ลึกลับและเงียบสงบ สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือทางเดินเล็กๆ

แผ่นหินบลูสโตน ลอยอยู่กลางอากาศ ทอดยาวไปไกล

เหมือนลู่ฝานไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่เดินไปบนทางเดินเล็กๆ

แต่เพิ่งก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว จู่ๆ หินบลูสโตนก็หายไป

เขากับอู่คงหลิงร่วงลงไปด้านล่างทันที สิบสามจะดึงทั้งสองคนไว้ แต่ตัวเองกลับร่วงลงมาด้วย

พลั่ก พลั่ก พลั่ก!

หลังจากนั้นทั้งสามคนร่วงลงมาในห้องหนังสือขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง

พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ทั้งสามคนร่วงลงมาบนเก้าอี้คนละตัว

ขณะนั้นเงาคนลอยออกมา ปรากฏอยู่บนเก้าอี้แต่ละตัว

พร้อมแสงต่างๆ เงาคนพวกนี้เหมือนภาพลวงตา

ในบรรดานั้นลู่ฝานเห็นผู้อาวุโสโม่อีกแล้ว

ครั้งนี้ลู่ฝานไม่ได้เอ่ยทักทายทันที แต่ผู้อาวุโสโม่กลับมองลู่ฝานด้วยสายตาที่ประหลาดมาก

คนสิบกว่าคนปรากฏตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง พากันมองมาทางพวกลู่ฝาน

ขณะนั้นเงาคนเลือนรางเงาหนึ่ง ปรากฏขึ้นตรงที่นั่งตรงกลาง

มาพร้อมแสงเลือนรางล่องลอย ทำให้คนเห็นหน้าเขาไม่ชัดเจน

“มาครบแล้วใช่ไหม เจ้าหนุ่ม นายพูดได้แล้วว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ลู่ฝานจำได้ทันที เงาเลือนรางเงานี้คืออริยปราชญ์ดวงดาว

ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “อริยปราชญ์ เรื่องธรรมดามากครับ ไท่จื่อดูหมิ่นเพื่อนผม ผมเลยต่อยเขาไปหนึ่งที หลังจากนั้นเขาจึงส่งคนมาฆ่าผม”

ลู่ฝานใช้คำพูดสั้นกะทัดรัดได้ใจความ อธิบายเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่เมื่อฟังลู่ฝานพูดจบ อริยปราชญ์กลับพูดเสียงเย็นชาว่า “นายต่อยไท่จื่อเหรอ”

ลู่ฝานพยักหน้าช้าๆ

พวกผู้อาวุโสที่เหลือ ต่างพากันมองลู่ฝานด้วยสายตาประหลาด

อริยปราชญ์ดวงดาวถามต่อ “ไอ้เด็กนี่ ไม่ได้มีความสามารถธรรมดาๆ จริงๆ หมัดของนาย เหมือนกับการทำลายตระกูลนายทั้งตระกูล”

เพียงประโยคเดียว ทำให้ลู่ฝานใจสั่นอยู่ครู่หนึ่ง

อู่คงหลิงที่อยู่ข้างๆ ก็สีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน

อริยปราชญ์ถามต่อ “ฉันเห็นเคล็ดวิชาบู๊ทั้งหมดที่นายใช้สู้เมื่อกี้ ไม่ใช่พลังชี่ เหมือนนายจะไม่ใช่ผู้ฝึกชี่ ใครพออธิบายได้ไหมว่าป้ายจัดการดูแลในมือนายได้มาจากไหน” อริยปราชญ์เพิ่งพูดจบ ผู้อาวุโสโม่พูดว่า “ท่านอริยปราชญ์ ผมเป็นคนมอบป้ายให้เขาเองครับ”

พูดพลาง ผู้อาวุโสโม่เล่าเรื่องของเจ้าดำให้ฟัง

อริยปราชญ์ดวงดาวพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วตอนนี้พวกนายศึกษาได้ผลอะไรบ้าง”

ผู้อาวุโสโม่ส่ายหน้าพูดว่า “ขอโทษด้วยครับอริยปราชญ์ ไม่มีผลอะไรเลย ถึงขั้นที่พวกเราไม่พบว่าอสูรวิเศษของเขามีจุดไหนที่พิเศษเลย แต่เมื่อเทียบกับอสูรวิเศษตัวอื่น ดู…….”

พูดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสโม่ชะงักไป

อริยปราชญ์ดวงดาวพูดว่า “ดูอะไร”

ผู้อาวุโสโม่พูดว่า “ดูไร้ยางอายกว่านิดหน่อยครับ”

เพียงประโยคเดียว ทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นหัวเราะออกมา

อริยปราชญ์ดวงดาวส่งเสียงหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “โง่เขลา อสูรวิเศษกลั่นยา เรื่องแบบนี้พวกนายนึกว่าไม่เคยมีผู้ฝึกชี่ทดสอบเหรอ ฉันจะบอกให้นะ เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีผู้ฝึกชี่ที่โดดเด่นคนหนึ่งเคยทดสอบแล้ว เขาคือฮ่วนคุน ผู้ก่อตั้งหอฝึกสัตว์ในปัจจุบัน แต่พวกนายรู้ไหมว่าผลที่ได้คืออะไร ฮ่วนคุนล้มเลิกการศึกษานี้ ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ ถ้าอสูรวิเศษกลั่นยาเป็นหมดทุกตัว แล้วจะต่างอะไรกับคนล่ะ ถ้าสัตว์อสูรทั้งโลก ไม่สิ แค่สัตว์อสูรหนึ่งในสิบกลั่นยาเป็น โลกนี้ยังเป็นของคนอีกไหม โง่เขลา โง่เขลาที่สุด รีบหยุดการศึกษาของพวกนายซะ”