GGS:บทที่ 927 ดอกไม้เวิเศษ
ดั่งคำที่คนโบราณกล่าวไว้ว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นต้องลึกล้ำ ฝนทั้งให้เป็นเข็ม เหล่าฝูงผึ้งที่ไร้ซึ่งสติปัญญา ภายใต้การชี้นำของซูจิ้ง ในที่สุด พวกมันก็สามารถจดจำคาถาพระสุริยะบัพพาจนได้ในที่สุด เมื่อถึงขั้นตอนนี้ก็เป็นเรื่องง่ายของซูจิ้งแล้ว
เขาได้สอนวิธีการใช้คริสตัลฝึกตนให้พวกมันฟัง หลังจากนั้นพวกมันทุกตัวก็ได้เข้าไปในมิติที่อยู่ในคริสตัลฝึกตนในทันที
นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าฉงนงงงวยเสียจริงๆ นั่นก็เพราะว่าเพียงสองวันนั้น ระดับสติปัญญาของพวกผึ้งนั้น ได้สูงกว่าหมาบ้านธรรมดาทั่วไปเล็กน้อย
พวกมันในตอนนี้นั้นสามารถจดจำเจ้าของพวกมันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังรู้วิธีการปกป้องเจ้านายของมัน แม้แต่การจดจำรูปขบวนที่ซูจิ้งสอนเอาไว้ อีกในไม่ช้าผึ้งพวกนี้ก็จะพร้อมที่จะกลายเป็นบอดี้การ์ดของซูจิ้งแล้วจริงๆ
ซูจิ้งได้นำผึ้งจำนวนหนึ่งออกไปยังเมืองจงหยุนเพื่อจะให้พวกมันได้รู้จักพ่อ แม่ และน้องสาวของเขา ก่อนที่จะแบ่งฝูงผึ้งออกเป็นสามส่วนแล้วให้กลุ่มหนึ่งดูพ่อแม่และอีกกลุ่มหนึ่งดูน้องสาวของเขา
เจ้าผึ้งพวกนี้ได้รับการฝึกสอนมาอย่างดีแม้แต่การบินหลบหลีกมนุษย์ที่เดินขวักไขว่ยิ่งกว่าแมลงซะอีก
ที่เหลือกลุ่มสุดท้ายนั้นแน่นอนว่าเขานั้นต้องให้คอยเฝ้าฉือชิงไว้อยู่แล้ว ตอนนี้ต่อให้เกิดเรื่องจริงๆ อย่างน้อยๆต่อให้ต้องเจอแก๊งอันธพาลนักสิบคนก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
นอกจากนี้ซูจิ้งยังได้ใช้ชุดการเพิ่มสติปัญญาของเขานี้กับสัตว์ตัวอื่นๆจนทำให้พวกมันนั้นมีภูมิปัญญามากขึ้นจนตอนนี้บรรดาสัตว์เลี้ยงของเขานั้นที่ก่อนหน้านี้เทียบได้กับเด็กเล็กๆจนตอนนี้เทียบได้กับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว
เอาจริงๆพวกมันในตอนนี้นั้นมีสติปัญญาราวกับปีศาจน้อยที่มีเล่ห์เลี่ยมได้เลยทีเดียว แถมพวกมันยังรู้จักอำพรางร่องรอยแล้ว ทำให้พวกมันในตอนนี้ยากที่จะตรวจจับได้หากพวกมันต้องเผชิญหน้ากับคนภายนอก
ซูจิ้งในตอนนี้เตรียมที่จะกลับเข้าไปยังลานขยะห้วงเวลาฯอีกครั้งเพื่อที่จะได้จัดการขยะห้วงเวลาฯที่เหลือต่อ
แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังตึงสองครั้งติดต่อกันมาจากพื้นที่ระบบนิเวศเสมือน
ถึงแม้ว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้จะมีการแบ่งพื้นที่เอาไว้มากมาย และกำแพงมิติที่ใช้กั้นกำแพงพวกนี้ก็สมควรจะกั้นได้ทุกอย่างแม้แต่เสียงก็ยังทำได้
สำหรับซูจิ้ง ในฐานะเจ้าของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาฝ่ากำแพงแบบเสียงที่กำลังได้ยินอยู่นี้
“เกิดอะไรขึ้น” ซูจิ้งได้รีบตรงกลับเข้าไปยังพื้นที่ระบบนิเวศเสมือนในทันที ตอนนี้เขาได้เห็นเงาหนึ่งของดอกไม้ยักษ์ที่เขาพึ่งจะได้มาขยับไปมาอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อมองดูดีๆเขากลับเห็นว่าดอกไม้ยักษ์ต้นนี้อยู่นึ่งๆไม่ไหวติงแต่อย่างใด แต่ตัวพื้นนั้นเต็มไปด้วยปลักโคลนที่ดูสกปรกมากๆ นี่แสดงว่าเจ้าดอกไม้นี่ดอกขยับออกมาตอนที่เขาออกไปและรีบหลบกลับเข้าที่ในตอนที่เขารีบมาที่นี่ แถมเจ้านั่นยังพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยอีกด้วย
“ฉิงหยุน เกิดอะไรขึ้น” ซูจิ้งถามออกมา
“เจ้าดอกไม้นี่เหมือนอยากจะออกไปข้างนอกค่ะ” ฉิงหยุนพูดออกมา
“ห้ะ เจ้านี่เคลื่อนที่ได้เหรอ” ซูจิ้งนิ่งอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน พลางจ้องมองไปยังเจ้าดอกไม้ยักษ์นี่แบบตาไม่กระพริบ แสดงว่าที่เขาสงสัยก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริง
เจ้านี่นอกจากจะยืนได้บนพื้นดิน มีอารมณ์ความรู้สึก และพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยทั้งที่กลบยังไงก็ไม่มิดเพราะรากอันบ่ะเร่อเท่อของมันยังไงก็ขัดหูขัดตา นี่มันนิสัยเดียวกับเต็งเต็งชัดๆเลยนี่หว่า
“….คิดว่าเนียนแล้วเหรอนั่น” ซูจิ้งพูดพลางปลดปล่อยกระแสจิตออกมา ทันใดนั้นก็ได้มีมีดบินพุ่งออกจากกระเป๋ามิติของซูจิ้งและพุ่งไปยังดอกไม้ยักษ์อย่างรวดเร็ว
ทันทีที่มีดบินถูกยิงออกมา ใบไม้ของเจ้าดอกไม้ยักษ์ก็ได้ยกขึ้นมาเป็นเส้นตรงจนสามารถป้องกันมีดบินของซูจิ้งเอาไว้ได้
ดูเหมือนว่าเจ้าใบของดอกไม้ยักษ์นี้จะแข็งมากๆราวกับเหล็กเลยทีเดียวถึงจะเป็นแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ตาม แถมเจ้านี่ยังสามารถปัดมีดบินของเขาได้ซะอีก
ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏฉากที่ทำให้ซูจิ้งต้องตกตะลึง ตอนนี้เจ้าดอกไม้ยักษ์ได้ทำการยืนขึ้น แถมยังไม่ใช่การใช้รากยันตัวขึ้นออกจากพื้นแบบเต็งเต็ง
ทุกส่วนของดอกไม้ยักษ์ได้พันรวมกันราวกับเป็นกลุ่มก้อนเถาวัลย์ ทุกชิ้นส่วนเหล่านั้นพันกันแน่นจนก่อให้เกิดรูปร่างขึ้นมา
ส่วนดอกไม้ในตอนนี้ได้กลายเป็นหัว ลำต้นกลายเป็นลำตัว ใบของมันได้กลายเป็นมือ และขากลายเป็นราก จนทั้งหมดอัดแน่นจนกลายเป็นรูปร่างหนึ่งที่มีใบหน้า ดูไปดูมาก็เหมือนจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน
เธอนั้นมีตา มีหู มีจมูก มีปาก เอาจริงๆดูๆไปแล้วหน้าตาของดอกไม้นี้ก็ดูดีอยู่เหมือนกัน เธอนั้นดูมีทรวดทรงองเอวเข้ารูป มีผมสีแดง และมีผิวสีเขียว ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนชุดแต่นั่นก็คือใบที่เร่งให้เจริญเติบโตขึ้นมาแทน
“โอ้… สัตว์ประหลาดงั้นเหรอ”
ซูจิ้งในตอนนี้สูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เขานั้นอยู่กับสถานีกำจัดขยะแห่งนี้มาก็นานแสนนาน พบเจอสิ่งแปลกประหลาดมากมายหลายหนนัก แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขานั้นอดจะจ้องมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่รากฏอยู่ตรงหน้าไม่ได้
ไม่รู้ว่าเธอนั้นใช่เผ่าปีศาจดอกไม้ในตำนานนั่นรึเปล่านะ หากใช่แล้วล่ะก็ถือได้ว่าเผ่าพันธุ์นี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้ว่าหากเป็นในห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าแห่งทะเลสาบนางฟ้าจะไม่ได้พบเจอได้ยากอะไร แต่นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่ซูจิ้งต้องเจอสัตว์ประหลาดในระดับนี้
“ไม่แปลกใจเลยนะว่าทำไมเจ้าดอกไม้ยักษ์ถึงได้ฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นสัตว์ประหลาดนี่เอง”
ซูจิ้งพูดพลางสังเกตปีศาจดอกไม้นี่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน
และปีศาจดอกไม้เองก็มองซูจิ้งด้วยท่าทีระมัดระวังตัวด้วยเช่นเดียวกัน ทันใดนั้น อยู่ๆเธอก็ได้กระโดดและพุ่งไปปะทะกับขอบของระบบนิเวศเสมือนด้วยความเร็วชนิดที่ว่าซูจิ้งเองก็ยังต้องตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
หลังจากที่ปีศาจดอกไม้พุ่งชนไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น เธอได้ยกแขนที่ตอนนี้กลายเป็นแท่งหลายๆเส้น ก่อนที่จะพยายามเจาะทลวงกำแพงมิติออกไปจนเกิดเสียงดังลั่น จนทำให้ระบบป้องกันถึงสั่นกระเพื่อม แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างร่องรอยอะไรเอาไว้แม้แต่น้อย
กลับกันมือของปีศาจดอกไม้ที่ใช้โจมตีเมื่อครู่นี้กลับโดดไฟฟ้าดูดจนไหม้เกรียมเป็นควันขึ้นมา แต่ไม่ช้าแขนของเธอก็ได้หายไปเป็นปลิดทิ้งอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยฉันออกไป” ปีศาจดอกไม้หันมามองซูจิ้งด้วยเสียงอันใสกระจ่างและนุ่มนวลราวกับเด็กสาว
“คิดว่าเธออยากจะออกก็ออกไปได้ง่ายๆรึไงกัน ขืนปล่อยไปฉันก็เสียหน้าแย่สิ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“จะทำหรือไม่ทำ” ปีศาจดอกไม้ในตอนนี้พูดจบก็ได้ยกแขนไปข้างหลังทั้งสองข้าง ก่อนที่แขนอันอ่อนช้อยนั้นจะกลายเป็นแท่งแข็งๆเป็นแขนงและเหวี่ยงไปหาซูจิ้งในทันทีอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของซูจิ้งเองก็กระตุกไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะถอยร่นออกมาอย่างไว
ด้วยความแข็งแกร่งของพลังจิตของซูจิ้ง ตอนนี้เขาสามรถป้องกันตัวเองได้ชนิดที่ว่า 360 องศาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะถูกโจมตีมาจากทิศทางไหนก็ไม่มีจุดบอดแม้แต่น้อย
แต่เขาเองก็รู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นเหมือนจะด้อยในเรื่องความเร็วทางกายเมื่อเทียบกับปีศาจดอกไม้นี้แล้ว ในตอนนี้เขาจึงต้องใช้สมาธินิดหน่อยในการกระโดดหลบการโจมตีให้ได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วในการโจมตีของเผ่าดอกไม้ในตอนนี้เมื่อจะเริ่มเร่งความเร็วมากขึ้น จนตอนนี้เธอสามารถโจมตีเข้าไปยังระยะป้องกันตัวของซูจิ้งได้สักที
ซูจิ้งเองก็เริ่มรู้สึกแล้วเหมือนกันว่าเรื่องนี้น่าจะรับมือยากกว่าที่คิด แถมดูเหมือนว่าเธอเองก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งกว่าตอนแรกด้วยเช่นเดียวกัน
นี่ทำให้เมื่อซูจิ้งถูกโจมตีจนต้องถอยหนีอีกครั้ง เขาได้กระโดดหลบก่อนที่จะเขวี้ยงขนทองคำของซุนหงอคงออกมาจากหลังหัวของเขาด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด จนกระทั่งเข็มทั้งสามได้พุ่งไปปักยังแขนขาของปีศาจดอกไม้จนทำให้เธอนั้นขยับไม่ได้
“อ้า…” ปีศาจดอกไม้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่นี่เองก็เหมือนจะหยุดเธอไว้ได้ไม่นานเหมือนกัน ตอนนี้ขาและขาของเธอที่ถูกเข็มขนทองคำของซูจิ้งพุ่งทะลุไปเมื่อครู่นี้ได้หายไปในพริบตาอีกครั้ง
คราวนี้เธอได้บิดพันแขนของตัวเองให้กลายเป็นแส้สีขาวที่แสนจะยืดยาว ก่อนที่จะทำการฟาดไปในทุกทิศทางของซูจิ้ง ราวกับว่าเป็นการโหมกระหน่ำฟาดไปยังลูกวัวให้เดินหนีไปมา
นอกจากนั้นดอกไม้ที่หัวของเธอก็ได้บานออกกว้างจนกลายดอกไม้บานมากๆในทันที
ด้วยการที่มีแส้เถาวัลย์จำนวนมากฟาดมายังเขาทำให้เขานั้นไม่มีที่จะหลบ จึงตัดสินใจใช้มือจับไปยังแส้สีเขียวที่อยู่ตรงหน้าอย่างแม่นยำ เผยให้เห็นเถาวัลย์สีเขียวที่ดิ้นส่ายไปมาราวกับหนวดปลาหมึก
ด้วยการที่ซูจิ้งได้กินข้าวสีน้ำเงินมาระยะหนึ่งแล้ว บวกกับการที่เขาได้ฝึกฝนวิถีแห่งมังกรอย่างสม่ำเสมอทำให้ตอนนี้นั้นทั่วทั้งร่างกายเพิ่มความทนทาน
ความแข็งแกร่งเองก็เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมหมัดของเขาหนักอยู่ที่ 1,670 กิโลกรัมนั้น ในตอนนี้ หมัดของเขาหนักเพิ่มขึ้นไป 1,970 กิโลกรัม และยังเพิ่มสูงขึ้นที่เขากินและฝึกไปแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ ซูจิ้งจึงได้ทำการดึงมือของปีศาจดอกไม้เหวี่ยงไปรอบๆราวกับท่าไจแอ้นสวิงจนทำให้ปีศาจดอกไม้ลอยขึ้นอยู่เหนือพื้น ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ปีศาจดอกไม้ลอยไปตามแรงกระแทกเข้ากับกำแพงมิติอย่างจัง
อย่างไรก็ตามปีศาจดอกไม้เองก็ไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆปล่อยให้ไฟดูดจนกลายเป็นไฟลุกโชนขึ้นมา เธอได้ใช้ใบไม้ที่มีรองรับตัวเธอไม่ให้โดนกระแทกเข้ากับกำแพงมิติมากนัก จนดูเหมือนเธอแทบจะไม่เจ็บอะไรเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนี้ปีศาจดอกไม้ได้ปล่อยเกสรสีแดงออกมาฟุ้งกระจายทั่วระบบนิเวศ จนตอนนี้ราวกับภายในระบบนิเวศเสมือนแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ของเธอแล้ว
ซูจิ้งเห็นดังนั้นก็ได้คิดออกมาว่า “เกสรนี่ต้องมีพิษแน่ๆ ปีศาจดอกไม้ตนนี้แข็งแกร่งเลยทีเดียว แต่ฉันเองก็ไม่อยากจะทำอะไรเธอมากซะด้วยสิ แน่นอนว่าจะฆ่าก็ไม่อยาก แถมยังไม่รู้ด้วยว่าจะทำให้เธอรับใช้ฉันได้รึเปล่า แถมยังไม่รู้อีกว่าต้องสู้แบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนกันแน่ ดีไม่ดีนี่พื้นที่บริเวณนี้พังหมดจะสู้กันจบรึเปล่าก็ไม่รู้”
ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างก็ทำให้ซูจิ้งเองนั้นไม่แน่ใจว่าจะสามารถกำราบปีศาจดอกไม้ตนนี้ลงได้ เหตุผลก็เพราะเขานั้นรู้สึกว่าปีศาจต้นไม้ตัวนี้นั้นไม่มีท่าทีอ่อนแรงหรือเหนื่อยล้าเลยสักนิด อีกอย่างเขาเองก็ไม่อยากทำร้ายเธอหนักจริงๆ เฮ้อด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้นั้นทำให้เธอเป็นต่อจริงๆ…. เดี๋ยวนะถ้าเธอใช้สภาพแวดล้อมทำให้ได้เปรียบ ทำไมฉันไม่ทำให้เธอเสียเปรียบล่ะ แค่นี่ก็โคตรง่ายเลยนี่หว่า
“ฉิงหยุน ส่งเธอไปยังพื้นที่ทั่วไป เอาไอ้เกสรแดงนั่นไปกักไว้ด้วย” ซุจิ้งพูดออกมา
“ได้ค่ะ” ทันใดนั้น ปีศาจดอกไม้ได้หายไปจากพื้นที่สิ่งแวดล้อมเสมือนในทันทีแล้วไปปรากฏอยู่ตรงพื้นที่ทั่วไป ส่วนเกสรนั้นฉิงหยุนได้แยกแยะสารประกอบและแยกเก็บเอาไว้
ปีศาจดอกไม้ในตอนนี้ที่อยู่ๆเธอก็ถูกส่งมาที่ไหนก็ไม่รู้ในตอนนี้ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ในตอนนี้เธอนั้นพยายามโหมกระหน่ำโจมตีไปยังกำแพงมิติอย่างบ้าคลั่ง
แต่ไม่ว่าเธอนั้นจะทุ่มสุดตัวขนาดไหกำแพงมิติก็ไม่ได้มีร่องรอยแม้แต่น้อย
“ดีจริงๆที่ฉันได้ยกระดับสถานีนี่เอาไว้ หากไม่ได้ยกระดับไว้ระก็มีหวังปีศาจดอกไม้คงหลุดออกจากที่นี่ไปนานแล้ว แถมฉันเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะหยุดเธอได้”
ซูจิ้งในตอนนี้กำลังสังเกตุพฤตกรรมของปีศาจดอกไม้อยู่ในมิติข้างๆโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าถูกจจับตามองอยู่ เขานั้นสังเกตุทุกวิธีการโจมตีของเธอในทุกท่วงท่าจนจำขึ้นใจพร้อมทั้งหาวิธีกำราบเธอผู้นี้ให้จงได้