแพร่กระจายตัวเร็วแค่ไหน
เจสันหดคอถอยหลังไปหลายก้าว แผ่นหลังเหงื่อผุดกราย ๆ กลางวันแสก ๆเช่นนี้แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีลมเย็นยะเยือกพัดมาเป็นระลอก ๆ
“นายไม่กินเนื้อเหรอ? มันสุกแล้วนะ”
เจสันจำได้ว่าตั้งแต่เสี่ยวจูมาถึงก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบมีดขึ้นมาหั่นเนื้อหอมกรุ่นออกเป็นชิ้นเล็กใช้ไม้เสียบแล้วยื่นให้เสี่ยวจู “กินอะไรหน่อยเถอะ ไม่งั้นไม่ดีต่อกระเพาะนะ”
เนื้อส่งถึงหน้าแล้วเสี่ยวจูคิดจะปฏิเสธคงยากเลยจำต้องรับเนื้อมาทาน เขาพึงพอใจกับวิธีการเอาไม้เสียบเนื้ออย่างมากและรู้สึกดีกับเจสันมากกว่าเดิม
คนที่จะเป็นห่วงกระเพาะเขาคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
“โครก…โครก…”
เจสันกลืนน้ำลายหลายทีฝืนใจไม่หันกลับไปมองเสี่ยวจูทานเนื้อแต่จมูกกลับปิดไม่มิด กลิ่นหอมฉุยพยายามลอยเข้าจมูก
เสี่ยวจูมองไปยังต้นทางของเสียงก็เห็นท่าทางเก้อเขินของเจสันเลยยกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ ฝรั่งคนนี้น่าสนใจดี เป็นสายลับที่แปลกจริง ๆ
“นายเอาเนื้อเก็บไว้ให้ฉันสองไม้ ที่เหลือนายเอาไปกินเถอะ”
เสียงดั่งสวรรค์ของเสี่ยวจูดังขึ้นทำให้เจสันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ลูกตาแทบหลุดออกมา มีเรื่องดีขนาดนี้จริงหรือ?
“ไม่อยากกินก็ช่าง” เสี่ยวจูชักหมดความอดทนเพราะเขาแน่นิ่งไปนาน แบบนี้ไอคิวต่ำเกินไปแล้ว
เจสันพยักหน้าแรง ๆ “กิน…ฉันจะเอาไม้ที่นุ่มที่สุดให้นะ สองไม้น้อยเกินไป ฉันเสียบให้สามไม้เลย วัยรุ่นต้องกินเยอะ ๆหน่อยถึงจะตัวสูง ฉันจะบอกให้เด็กผู้ชายต้องสูงมากกว่าร้อยแปดสิบนะ ไม่งั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนมารัก…”
เสี่ยวจูย่นคิ้วมองชายหนุ่มที่กำลังพูดจ้อตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขานึกเสียใจภายหลังแล้ว…
ไม่เคยเห็นผู้ชายจู้จี้ได้มากกว่าผู้หญิงมาก่อนเลย
“ฉะนั้น…นี่เลยเป็นเหตุผลที่นายเป็นรับเหรอ?” เสี่ยวจูพูดเสียงเรียบแล้วรับเนื้อย่างสามไม้ที่เจสันจัดการเสียบให้อย่างเสร็จสรรพมาพร้อมมองเจ้าคนที่สูงเพียงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรด้วยท่าทียียวน
เจสันชะงักไปพักใหญ่ถึงเข้าใจความหมายของเสี่ยวจูพลันก็หน้าแดงเถือกและหมดคำจะโต้แย้ง
“ปะ…เปล่า…ฉันรักปิแอร์…” เจสันอธิบายเสียงอ้ำอึ้ง
เสี่ยวจูหันกลับไปหาคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กของตนอย่างคร้านจะฟังต่อ เขาไม่สนใจเรื่องความรักสักนิด ไม่ว่าจะชายชายหรือชายหญิง หรือจะเป็นหญิงหญิงก็ตามแต่
เจสันอ้ำอึ้งอยู่นานพอเห็นว่าเสี่ยวจูไม่สนใจเขาพูดอยู่ฝ่ายเดียวก็ไร้ซึ่งความหมายเลยหยิบเนื้อชิ้นโตที่เหลือกลับไปหาปิแอร์อย่างมีความสุข จากนั้นก็แบ่งเนื้อครึ่งหนึ่งให้เขาอย่างได้ใจภายใต้สายตาตกตะลึงของปิแอร์
“รีบกินเถอะ หอมมาก!” เจสันกัดคำโต ปากมันแผลบตาหรี่ลงเป็นเส้นเดียว
ปิแอร์กระตุกมุมปากยิ้มใช้มีดหั่นเนื้อป้อนใส่ปากเจสัน ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มลงมือทานคำโต
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ทั้งสามคนอยู่กันอย่างเงียบสงบ แสงแดดจ้า ลมอ่อนพัดมา ดอกไม้บาน ถ้ามองข้ามสองคนประหลาดบนพื้น ทุกอย่างมันช่างงดงามเหลือเกิน
“กร๊าซ…” จู่ ๆสายลับสาวก็ร้องขึ้นอย่างฉับพลัน
……………………….