บทที่ 885 ตีสนิทซูมู่ไห่

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่882 ตีสนิทซูมู่ไห่

มื้อนี้ของฉีเฟยอวิ๋นทานดีกว่าอาหารบนบกเสียอีก เซวียนเหอยกอาหารให้นางด้วยตนเอง ส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นกลับทานอย่างสงบนิ่งแล้วก็ทานอิ่มแล้ว

เพียงแต่ว่าซูมู่ไห่จ้องมองฉีเฟยอวิ๋นกับเซวียนเหออย่างเย็นชาอยู่ตลอดราวกับว่ามองดูชายโฉดหญิงชั่วอันน่ารังเกียจคู่หนึ่ง ดูเช่นไรก็ไม่ถูกชะตา

ทานอาหารแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปพักผ่อนโดยที่ซูมู่ไห่ตามหลังไป ส่วนเซวียนเหอนั้นนั่งอยู่ตรงฝั่งหนึ่ง

บนโต๊ะมีกระดานหมากรุกอยู่และมีคนนำเครื่องดื่มมาให้ เซวียนเหอมองไปทางซูมู่ไห่: “องค์ชายสี่เต็มใจที่จะล้อมสักกระดานหรือไม่?”

ซูมู่ไห่นั่งอยู่ฝั่งหนึ่งเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นจากนั้นลุกขึ้นเดินไปยังตรงหน้าโต๊ะแล้วนั่งลงและมองดูหมากรุกบนกระดานหมากรุก

สำหรับการเล่นหมากรุกในตระกูลของจักรพรรดิมีไม่กี่คนที่เล่นไม่เป็น ซูมู่ไห่นั้นขณะที่ยังเด็กก็ได้เล่นหมากรุกกับท่านตาแล้ว แต่เขาก็เพียงแค่เล่นกับท่านตาเท่านั้น ท่านตาเคยบอกว่าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องการเล่นหมากรุกขึ้นกับผู้อื่น เขาก็เชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งของท่านตาและไม่กล้าเปิดเผยต่อผู้อื่น

แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ซูมู่ไห่กลับต้องการเอาชนะเขาให้ได้ วิทยายุทธไม่ไหวก็ประลองความรู้กัน

“หากว่าข้าชนะหล่ะ?” ซูมู่ไห่ถาม

เซวียนเหอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง: “ทักษะทางด้านหมากรุกขององค์ชายสี่ต้องไม่ธรรมดาถึงจะได้ แต่ว่าข้าไม่มีสิ่งใดที่จะมอบให้องค์ชายสี่จริงๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวก็ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากชีวิตนี้ แต่ชีวิตของข้าได้แบกรับภาระบ้านเมืองอยู่ หากว่ามองให้องค์ชายสี่จริงๆก็เกรงว่าองค์ชายสี่ก็จะไม่ได้สนใจดังนั้นก็เลี่ยงไปเถอะ

แต่องค์ชายสี่นี่สินิสัยหัวรั้นนี้ไม่เหมาะกับวิถีทางของจักรพรรดิ”

ซูมู่ไห่ตกตะลึง: “อะไรนะ?”

“แม้ว่าองค์ชายสี่ยังเยาว์วัยแต่มีความสามารถที่แตกต่างจากผู้คนรอบข้าง หากมิใช่เนื่องจากสุขภาพก็คงจะไม่ถูกผู้อื่นรังแก รวมถึงตระกูลทางฝ่ายมารดาไม่แข็งแกร่งพอ วังหลวงของปีกใต้ไม่ยอมรับองค์ชายสี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่องค์ชายสี่ดีที่มีท่านตาที่ดี ได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพผู้ปกป้องรัฐแห่งปีกใต้เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงจอมปลอม แต่ตามที่ข้าเห็นกลับมิได้เป็นเช่นนั้น

ในตอนนั้นอดีตจักรพรรดิอาวุโสแห่งปีกใต้ได้ทรงเสด็จออกทัพด้วยพระองค์ทำให้แคว้นต่างๆสงบลงและขยายอาณาเขตออกไป

ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นท่านแม่ทัพผู้ปกป้องรัฐผู้นี้ที่ติดตามอยู่ข้างพระวรกายตลอด

ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้คนในโลกไม่รู้เช่นเดียวกับที่องค์ชายสี่เป็นผู้ที่จักรพรรดิปีกใต้ไม่ทรงโปรด

เกรงว่าตระกูลทางฝ่ายมารดาของฮองเฮานั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้แต่จักรพรรดิปีกใต้เยาว์วัยก็ไม่ยอมพระนางไม่ได้

องค์ชายสามก็คือตัวอย่าง หากมิใช่ว่ามีคนหนุนหลังก็คงจะไม่สามารถทนอยู่มาจนถึงวันนี้ได้

และในที่สุดองค์ชายสี่ท่านก็จะมีโอกาสได้เป็นท่านแม่ทัพผู้ปกป้องรัฐถึงจะถูก

องค์ชายสามซูมู่หรงก็มิใช่ผู้ที่โง่เขลาไร้คุณธรรม เช่นไรพวกท่านก็เป็นพี่น้องกัน หากว่าท่านแสดงออกได้ไม่ธรรมดาภายหน้าต้องมีกำลังเป็นแน่”

จู่ๆซูมู่ไห่ก็ยิ้ม: “ฟังเจ้ากล่าวราวกับว่าเป็นเรื่องจริงและก็เกือบสั่นคลอนไปกับสิ่งที่เจ้ากล่าวแล้ว”

“ที่ใด ข้าเพียงแค่กล่าวความจริงเท่านั้น องค์ชายสี่เป็นดาบอันแหลมคมที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาลึก เพียงไม่ส่งเสียงเท่านั้นส่งเสียงแล้วจะทำให้ตกใจ!”

ซูมู่ไห่ขบขัน: “ซูมู่หรงนั้นไม่ถึงตาของข้าเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบข้าเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะมีความสามารถอันใดแล้วเป็นเช่นไร ตอนนี้ร่างกายของข้าย่ำแย่เช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วนั้นก็ต้องจากไปก่อนเสียแล้ว”

“พบอวิ๋นอวิ๋นโชคชะตาของท่านจะเปลี่ยนแปลงไปได้แล้วท่านจะรู้เอง” เซวียนเหอเหลือบมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นส่วนซูมู่ไห่ก็มองตามไปยังตรงนั้นเช่นกัน

ฉีเฟยอวิ๋นนั้นเหน็ดเหนื่อยมากแล้วจึงได้นอนหลับไป

เซวียนเหอลุกขึ้นเดินไปทางด้านฉีเฟยอวิ๋นแล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ฉีเฟยอวิ๋น

“ก่อนหน้านี้ข้าเป็นกบฏมาก่อนและถูกหนานกงเย่ตามไล่ไปทั่วทุกหนแห่งและคิดแต่ที่จะต้องการครอบครอง เป็นนางที่บอกข้าว่าแทนที่จะแย่งชิงให้ปล่อยวางต่อความเกลียดชังและบุกเบิกที่แห่งใหม่จะดีกว่า

เริ่มแรกข้าก็ยังรู้สึกลังเลว่าจะฟังคำพูดของนางหรือไม่ ต่อมาข้าต้องการลองดูถึงได้พบว่าการปล่อยวางก็คือการได้มา

ตอนนี้ข้ามีแคว้นหลิงอวิ๋นแล้ว แม้ว่าแคว้นหลิงอวิ๋นจะเล็กแต่สำหรับข้าแล้วเป็นทางการ

ข้าต้องการวางแผนใต้หล้าของตนเองที่แคว้นหลิงอวิ๋นและสักวันหนึ่งจะมีชื่อในทั่วทุกสารทิศไปตลอดกาล”

เซวียนเหอเดินไปนั่งลงตรงฝั่งหนึ่งแล้วเหลือบมองหมากรุก: “หากท่านมองเช่นนี้ก็อาจจะพ่ายแพ้เต็มกระดาน แต่หากว่าท่านถอยก้าวหนึ่งใต้หล้าก็จะสงบสุขและทุกคนก็มีความสุข!

ยืนกรานไม่วางไม่มีความหมาย ในเมื่อท่านรู้ดีว่าซูมู่หรงอยู่ท่านจึงทำได้เพียงยอมจำนนต่อผู้อื่น เหตุใดท่านจึงไม่ให้มันผ่านพ้นไปโดยร่วมมือกับเขาปกครองปีกใต้ไม่ดีหรือ

สำหรับเขาแล้วปีกใต้นั้นสำคัญมากและสำหรับท่านแล้วปีกใต้ก็สำคัญเช่นกัน และท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พวกท่านสนใจนั้นไม่ใช่ตัวพวกท่านเอง หากว่าร่วมมือกันปกครองที่นี่ให้ดีไม่ใช่จะดีมากหรือ?”

ซูมู่ไห่แปลกใจ: “เจ้าก็ไม่ใช่ญาติของข้าพูดสิ่งเหล่านี้กับข้าทำไม เจ้านั้นไม่ได้เพื่อหญิงผู้นี้แล้วกล่าวสิ่งเหล่านี้อย่างบริสุทธิ์ใจกับข้าหรอกนะ?

หรือว่าหากข้าร่วมมือกับซูมู่หรงแล้วเจ้าจะมีโอกาส? ”

“ก็เพียงแค่ต้องการช่วยท่านอย่างบริสุทธิ์ใจ เมื่อแคว้นหลิงอวิ๋นถือกำเนิดก็จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแคว้นต่างๆไม่ใช่หรือ?”

ซูมู่ไห่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอีกครั้งและเป็นเวลานานจึงได้กล่าวว่า: “ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดถึงสิ่งเหล่านี้แล้วเจ้าก็ไม่ต้องพูดแล้ว”

คำพูดที่ไม่ตรงใจก็ไม่สมเหตุสมผลเสียแล้ว

“ท่านสามารถไปยังที่แห่งอื่นได้เพียงแค่ท่านไม่จากไปก็สามารถอยู่ได้ แต่ว่าที่นี่ไม่ได้” เซวียนเหอยังคงเล่นหมากรุกเองและเริ่มไล่ต้อนคนแล้ว

ซูมู่ไห่หัวเราะครู่หนึ่ง: “เจ้าคิดว่าข้าจะฟังเจ้าหรือ”

“ข้าทำให้ท่านฟังได้” เซวียนเหอกล่าวจบก็มีคนออกมาจากตรงหน้าประตูและเดินไปยังข้างกายของซูมู่ไห่เพื่อรอให้เขาจากไป

ซูมู่ไห่หยิบหมากรุกอันหนึ่งขึ้นมาแล้ววางลง: “ข้าเล่นหมากรุก”

เซวียนเหอเหลือบมองแล้วคนผูันั้นก็จากไป

ทั้งสองเริ่มเล่นหมากรุก

ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาเรือก็จอดเทียบท่าแล้ว จากนั้นขึ้นรถม้าไปยังเรือนของเซวียนเหอที่อยู่ในปีกใต้

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูแล้วกล่าวว่า: “ดูเหมือนว่าท่านอ๋องดูถูกท่านไปแล้ว ท่านไม่สามารถใช้ระยะเวลาอันสั้นจัดการเรือนของตนเองในปีกใต้นี้ได้ ผู้ที่จัดการให้ท่านในขณะที่ท่านเดินทางไปทั่วหล้าที่แท้ก็ไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยวจริงๆแต่เป็นการจัดการเส้นทางของท่านกระมัง?”

“ก็ไม่ใช่ ที่จริงแล้วสถานที่เหล่านี้ขณะที่ข้ายังไม่ได้กำเนิดก็ถูกจัดวางไว้แล้ว ข้ากำเนิดมาแล้วก็พบเจอกับพวกเขาอยู่ตลอด พวกเขาเป็นผู้ที่ข้าเคยพบทั้งสิ้น ขณะที่ข้าออกมาก็เคยมาในสถานที่เหล่านี้”

“ดังนั้นท่านจึงได้วางบัลลังก์ไว้ตรงหน้าของพวกเขาเอาไว้ได้อย่างหนาแน่น กล่าวตามตรงแล้วท่านพ่อของท่านได้ป้องกันพี่น้องทั้งหลายของท่านมานานแล้วก็เนื่องจากเกรงว่าพวกเขาจะไม่เป็นผลดีต่อท่าน”

“ถูกต้อง”

ทั้งสองคนเข้าไปในเรือน เดินดูไปด้วยพร้อมกับพูดคุยไปด้วย

ซูมู่ไห่ก็ดูการจัดการและการจัดเรียงในเรือน

“พื้นที่ปีกใต้ของข้าไม่สามารถรับผูัที่ไม่ซื่อได้” ซูมู่ไห่กล่าวอยู่ที่ด้านหลัง

เซวียนเหอเพียงแค่หันกลับไปเหลือบมอง: “องค์ชายสี่โปรดวางใจ ข้าจะไปจากที่นี่แต่จากไปก็ไม่รีบร้อนขายออกไป เช่นนั้นที่นี่มอบให้องค์ชายสี่เป็นเช่นไร?”

“ข้าไม่สนใจ เจ้าไม่ควรจัดการเรือนไว้ในปีกทิศใต้แล้วเจ้ายังคิดขายหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมามองใบหน้าอันดุร้ายของซูมู่ไห่อย่างจนปัญญา ใบหน้าอันดีช่างดูไม่ได้แล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากสนใจจึงไปในเรือนก่อน ห้องโถงด้านหน้ากว้างขวางนัก ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวรอบหนึ่งแล้วนั่งลง หยิบปากกาและกระดาษมาเขียนใบสั่งยาแล้วยื่นให้เซวียนเหอ : “ท่านเตรียมในทันทีข้าจะใช้ ต้องการในคืนนี้เลย”

เซวียนเหอก็ได้ศึกษาเรื่องยาด้วย มองดูแล้วส่งให้ลูกน้องไปจัดการ

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังซูมู่ไห่: “ท่านไปอาบเสียก่อนแแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ารอให้ค่ำมืดหน่อยข้าจะตรวจอาการให้ท่าน ท่านลองกินยาดู”

“เจ้าหล่ะ?”

ในเวลานี้ร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นสกปรกมอมแมมและยังมีกลิ่นคาวของปลาด้วย

ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้ามองดู: “อีกสักครู่ข้าจะไปอาบ ท่านดูแลตนเองให้ดี”

“พวกเราไปพร้อมกัน”