ตอนที่ 442 “เจ้าเคยได้รับความอบอุ่นจากแสงสว่างที่ส่องกระทบร่างหรือไม่?”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“หุบปาก”  

 

 

คราวนี้ จีเฉวียนทรงตรัสขึ้นมาบ้างแล้ว 

 

 

พระองค์ลืมพระเนตรขึ้นมา ดวงเนตรหงส์นั้นมีแต่ความเย็นยะเยือก แค่กวาดพระเนตรผ่านก็ทำให้คนต้องขนหัวลุก 

 

 

“อาอิงตายไปแล้ว” พระองค์ตรัสอย่างเย็นชาออกมาประโยคหนึ่ง “เจ้ามันเป็นเพียงตัวประหลาด” 

 

 

ฉางซุนอิงตกตะลึงไปแล้ว “ท่าน….” 

 

 

“มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าข้าเป็นตัวประหลาด? ท่านรู้หรือไม่ว่า เพื่อจะได้กลับมามีชีวิตและเจอท่าน…หลายปีมานี้ข้าต้องยากลำบากขนาดไหน” 

 

 

นางตื่นตระหนก ทั้งยังคิดจะหาข้อแก้ต่าง กลับได้ยินจีเฉวียนตรัสคำหนึ่งว่า “ฉางอัน” 

 

 

“อะไรนะ?” ฉางซุนอิงไม่รู้ว่าสมควรมีปฏิกริยาอย่างไร 

 

 

จีเฉวียนเพียงแค่หัวเราะเสียงเย็นชา “รู้จักความหมายของสองคำนี้หรือไม่?” 

 

 

ฉางซุนอิงเงียบงันไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยว่า “ท่านต้องการให้ใต้หล้ามีแต่ความสงบสุขตลอดกาลหรือ?” 

 

 

เสียงพระสรวลของจีเฉวียนยิ่งทียิ่งเย็นยะเยือกแล้ว 

 

 

“ฉางอัน หนุ่มน้อยที่อาอิงชื่นชอบผู้นั้น ชื่อของเขาคือฉางอัน” 

 

 

ความเงียบงำ….ครอบคลุมเนิ่นนาน 

 

 

ฉางซุนอิงอ้าปากค้าง แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา 

 

 

ฉางอัน? มีคนผู้นี้ได้อย่างไร….. 

 

 

พักใหญ่ นางถึงได้พูดว่า “ท่านพูดเรื่องอะไร…..คนที่ข้าชอบก็คือท่าน ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้มีแต่ท่านเพียงผู้เดียว เคยมีฉางอันที่ใดกัน? นี่มันชัดเจนเลยว่าท่านอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงข้า!” 

 

 

จีเฉวียนหรี่พระเนตรมองราวกับนายพรานที่กำลังรวบตาข่ายอย่างใจเย็น 

 

 

“หัวใจของแต่ละคนต่างก็มีความลับอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ความลับของอาอิงก็คือฉางอัน แม้แต่พี่ชายของนางก็ยังไม่รู้ ว่าในใจของนางมีหนุ่มน้อยผู้นี้” 

 

 

“เขาเป็นเพียงขอทานในแคว้นเหยียน ตั้งแต่เด็กก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง ขอทานอยู่ในแคว้นเหยียนเพื่อประทังชีวิต” 

 

 

คนไร้ค่าที่ไม่มีแม้แต่อะไร กลับชื่อว่าฉางอัน? 

 

 

นี่มิใช่ชื่อที่ประชดประชันไปหน่อยหรอกหรือ 

 

 

ปลายพระหัตถ์ของจีเฉวียนเคาะกับโต๊ะเบาๆ “ตอนนั้น….เรากับอาอิงพึ่งจะไปถึงแคว้นเหยียน อายุยังน้อยไม่มีที่พึ่งพิง ต้องแย่งชิงอาหารกับสุนัข เป็นขอทานชั้นล่างสุด หนุ่มน้อยที่ชื่อว่าฉางอันผู้นั้น อายุมากกว่าพวกเรา เขาคอยดูแลอาอิง” 

 

 

“พอนานวันเข้า ก็กลายเป็นความผูกพัน” 

 

 

“ภายหลังเมืองหลวงของแคว้นเหยียนเกิดโรคระบาด อาอิงก็ติดโรคนี้ด้วย เป็นฉางอันที่คอยดูแลนางอย่างไม่หลับไม่นอนอยู่สามวันสามคืน พออาอิงหาย เขากับล้มลง” 

 

 

“โรคระบาดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว…ไม่นานเชื้อพระวงศ์แคว้นเหยียนจึงออกคำสั่งลงมา ให้เผาคนที่ป่วยเป็นโรคระบาดทั้งเป็น” 

 

 

“ฉางอันตายแล้ว ถูกพวกเชื้อพระวงศ์แคว้นเหยียนเผาตายทั้งเป็น” 

 

 

จีเฉวียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า แต่ก็ยังเห็นได้ว่านิ้วพระหัตถ์ของพระองค์กำลังสั่นน้อยๆ 

 

 

อะไรที่เรียกว่ายอมเป็นสุนัขรับใช้องค์หญิงไท่ผิง ไม่ขอเป็นยาจกเร่ร่อน  

 

 

นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาจากตอนนั้น 

 

 

จีเฉวียนเองก็ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งถึงได้สามารถสงบอารมณ์ลงไปได้ 

 

 

พระองค์ตรัสต่อไป 

 

 

“นับตั้งแต่ตอนนั้น หนุ่มน้อยที่เรียกว่าฉางอันผู้นั้นก็เข้าไปอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของนางแล้ว …ความมุ่งหวังเพียงอย่างเดียวในชีวิตของนางก็คือให้ใต้หล้าสงบสุข ทุกผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”  

 

 

จากนั้น พระองค์ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงตรัสถามออกไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมตอนนั้นอาอิงถึงได้ทำเรื่องโง่วิ่งไปยังจวนแม่ทัพเพื่อขอให้คนเหล่านั้นช่วยเรา?” 

 

 

ฉางซุนอิงตกตะลึงไป นางคิดจะบอกว่า ‘เพราะว่าข้าชอบท่าน’ 

 

 

แต่ว่าประโยคนั้นจะอย่างไรนางก็พูดไม่ออก 

 

 

พูดออกไปมิเท่ากับว่าตบหน้าตนเองหรอกหรือ? นางเคยคิดว่าตนเองรับเอาความเป็นฉางซุนอิงมาได้ทั้งหมดจนครบถ้วนสมบูรณ์แบบ…. 

 

 

แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องสำคัญเช่นนี้กลับไม่รู้เลย 

 

 

คนผู้หนึ่งสามารถยอมตายเพื่อคนอีกผู้หนึ่งได้ ดูอย่างไรก็สมควรเป็นเพราะรักจนถึงแก่นกระดูมิใช่หรือ? 

 

 

“เพราะนางรู้ว่า เราคือคนที่จะทำให้ใต้หล้าสงบสุขได้” 

 

 

“นางรักษาคำสัญญาที่มีต่อฉางอัน…จนตัวตาย” 

 

 

“เจ้าเคยเห็นความมืดมิดอย่างที่สุดมาก่อนไหม?” 

 

 

“เจ้าเคยได้รับความอบอุ่นจากแสงสว่างที่ส่องกระทบร่างหรือไม่?” 

 

 

“ในใจของเจ้ามีความรักอันยิ่งใหญ่ไหม?” 

 

 

“ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่รู้จักรักอันยิ่งใหญ่ กลับคิดจะปลอมตัวเป็นอาอิง…เช่นนั้นก็ล้มเหลวตั้งแต่แรกแล้ว” 

 

 

 

 

 

 

 

 

………………………… 

 

 

ไรท์: อาอิง ลื้อไม่รอดแน่ๆ ไรท์รู้ รีดรู้! 

 

 

ตอนต่อไป “หากสูญเสียฮองเฮา ก็ไม่ต่างจากสิ้นแว่นแคว้น”