ตอนที่ 214-3 ซุนเหลียงไฉถูกลงโทษ

ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1

สะใภ้จูอู่ปรับลมหายใจจนเป็นปกติ ถึงพูดกับทุกคน “หลี่ตุนฝากฝังข้ายามว่างให้คอยไปดูแลมารดาเขา ข้าคอยไปดูให้ตลอด แต่ไม่กี่วันมานี้ไปทำงานในแปลงดิน จึงไม่ได้เข้าไป วันนี้พอจะมีเวลาว่าง ข้าจึงเข้าไปดู ไม่คิดว่าร้องเรียกอย่างไรก็ไม่มีเสียงตอบรับ ข้ารู้สึกผิดปกติ จึงเปิดประตูเดินเข้าไป กลับเห็นแม่เฒ่าหลี่ตุนดวงตาปิดสนิท นอนนิ่งอยู่บนเตียง ตอนนั้นข้าตกใจมาก รวบรวมความกล้าเข้าไปลูบคลำ พบว่านางยังมีลมหายใจ จึงรีบร้องเรียกเพื่อนข้างบ้านให้ไปตามหมอมา หลังจากหมอมาดูอาการ บอกว่านางล้มป่วยมาหลายวันแล้ว ทั้งไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ร่างกายจึงยิ่งอ่อนแอ พูดยากว่าจะดีขึ้นได้หรือไม่ พอข้าได้ยินเช่นนั้นก็รีบขอร้องเพื่อนบ้านให้ดูแลนาง แล้วตะลีตะลานวิ่งมาตามหลี่ตุน หวังว่าเขาจะได้กลับไปทันเห็นมารดาเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น

 

 

จูอู่เห็นดังนั้น นึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวตำหนิโทษที่ภรรยาตนเองเข้ามาตามหลี่ตุนไปโดยพลการ กำลังจะเอ่ยปากขอร้องแทน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเหวินเปียว “เจ้ารีบไปบังคับรถม้าออกมา พวกเราจะตามไปดู”

 

 

เหวินเปียวรับคำไปบังคับรถม้าออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับสะใภ้จูอู่ด้วยน้ำเสียงละมุน “ประเดี๋ยวเจ้านั่งรถม้าของข้ากลับไปด้วยกันเถอะ”

 

 

แม้แต่รถเทียมเกวียนสะใภ้จูอู่ก็ไม่เคยนั่งมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรถม้า ได้ฟังก็ตื่นเต้นลุกลนจนวางมือวางไม้ไม่ถูก กล่าวขอบคุณด้วยริมฝีปากสั่นระริก

 

 

จูอู่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมิได้จะตำหนิโทษภรรยาตนเอง ก็ให้โล่งใจ รีบร้อนกล่าวขอบคุณ

 

 

เหวินเปียวบังคับรถม้าออกมา สะใภ้จูอู่มองจูอู่อย่างอาลัยอาวรณ์แวบหนึ่ง แล้วขึ้นไปนั่งบนรถม้าพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

ทั้งสองนั่งดีแล้ว เหวินเปียวก็ตวัดบังเ**ยนบังคับรถม้าตรงไปหมู่บ้านซุน สะใภ้จูอู่เห็นภายในห้องโดยสารประดับตกแต่งงดงามโอ่อ่า กลัวจะทำเบาะสกปรก พยายามห่อหดตัวให้เล็กที่สุด นั่งนิ่งไม่ขยับในมุมหนึ่งของรถม้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองนางแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าเขยิบมาหน่อยเถิด นั่งแบบนั้นไม่สบายเอาเสียเลย”

 

 

สะใภ้จูอู่รีบร้อนโบกมือ “ไม่ๆๆ นายหญิง ข้านั่งตรงนี้ก็ได้แล้ว จะทำรถม้าท่านเลอะเปล่าๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “รถม้าเลอะเอาไปล้างก็หายแล้ว เจ้าเขยิบเข้ามาอีกหน่อยเถิด”

 

 

สะใภ้จูอู่มองนางอย่างระวังแวบหนึ่ง ถึงเขยิบเข้าไปด้านในเล็กน้อย แล้วพยายามห่อหดตัวให้เล็กที่สุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูร่างกายอ้วนกลมที่พยายามห่อหดตัวจนกลายเป็นก้อนกลมของนาง อดรู้สึกขบขันไม่ได้ รู้ว่านางหวาดกลัวตัวเอง จึงไม่พูดอะไรอีก

 

 

ตลอดทางไม่รู้ว่าสะใภ้จูอู่แอบลอบมองประเมินนางกี่ครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำเป็นไม่รู้ ปล่อยให้นางมองตามใจ

 

 

รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านหลี่ตุน สะใภ้จูอู่แย่งลงจากรถม้าก่อน แล้วเปิดม่านบังรถให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอ่อนน้อม พูดว่า “นายหญิงระวังด้วย!”

 

 

ข่าวที่แม่เฒ่าหลี่ตุนล้มป่วยแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านโดยเร็ว คนในหมู่บ้านต่างหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือเข้ามาเยี่ยม เห็นสะใภ้จูอู่เดินลงมาจากรถม้าหรูหรา ก็ให้ตกใจ กำลังจะเอ่ยปากถาม ก็เห็นสะใภ้จูอู่เปิดม่านบังรถ ร้องเรียกนายหญิง ยิ่งทวีความกังขา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถม้า สายตาทุกคู่ของชาวบ้านรวมศูนย์จับจ้องมาที่นาง ต่างคาดเดาว่านางเป็นใคร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้พวกเขามองประเมินตามสบาย เดินมุ่งหน้าเข้าไปในบ้าน

 

 

หลี่ตุนวิ่งกลับมาถึงบ้านนานแล้ว กำลังขอร้องหมอให้ช่วยมารดาตนเองด้วยสีหน้ากระสับกระส่าย

 

 

ภายในบ้านเนืองแน่นไปด้วยคน สะใภ้จูอู่ร้องบอกให้พวกเขาหลีกทาง ให้เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในบ้าน

 

 

คนในบ้านด้านหนึ่งหลีกทางให้ ด้านหนึ่งพินิจมองนางด้วยแววตาประหลาดใจ

 

 

หลี่ตุนมองเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่เชื่อ ร้องเรียกด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ “นายหญิง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า มองแม่เฒ่าหลี่ตุนที่นอนอยู่บนเตียง เห็นนางเบ้าตาลึกโบ๋ ดวงตาปิดสนิท ราวกับไร้ซึ้งลมหายใจแล้ว ก็ให้ขมวดคิ้วมุ่น

 

 

หมอเห็นนางแต่งกายไม่เหมือนคนบ้านนอก นึกว่าเป็นญาติของครอบครัวหลี่ตุน ถอนหายใจพูดว่า “นางเพียงเป็นไข้ลม หากได้รับการรักษาทันท่วงทีแค่ยาไม่กี่เทียบก็ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่นางไม่มีคนดูแล ไม่เพียงไม่ได้กินยา หลายวันมานี้แม้แต่ข้าวก็ไม่ตกถึงท้อง ร่างกายร่อแร่เต็มที่ ตอนนี้ต้องแล้วแต่ฟ้าลิขิตแล้ว”

 

 

“ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามเสียงแผ่ว

 

 

หมอพยักหน้า “หากมีโสมคนยังพอช่วยชีวิตนางได้” แล้วพลันทอดถอนใจ “แค่โสมคนต้นเล็กๆก็หลายสิบตำลึงแล้ว ชีวิตคนบ้านนอกราคาถูก ไหนเลยจะไปมีปัญญาใช้ของดีแบบนั้นได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังไปพูดกับสะใภ้จูอู่ “รบกวนเจ้าไปตามเหวินเปียวเข้ามาหน่อยเถิด”

 

 

สะใภ้จูอู่ได้รับการปฏิบัติอย่างเกรงใจเช่นนี้จากเมิ่งเชี่ยนโยว รู้สึกตกใจที่ได้รับความเมตตา ออกไปตามเหวินเปียวเข้ามาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

 

 

เหวินเปียวผูกรถม้าดีเรียบร้อย เดินเข้ามา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเขา “ในบ้านข้ามีโสมคนหลายต้น เจ้าไปหาท่านแม่ข้า ให้นางเอาออกมาหนึ่งต้น รีบไปรีบมา”

 

 

เหวินเปียวรับคำอย่างอ่อนน้อม ก้าวอาดๆ ออกไป แก้มัดบังเ**ยน บังคับรถม้าจากไปโดยไว

 

 

ผู้คนภายในบ้านร้องเซ็งแซ่ มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

หลี่ตุนตื้นตันใจจนพูดไม่ออกแล้ว

 

 

หมอเองก็ตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นหมอมาหลายปี เคยเห็นรากฝอยโสมคนไม่กี่เส้นเท่านั้น ไม่เคยได้เห็นโสมคนทั้งต้นมาก่อน ครั้งนี้จะได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

 

 

หลี่ตุนริมฝีปากสั่นระริก ได้แต่กล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุด “ขอบคุณนายหญิง ขอบคุณนายหญิง”

 

 

ผู้คนในบ้านถึงได้รู้ว่า ที่แท้นางก็คือนายหญิงที่หลี่ตุนขายตัวให้ไป ทั้งอิจฉาและริษยาโดยพลัน ความรู้สึกมากมายทะลักล้นภายในใจพวกเขา อิจฉาที่คนชอบลักเล็กขโมยน้อย ไม่ทำการทำงานอย่างหลี่ตุนกลับได้เจอนายหญิงแสนดีเช่นนี้ โสมคนราคาหลายสิบตำลึงก็ให้เขาได้ โดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ริษยาที่เหตุใดตัวเองถึงไม่โชคดีเช่นนี้ ได้อยู่ทำงานกับนายหญิงที่ดีเลิศเช่นนี้

 

 

ผู้คนในบ้านต่างเกิดความรู้สึกต่างๆ นานา ผู้คนนอกบ้านได้ยินแล้วก็ให้ตกตะลึงตามๆ กัน โดยเฉพาะสะใภ้จูอู่ พอคิดว่านางก็เป็นนายหญิงของจูอู่ ความรู้สึกภาคภูมิลำพองทะลักล้นออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ พลันยืดตัวยกแผ่นหลัง แสดงท่วงท่าหยิ่งทะนง

 

 

หมู่บ้านหวงอยู่ใกล้หมู่บ้านซุน เหวินเปียวใช้เวลาไม่นานก็ถือกล่องใบหนึ่งเข้ามา

 

 

ไม่รอให้เขาผูกรถม้าเสร็จ สะใภ้จูอู่ก็รีบวิ่งเข้าหาอย่างรู้งาน บอกเป็นนัยน์ว่าตนเองจะเป็นคนนำกล่องเข้าไปในบ้านเอง

 

 

เหวินเปียวมอบกล่องให้นาง สะใภ้จูอู่ประคองกล่องอย่างระมัดระวังเดินเข้ามาในบ้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับมามอบให้หมอ พูดว่า “ท่านดูก่อนว่าต้นนี้ใช้ได้หรือไม่?”

 

 

หมอรับมา เปิดกล่องออก ตอนที่เห็นโสมคนสมบูรณ์ทั้งต้นนอนอยู่ภายในกล่อง ก็ให้ตกใจลุกพรวด พูดอย่างพรั่นพรึง “นี่ นี่ นี่เป็นต้นโสมคนที่สมบูรณ์มาก อย่างน้อยก็ต้องมีราคาหลายร้อยตำลึง”

 

 

ผู้คนในห้องตกตะลึงพรึงเพริด ส่งเสียงร้องต่างๆ นานา มีบางคนถึงกับชะโงกไปข้างตัวเขาเพื่อมองดูว่าโสมคนราคาหลายร้อยตำลึงนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นกลุ่มคนยุ่งเหยิงโกลาหลขมวดคิ้วยู่ย่น

 

 

สะใภ้จูอู่เห็นเช่นนั้น เอ่ยปากร้องไล่กลุ่มคน “คนในบ้านเยอะเกินไป ทำให้หมอรักษาโรคให้แม่เฒ่าหลี่ตุนไม่สะดวก ทุกคนออกไปรอด้านนอกเถอะ”

 

 

สะใภ้จูอู่เป็นคนตัวสูงใหญ่ ปกติจะเดินกร่างไปมาอยู่ในหมู่บ้าน พวกผู้หญิงในหมู่บ้านต่างก็หวาดกลัวนาง เห็นนางออกปากไล่คน ไม่มีใครกล้าปริปาก ยอมเดินออกไปด้านนอกแต่โดยดี ทว่ามิได้แยกย้ายไปไหน แต่จับกลุ่มสุมหัว ซุบซิบนินทา

 

 

คนทั้งหมดออกไปแล้ว ภายในบ้านเข้าสู่ความสงบ เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ ผ่อนคลายคิ้วขมวดมุ่นออก

 

 

หมอหยิบโสมคนที่สมบูรณ์ทั้งต้นและรากออกมา มือสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น ครู่ใหญ่ถึงสงบใจลงได้ พูดว่า “โสมคนต้นนี้มีสรรพคุณทางยาสูง แม่เฒ่าหลี่ตุนมิต้องใช้หมดทั้งต้น แค่ตัดรากทั้งหมดออกมาใช้ก็เพียงพอแล้ว”

 

 

หลี่ตุนคิดไม่ถึงเลยว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะให้คนไปเอาโสมคนที่ดีเช่นนี้มาให้ ตื้นตันใจจนเกือบจะคุกเข่าให้นาง พอได้ยินที่หมอพูด ก็รีบไปเอากรรไกรมา มือสั่นเทิ้มของหมอตัดรากทั้งหมดของโสมคนออกมา แล้วเขียนใบสั่งยา หลังจากกำชับให้หลี่ตุนไปจัดยา ก็นำรากโสมคนจัดแบ่งไว้ด้านใน

 

 

หลี่ตุนรับใบสั่งยามา หุนหันวิ่งออกไปจัดยา

 

 

สะใภ้จูอู่ออกไปช่วยจุดเตาที่อยู่ด้านนอก พอหลี่ตุนกลับมาจะได้ต้มยาได้ทันที หมอนำโสมคนที่เหลือมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “รากโสมคนพวกนั้นก็เพียงพอแล้ว เจ้านำโสมคนนี้กลับไปเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รับ “เก็บไว้เถอะ เผื่อจะได้ใช้อีกเล่า”

 

 

หมอส่ายหน้า “โสมคนนี้มีมูลค่าสูงลิ่ว หากมีคนประสงค์ร้าย จะเป็นภัยต่อพวกเขาสองแม่ลูกไปเปล่า เจ้านำกลับไปเถอะ”