ตอนที่ 1211 - ตั้งค่ายในโลกเทพ

The Divine Nine Dragon Cauldron

ขอบเขตแห่งชีวิตนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีพลังฟื้นคืนชีพและหัวใจนิรันดร์เมื่อใช้พลังออกมาแล้ว ขอบเขตจะถูกสร้างขึ้นโดยมีซือหยูเป็นจุดศูนย์กลาง คนที่อยู่ภายในขอบเขตจะถูกสูบชีวิตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะแตกดับไป
  ขอบเขตสามารถใช้ได้วันละครั้งในเวลาสั้นๆ
  หรือก็คือภายในระยะเวลานั้น จะไม่มีใครบนโลกที่สามารถสังหารซือหยูได้ คนที่อยู่ภายในขอบเขตจะตายเว้นเสียแต่มีพลังที่เหนือกว่าหม้อเก้ามังกร
  ซือหยูตกใจมากเมื่อได้พลังนี้มาถ้าหากเป็นจริง นั่นหมายความว่าเขาจะสบายใจได้ในช่วงนี้แม้ว่าเทพจะมาจู่โจมเขาสินะ?
  ‘พลังนี้มาได้ถูกเวลาพอดี…’
  ซือหยูคิดการเดินทางไปยังโลกเสี้ยววิญญาณจะเต็มไปด้วยอันตรายทุกแห่งหน แต่เขาจะได้เปรียบเมื่อมีพลังนี้
  ครึ่งปีผ่านไป
  เรือรบหน่วยล่าแล่นผ่านครึ่งจักรวาลไล่ตามเทพรากษสและมาถึงที่เขตกลางของจักรวาล
  ที่ศูนย์กลางนั้นมืดมิดมันคือโลกเสี้ยววิญญาณ!
  โลกเสี้ยววิญญาณเป็นดั่งเช่นเดียวกับพันธมิตรบูรพามันเกิดจากพันธมิตรของโลกหลายใบจากต่างแดนที่รวมตัวกันเป็นโลกเก้าใบเชื่อมต่อกัน
  มันมีรูปร่างคล้ายเกาะท่ามกลางจักรวาลเวิ้งว้าง
  เทพรากษสจะต้องหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งด้วยความโกรธแค้นชิงชังข้างกายนางคือเทพตำราที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว
  “น่าขยะแขยงจริงๆ! แผนที่เราทำมาตลอดหลายสิบปีพังไม่เป็นท่าในข้ามคืนเดียว!”
  เทพรากษสพูด้วยความโกรธแค้น
  “ทั้งหมดก็เพราะทายาทขยะของเจ้า!”
  “ถ้ามันไม่คิดด่วนแก้แค้นแบบที่มันทำแล้วมาหารือกับข้าก่อนที่จะทำสงครามครั้งใหญ่กับซือหยูด้วยตัวเองเราก็คงจะไม่ถูกจับได้!”
  หากฉินเฟยเฉินไม่เสี่ยงเรื่องราวก็คงจะไม่เป็นแบบนี้
  เทพตำราที่นั่งอยู่ตรงข้ามเทพรากษสนั้นใจเย็นไร้กังวลแม้เขาจะได้ข่าวเรื่องการถูกทำลายของตระกูลเทพตำราและขุมทรัพย์เทพตำราที่ใช้เวลาหลายปีในการสร้าง เขากลับเยือกเย็นได้อย่างแปลกประหลาด
  “เฟยเฉินทำเรื่องเกินกำลังมันไม่ใช่คู่แข่งของซือหยู ปราชัยแม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ต่อให้ทายาทเช่นนั้นรอดชีวิต มันก็ไร้คุณสมบัติการเป็นเทพตำรา…”
  เทพตำราพูดอย่างไม่แยแส  “หากปัญหาเกิดขึ้นแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องแก้ไขมัน”
  เทพรากษสถอนหายใจแรง
  “แก้ไขเรอะ?รากฐานพังทลายหมดสิ้น! เราจะแก้ไขยังไง?”
  “มิติอสูร!”
  เทพตำราพูดอย่างรวบรัด
  เทพรากษสสีหน้าดำมืดนางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
  “เราได้กลายเป็นหนอนบ่อไส้จากเผ่าอสูรในพันธมิตรบูรพาไปเสียแล้ว”
  “แต่ตอนนี้เราถูกพันธมิตรเนรเทศสิ่งที่รอเราในมิติอสูรอาจมิใช่การรวมตัว แต่จะเป็นการถูกลอบสังหารของพวกเราเอง”
  “เราเสียคุณค่าต่อมิติอสูรไปแล้ว”
  “และมิติอสูรก็ไม่มีวันที่จะเชื่อพวกเราสนิทใจ”
  แววตาของเทพตำราส่องประกายเฉียมแหลมเยือกเย็น
  “แล้วถ้าหากเราไปด้วยผลงานเล่า?”
  “เราจะไปเอาผลงานมาจากไหน?”
  เทพรากษสถามกลับ
  เทพตำราตอบทันที
  “พันธมิตรบูรพาจะต้องส่งเหล่าเทพมาตามล่าเจ้าพวกมันจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่นาน”
  “ถ้าเราจับเทพเหล่านั้นได้ทั้งหมดในคราเดียวนั่นจะพิสูจน์คุณค่าของพวกเรา เผ่าอสูรกำลังจะบุกตีพันธมิตรบูรพาอยู่แล้ว พวกอสูรไม่อยากเสียคนที่ภักดีไปแน่”
  พวกเขาจะเอาหัวของเทพทุกคนไปยังมิติอสูรเพื่อพิสูจน์ค่าจริงใจของตัวเอง
  เทพรากษสส่ายหน้าอย่างเย็นชา
  “เจ้าไร้เดียงสานักเทพที่ไล่ล่าข้าน่าจะเป็นเทพเจิ้งหรือเทพพ่อค้า หรือไม่ก็ทั้งสองคนเลย อาจมีเทพอีกมากกว่าห้าคนที่อยู่ข้างกาย เราไม่มีทางทำอันตรายกับพวกมันด้วยกำลังของเราอย่างเดียว!”   เทพตำรายิ้มอย่างเฉียบแหลม
  “เจ้าลืมว่าเราอยู่ที่ใดไปแล้วหรือ?สังหารเทพห้าคนน่ะไม่ใช่ปัญหา”
  นี่คือโลกเสี้ยววิญญาณ!
  เทพรากษสผงะก่อนจะฉีกยิ้มที่มุมปาก
  เทพตำราพูดด้วยความใจเย็น
  “อย่ากลัวหากมันจะมากลัวว่ามันจะไม่กล้ามาดีกว่า”
  …
  ซือหยูบ่มเพาะอย่างเงียบเชียบมาครึ่งปีและเข้าใกล้ความเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุดอีกไม่นานเขาจะได้พลังขั้นสูงสุดมาแล้ว
  “ท่านซือหยูแม่นางหยวนชิงมาที่นี่ หากท่านตื่นแล้วโปรดไปที่ดาดฟ้าเรือหลัก เหล่าเทพกำลังหารือเรื่องแผนบุก”
  วิหคเพลิงทมิฬแจ้งเขาด้วยเสียงนุ่มนวล
  พวกเขามาถึงแล้วรึ?
  เมื่อไปถึงดาดฟ้าเรือเทพพ่อค้า เทพเจิ้งและเทพอีกเก้าคนก็กำลังหารือในขั้นสุดท้ายอยู่ ซือหยูไม่เป็นที่ต้องการมากนัก
  พวกเขาไม่คาดหวังว่าซือหยูจะทำอะไรมากเพราะนี่คือสงครามระหว่างเทพ
  “เจ้ามาแล้วรึ?จากหน่วยข่าวกรองของเทพพ่อค้าในโลกเสี้ยววิญญาณ เราได้รู้ว่าเทพรากษสกับเทพตำราซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
  เทพเจิ้งแอบแปลกใจเมื่อมองซือหยูเทพคนอื่นก็มองเขาด้วยความชื่นชมเช่นกัน
  ก่อนหน้าเมื่อซือหยูคิดว่าเทพตำราจะต้องอยู่ในโลกเสี้ยววิญญาณ พวกเขาไม่เชื่อซือหยูในทันที
  แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ซือหยูคาดเดาพวกเขาจะได้เจอกับเทพรากษสและเทพตำราในโลกเสี้ยววิญญาณพร้อมกัน
  เทพเจิ้งพูดต่อ
  “เราจะถึงโลกเสี้ยววิญญาณในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”   “ดูจากที่โลกเสี้ยววิญญาณมีความแค้นต่อพันธมิตรบูรพาเราจะต้องทิ้งเรือและแปลงกายเป็นสามัญชนเข้าสู่โลกเสี้ยววิญญาณเพื่อเลี่ยงปัญหาและไม่ให้ศัตรูรู้ตัว”
  พวกเขาเคยเดินทางในการกว้างล้างโลกเสี้ยววิญญาณมาก่อนซึ่งครั้งนั้นพ่ายแพ้อย่างหนักและต้องหนีกลับ มีเทพมากมายตายในระหว่างหนี
  ประวัติศาสตร์อันน่าสะพรึงกลัวทำให้พวกเขาหมดความกล้าที่จะเดินทางอีกครั้งถ้าหากไม่ได้เตรียมตัวให้ดี
  “เจ้าจะอยู่บนเรือหรือมุ่งหน้าไปโลกเสี้ยววิญญาณกับพวกข้าล่ะ?”
  เทพเจิ้งถาม
  ซือหยูพยักหน้า
  “ความรุ่งเรืองหรือตกยากของพันธมิตรล้วนมีทุกคนรับผิดชอบร่วมกันข้าจะไปโลกเสี้ยววิญญาณด้วยตัวเอง”
  เทพเจิ้งพยักหน้า  “อย่างนั้นก็ดีเจ้าควรแปลงกายตัวเองแล้วไปกับพวกเราด้วย”
  แต่เทพเจิ้งและเทพคนอื่นๆ ก็ตัวแข็งทื่อเมื่อซือหยูพูดต่อ
  “แปลงกายและติดตามท่านไปให้ตายด้วยกันทั้งหมดหรือ?”
  “ทำไมเจ้าพูดเช่นนั้น?”
  เทพเจิ้งตกใจเล็กน้อย
  เทพคนอื่นตกใจเช่นเดียวโชคดีที่ซือหยูเป็นคนฉลาด พวกเขาหยุดฟังเงียบ ๆ เพราะซือหยูจะต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังคำพูดของเขาแน่นอน
  ซือหยูหัวเราะเบาๆ
  “ยากนักหรือที่พวกท่านจะเข้าใจ?หากข้าเป็นเทพตำราหรือเทพรากษส ข้าจะคิดว่าพวกท่านมาถึงแล้ว! ดังนั้นจึงมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ไม่หนีทันทีก็ต้องหาที่คุ้มภัยในมิติอสูร”
  “หากเลือกหนีสองคนจะไม่รอให้ท่านเจอร่องรอยก่อนจะลงมือทำอะไร ดังนั้นแผนของพวกมันก็คือเข้าหลบภัยที่มิติอสูร!”
  “เมื่อถูกเนรเทศพวกมันย่อมเสียคุณค่าต่อมิติอสูรและไม่น่าเชื่อถือ หากไปมิติอสูรทั้งอย่างนั้น พวกมันอาจกลายเป็นอาหารของเทพอสูรก็ได้”
  “หากเทพตำราฉลาดพอมันจะต้องเอาของขวัญติดตัวไปด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกท่านจะไม่ใช่ของขวัญชั้นเยี่ยมหรอกหรือ?”
  เหล่าเทพตกตะลึงและเหลือบมองตากันเมื่อฟังซือหยูพูดจบ
  เทพพ่อค้ายิ้มยอมรับ
  “ใยเจ้าจึงมั่นใจนักว่ามันกล้าจู่โจมเราล่ะ?”
  “ดูจากที่เทพตำราในอดีตสร้างขุมทรัพย์เทพตำราขึ้นมาพวกเทพตำรามีสองสิ่งที่เหมือนกัน!”
  “อย่างแรกพวกมันฉลาดจนสามารถดูถูกเทพอื่นได้! อย่างที่สอง พวกมันกล้าพอที่จะทำผิดกฎและสร้างขุมทรัพย์เทพตำราขึ้นมาอย่างรอบคอบ!”
  “คนฉลาดที่มีความทะเยอทะยานย่อมมีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงพวกมันชอบเสี่ยง!”
  เทพพ่อค้าตาเป็นประกายเขาได้แต่หัวเราะชื่นชม
  “สมกับที่เป็นชายที่ลูกหยางไท่ของข้าแนะนำ!เจ้าฉลาดล้ำยิ่งนัก! เจ้าพูดถูก สิ่งที่คนฉลาดทั้งยังทะเยอทะยานบกพร่องก็คือความชอบเสี่ยงเกินตัว!”
  ซือหยูพูดต่อ
  “ไม่เพียงแต่มันจะไม่หนีแต่มันจะเล็งเป้าหมายมาที่พวกท่านแทน มันน่าจะวางกับดักให้พวกเราเข้าไปติดกับของมัน”
  เจิ้งหยวนชิงไม่ค่อยชอบใจนักที่ซือหยูพูดความคิดของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบขณะที่เทพคนอื่นได้แต่ฟังด้วยความตั้งใจ
  นางพูด
  “แต่ครั้งนี้เราจะปลอมตัวก่อนเข้าไปที่โลกเสี้ยววิญญาณ ต่อให้เทพตำราวางกับดักเอาไว้ มันจะทันระวังเราหรือ?”
  ซือหยูยิ้ม
  “เจ้าคิดว่าคนฉลาดอย่างเทพตำราจะไม่รู้วิธีการที่เจ้าจะใช้เข้าไปรึ?ถ้าข้าเป็นเขา ข้าจะคิดว่าเจ้าปลอมตัวมาและจะซุ่มโจมตีที่ท่าเรือ”
  “ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะออกจากเรือขณะที่คิดว่าแผนของเจ้าไร้ที่ติจากนั้นจะจับพวกเจ้าในคราเดียว! ต่อให้ไม่ราบรื่น ได้ตัวเทพไปสักสองสามคนก็คุ้มค่าแล้ว”
  เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าเหล่าเทพตึงเครียดขึ้น
  คำอธิบายของซือหยูมีเหตุผลเทพที่เคยเข้าร่วมการกว้างล้างโลกเสี้ยววิญยาณในอดีตคิดว่าตนเองแข็งแกร่งเช่นกัน แต่มังกรที่แข็งแกร่งย่อมมิอาจเอาชนะอสรพิษเจ้าถิ่น พวกเขาไม่เพียงแต่ล้มเหลว แต่เทพหลายคนยังต้องตายในการบุกครั้งนั้นอีกด้วย  เรื่องในอดีตครั้งนั้นยังเป็นเงามืดในใจพันธมิตรบูรพาจนถึงวันนี้
  “ถ้าเช่นนั้นการปลอมตัวไปโลกเสี้ยววิญญาณก็ไม่น่าจะเป็นแผนที่เหมาะสมอีกแล้ว”
  เทพเจิ้งเหลือบมองเทพพ่อค่าและล้มเลิกความคิดที่กำลังจะทำ
  บางทีซือหยูอาจพูดถูกที่บอกว่าพวกเขาจะตายกันหมด
  แต่ถ้าพวกเขาไม่แอบแฝงตัวเข้าไปแล้วพวกเขาจะเข้าไปด้วยวิธีการใดเล่า?
  โลกเสี้ยววิญญาณมีความแค้นเคืองต่อพันธมิตรบูรพาอยู่แล้วหากเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาจะทำให้ศัตรูจำนวนมากรู้ตัวแน่นอน
  พวกเขาจะถูกการรวมพลังของโลกเสี้ยววิญญาณเล่นงานเสียก่อนที่จะได้เจอเงาของเทพตำราและเทพรากษสเสียอีก
  เทพทุกคนขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่มีใครคิดแผนที่ดีออกมาได้  “วิธีเร้นกายใช้ไม่ได้ผลเข้าไปซึ่งหน้าก็ไม่ได้ผล เรากำลังจะแพ้ตั้งแต่ก่อนถึงโลกเสี้ยววิญญาณหลังจากตามพวกมันมาถึงที่นี่รึ?”
  เหล่าเทพจะรับสิ่งนี้ได้ได้อย่างไร?
  การปล่อยเทพตำราและเทพรากษสให้ลอยนวลจะนำพาซึ่งภัยพิบัติไม่ขาดสายแก่พันธมิตรบูรพา
  เทพพ่อค้าหันไปมองซือหยูด้วยรอยยิ้ม
  “หากเจ้ามีความคิดแล้วเจ้าจะแบ่งปันความคิดนั้นกับพวกเราได้หรือไม่?”
  ฟึ่บ!
  สายตามากมายหันไปมองที่ซือหยูเหล่าเทพยอมรับในปัญญาของซือหยูแล้ว
  ซือหยูยิ้ม
  “เข้าไปสู่โลกเสี้ยววิญญาณอย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยากเราก็แค่แล่นตรงไปเลย”
  แค่…แล่นตรงไปเลย!   เหล่าเทพตกตะลึงทุกคนพยายามคาดเดาความหมายของซือหยู
  “ใช่แล้วแล่นเรือไปตรง ๆ ด้วยธงพันธมิตรเรา โลกเสี้ยววิญญาณจะได้รู้ว่าเรากำลังมาจัดการมัน!”
  ซือหยูกำลังยิ้ม
  หา?เทพเจิ้งตกใจ
  “เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ?ก่อนจะได้แล่นเรือเข้าไป เราจะถูกพวกโลกเสี้ยววิญญาณรวมพลังกำจัดเราก่อนแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าจะมีแผนที่ดีเสียอีก!”