บทที่ 2642 ปิดล้อม 2 / บทที่ 2643 ปิดล้อม 3

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2642 ปิดล้อม 2

ทุกคนต่างตื่นตระหนก เนื่องจากไม่มีใครรู้เลยว่าวันคืนเช่นนี้จะสิ้นสุดลงตอนไหน และอาจกล่าวได้ว่า พวกเขามองไม่เห็นความหวังอันใดแล้ว…

สี่ทูตก็จนปัญญาแล้ว พวกเขาก็มองไม่เห็นความหวังเช่นกัน แต่พวกเขาไม่อาจกล่าวออกมาได้ ยังคงต้องปลุกขวัญกำลังใจของผู้อื่นอยู่ เลี่ยงไม่ให้ทุกคนสิ้นหวังกันไปจริงๆ…

และความหวังที่พวกเขาสามารถเอ่ยออกมาได้ ก็คือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะกลับมาแน่ ขอเพียงนางกลับมา พวกเราก็มีทางรอดแล้ว!”

“วรยุทธ์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ นางต้องมีวิธีรับมือกับสัตว์ประหลาดเกราะเหล็กพวกนี้แน่! ทุกคนรอต่ออีกหน่อยเถิด”

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางทอดทิ้งพวกเรา นางน่าจะถูกสิ่งใดเหนี่ยวรั้งไว้ ด้วยความสามารถของนางในไม่ช้าจะต้องหลุดพ้น จากนั้นก็มาช่วยทุกคนได้…”

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”

ถ้อยคำเหล่านี้พวกเขาแทบจะพูดอยู่ทุกวันวันละรอบแล้ว ให้ทุกคนทนต่ออีกนิด รออีกสักหน่อยเริ่มแรกทุกคนยังคงโอบอุ้มความหวังสายน้อยเฝ้ารอคอย แต่เมื่อวันเวลาที่ถูกปิดล้อมไว้ยืดยาวขึ้นเท่าไหร่ ทุกคนก็ยิ่งร้อนใจขึ้นเท่านั้น ยิ่งไม่เชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ!

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หายไปสองปีแล้ว ไม่แน่ว่าตัวนางเอกอาจเกิดเหตุเหนือความคาดหมายไปแล้วก็ได้”

“นางไม่กลับมาแล้ว ละทิ้งพวกเราไปแล้ว”

“นางอาจจะลุ่มหลงในดินแดนเบื้องบน จนไม่กลับมาที่ทวีปซิงเยวี่ยของพวกเราอีกแล้ว! ถึงอย่างไรทวีปซิงเยวี่ยก็ไม่มีสิ่งใดให้นางห่วงอาลัย…”

ถ้วยคำจำพวกนี้เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนบางส่วนที่มีนิสัยเลือดร้อนถึงขั้นพูดจาแบบนี้มาต่อต้านพวกมู่เฟิงแล้ว

โชคดีที่พวกมู่เฟิงเชี่ยวชาญด้านการจัดการผู้คน ลูกน้องที่ไว้วางใจพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย ประกอบกับคนเหล่านั้นของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เดิมทีก็สุขุมมากอยู่แล้ว ร่วมมือกันจัดการดูแล ถึงได้สยบหัวโจกที่คอยเสี้ยมเสริมยุแยงทั้งหมดลงไปได้!

แต่ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้ก็เป็นการรักษาปัญหาที่ปลายเหตุ เมื่อผู้คนต้องทุกข์ทนกับความหิวโหยก็ยิ่งสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ เงามรณะปกคลุมเหนือศีรษะ ทุกคนไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรต่อ

จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่สี่ทูตกำลังยุ่งง่วนอยู่จู่ๆ ก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้พร้อมกัน…อดีตเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี!

ความทรงจำนี้ผุดขึ้นมากะทันหัน ราวกับเดิมทีมันถูกกดเอาในส่วนลึกของความทรงจำ จู่ๆ ก็ไปแตะถูกกลไกอันใดเข้า จากนั้นทั้งหมดจึงผุดขึ้นมา

ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขาระเบิดขึ้นมา ทำให้สี่ทูตโศกศัลย์เป็นล้นพ้น ตาแดงก่ำไปหมดแล้ว!

หลังจากพวกเขาฟื้นฟูความทรงจำส่วนนี้ได้ ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง สี่ทูตจึงรวมตัวกันก่อน จับคู่ความทรงจำของกันและกัน พบว่าไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ จึงเริ่มไปหาคนอื่นๆ…

พวกเขาเสาะหาผู้คนมากมายที่เคยติดต่อกับตี้ฝูอีในครั้งอดีตราวกับคนบ้า และพอได้ทราบกระจ่างจากถ้อยคำของผู้อื่นว่าพวกเขาไม่ได้หลอนไปเอง แต่เป็นความจริง!

พวกมู่เฟิงทั้งตื่นเต้นทั้งเสียใจ โดยเฉพาะมู่เฟิง ในบรรดาสี่ทูต สมองของเขาปราดเปรื่องที่สุด เขาเสนอแนะความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา

“จู่ๆ พวกเราก็ฟื้นฟูความทรงจำเกี่ยวกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือสื่อได้ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดใหม่แล้วจริงๆ? เขาจะกลับมาแล้วกระมัง?!”

สมมุติฐานนี้กระตุ้นจิตใจคนมากมายนัก ทำให้ทุกคนมีความหวังใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ความหวังใหม่ของทุกคนก็เริ่มเลือนรางลงอีกครั้ง

พวกเขาฟื้นฟูความทรงจำนี้ได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ผู้คนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เริ่มแทะเปลือกไม้รากหญ้าแล้ว ทว่ายังคงไม่เห็นเงาร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูเช่นเดิม…

เขาไม่มีวันกลับมาแล้ว!

แม้ว่าพวกเขาจะฟื้นฟูความทรงจำเกี่ยวกับเขาได้ แต่เขาดับขันธ์ไปแล้ว เกรงว่าไม่อาจกลับมาได้แล้ว และไม่อาจช่วยบรรเทาทุกข์ร้อนให้ปวงประชาได้อีก…

ปีนั้นกู้ซีจิ่วประดิษฐ์ยันต์ถ่ายทอดเสียงเอาไว้ไม่น้อยเลย ต่อมาพวกมู่เฟิงได้เผยแพร่ทักษะนี้ออกไป ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพากันสร้างตาม ในครั้งสุดท้ายที่กู้ซีจิ่วขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน เหล่ายอดฝีมือที่บรรลุขั้นห้าขึ้นไปของทวีปซิงเยวี่ยแทบจะมีกันคนละใบแล้ว ติดต่อกันได้สะดวกยิ่ง

————————————————————————————-

บทที่ 2643 ปิดล้อม 3

ชาวดาวจิ้งจอกครามเข้ามารุกรานในครานี้ เริ่มแรกทุกคนยังใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อกันอยู่ แต่หนึ่งเดือนมานี้ไม่ทราบว่าชาวดาวจิ้งจอกครามได้ใช้อุปกรณ์อันใดเช่นกัน สามารถดักฟังเนื้อหาทั้งหมดที่พวกเขาถ่ายทอดเสียงหากันได้…

ถ้าพวกเขาใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงอีกก็แทบนับเป็นการส่งสารบอกศัตรู! ดังนั้นหลังจากพวกมู่เฟิงเสียเปรียบอยู่สองสามครั้ง ก็มีคำสั่งให้ทุกคนทำลายยันต์ถ่ายทอดเสียงทิ้งให้หมด! ตัดขาดการติดต่อกับคนของโลกภายนอก…

กู้ซีจิ่วหวนคืนทวีปซิงเยวี่ยแล้ว ก่อความเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ พวกมู่เฟิงก็ไม่ได้รับรู้เลย…

เพียงแต่ ก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้อะไรเลย เนื่องจากยานรบเหล่านั้นที่โจมตีสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ของพวกเขาอย่างไม่ละวางจู่ๆ ก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ราวกับได้รับคำสั่งอันใดให้ไปสมทบสนับสนุนที่จุดอื่น

….

จันทร์จรัสดาราอับแสง

ทุกคนอดทนต่อความหิวโหยจนผ่านพ้นไปได้อีกวันแล้ว เป็นธรรมดาที่จะง่วงงุนยิ่ง และอ่อนล้านัก แน่นอนว่าความหวังยังคงเลือนรางริบหรี่อยู่เช่นเดิม

พวกมู่เฟิงยืนอยู่บนแท่งสูงแห่งหนึ่งกำลังปลุกขวัญกำลังใจของทุกคนอยู่

หนนี้ในเนื้อหาที่มู่เฟิงกล่าวได้มีคำใหม่ๆ บ้างแล้ว

“บางทีท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราอาจจะกลับมาแล้วจริงๆ พวกเจ้าก็เห็นว่าวันนี้เรือประหลาดที่คอยโจมตีพวกเราลดลงไปมาก ทุกคนอดทนอีกนิดเถิด ยืนหยัดเข้าไว้ ไม่แน่พรุ่งนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็คงกลับมาแล้ว…”

“ใช่ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางทอดทิ้งพวกเรา บางทีอาจจะจัดการคนเหล่านั้นอยู่ด้านนอกแล้วก็ได้”

มู่อวิ๋นสำทับ

“ฮ่าๆ ทูตมู่เฟิง หยุดพูดเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้สักทีได้ไหม? ถ้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้คงกลับมานานแล้ว! จะรอมาจนป่านนี้ทำไม?”

ในที่สุดก็มีคนเอ่ยขัดแล้ว

“ใช่ๆ การที่สัตว์ประหลาดหุ้มเหล็กพวกนี้ลดน้อยลงกว่าครึ่งอาจเป็นแค่ผู้อื่นกลับไปบ้านนอนพักผ่อนเท่านั้น! หรือไม่ก็อาจกลับไปคิดค้นวิธีโจมตีใหม่ พวกท่านไม่เห็นเหรอว่าครึ่งเดือนมานี้การโจมตีของเขาเปลี่ยนแปลงไปน่ะ? เขตแดนของพวกเราก็เปราะบางขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!”

“มิผิด เดิมทีไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไม่อาจสั่นสะเทือนเขตแดนได้ แต่ตอนนี้กลับสั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว! ซ้ำยังปรากฏรอยปริร้าวด้วย…”

“รอยแตกร้าวจะได้รับการซ่อมแซมโดยเร็ว”

มู่เฟิงขมวดคิ้ว

“ทูตมู่เฟิง ใช่ว่าผู้น้อยจะไม่รู้จักท่านนะ เขตแดนนี้ถูกปลุกเสกโดยท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงสองรุ่น ดังนั้นถึงได้แข็งแรงทนทานเช่นนี้ ทูตมู่เฟิงสามารถรับประกันได้ว่าถ้าซ่อมแล้วจะทนทานเช่นเดียวกับในอดีตหรือ?”

มู่เฟิงหลุบตาลง เขายืนยันไม่ได้จริงๆ

เขตแดนชั้นนี้ที่อยู่เหนือสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ถึงแม้จะแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่สี่เดือนมานี้หลังจากถูก ‘เครื่องจักรเกราะเหล็ก’ เหล่านั้นโจมตีอย่างรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน ระยะนี้ก็เริ่มมีสัญญาณของการพังทลายแล้ว เกรงว่าจะยืนหยัดต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว!

คนนอกเหล่านี้เพียงปล้นสะดมชาวบ้านทั่วไป แถมยังไว้ชีวิตพวกเขาด้วย แต่สำหรับผู้มีพลังวิญญาณขั้นสูงกลับเข่นฆ่าลูกเดียว! ไม่เหลือทางรอดให้เลย!

คนเหล่านี้ที่หลบซ่อนอยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เป็นยอดฝีมือผู้มีพลังวิญญาณสูง ถ้าถูกจับได้มีเพียงความตายสถานเดียว…

“ในเมื่อจะเร็วจะช้าก็ต้องตายอยู่ดี ถ้างั้นพวกเราจะหิ้วท้องหิวโซปักหลักอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร? มิสู้ออกไปสู้ตายกับผู้อื่นให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเสีย!”

“ใช่แล้ว ข้ายอมตายในสนามรบ แต่ไม่คิดจะมีชีวิตจนหิวตายอยู่ที่นี่หรอกนะ!”

“ไปสู้ตายกับไอ้หลานเต่าพวกนั้นเถอะ! ฆ่าได้หนึ่งคนก็คือหนึ่งคน! ฆ่าได้หนึ่งคือเท่าทุน ฆ่าได้สองคือกำไร!”

ตอนนี้ฝูงชนเสมือนถังดินระเบิดที่สะสมประจุด้านลบเอาไว้นับไม่ถ้วน เมื่อมีคนหนึ่งระเบิดสิ่งเหล่านี้ออกมา ก็มีคนเห็นพ้องด้วยนับร้อย ความรู้สึกโกรธแค้นเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ

มู่เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“หากว่าสามารถออกไปสู้ตายได้ พวกเจ้านึกหรือว่าข้าไม่อยากสู้? พวกเจ้าลืมการต่อสู้เมื่อหนึ่งเดือนก่อนไปแล้วหรือ?”

ทุกคนเงียบงันไป…

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน มีคนทนรับวันคืนที่ถูกปิดล้อมไว้เช่นนี้ไม่ไหวแล้ว คิดจะออกไปหาอาหารสักหน่อย หลังจากร้องขออยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดมู่เฟิงก็ยินยอมให้เยี่ยนเฉินนำผู้มีพลังวิญญาณขั้นแปดกว่าสิบคนออกไปอย่างเงียบๆ ได้