ท่าทางภักดีของจงซาน ทำให้เป่ยเฉินเสียงพลันรู้สึกว่า ตนที่เกลียดจงซานเป็นอย่างมากเมื่อครู่ถูกอีกฝ่ายทำให้ซาบซึ้งขึ้นมาแล้ว
หลังจากเอ่ยจบ จงซานรู้สึกว่ายังไม่พอ กล่าวกับเป่ยเฉินเสียงต่อว่า “ดังนั้นองค์ชายใหญ่จะต้องฟังคำพูดของกระหม่อม ท่านกับบุตรสาวกระหม่อมยกเลิกงานแต่งงาน นั่นก็เพราะพวกท่านไร้วาสนาต่อกัน กระหม่อมรักบุตรสาว จึงไม่อยากฝืนบังคับ แต่กระหม่อมหาได้มีใจไม่เคารพองค์ชายใหญ่แม้แต่น้อย!”
ขณะเอ่ยเขาก็ค้อมเอวคารวะเป่ยเฉินเสียง
เป่ยเฉินเสียงรีบประคองจงซานขึ้นมา “ใต้เท้าจงมิต้องมากพิธี เรื่องงานแต่งกับบุตรสาวท่านในตอนแรกล้วนเป็นเพราะข้าคิดไม่รอบคอบ ถึงต้องยกเลิก เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของข้าด้วย ข้าย่อมไม่เข้าใจใต้เท้าผิดไปอย่างแน่นอน!”
จงซานรีบแสดงออกว่าวางใจ เขาน้ำตาคลอคล้ายกับซาบซึ้งในความใจกว้างของเป่ยเฉินเสียง จับมือเป่ยเฉินเสียงเอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ยคิดเช่นนี้ กระหม่อมก็วางใจแล้ว! ในเมื่อฝ่าบาททรงฝากฝังเตี้ยนเซี่ยไว้กับกระหม่อม กระหม่อมย่อมไม่ผิดต่อความคาดหวังของฝ่าบาท ดังนั้นหวังว่าต่อไปองค์ชายใหญ่จะฟังคำพูดของกระหม่อม ขอเพียงทำตามถึงจะได้ใจฝ่าบาทในเร็ววัน ทำให้ท่านก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอันสูงส่ง!”
เป่ยเฉินเสียงฟังแล้ว อดใจไม่ไหวประสานมือคารวะจงซานเอ่ยว่า “ใต้เท้าจงวางใจ นับจากวันนี้ไปข้าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของใต้เท้า กระทำเรื่องราวตามคำแนะนำของท่าน ไม่มีทางเป็นเช่นวันนี้อีก ไม่เพียงเข้าใจใต้เท้าผิด ซ้ำยังทำให้ใต้เท้าผิดหวังลำบากใจ!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้กระหม่อมก็วางใจ!” จงซานกล่าวพลางประคองเป่ยเฉินเสียงขึ้น “เตี้ยนเซี่ยรีบลุกขึ้นเถิด ท่านเป็นนาย กระหม่อมเป็นขุนนาง จะรับการคารวะจากท่านได้อย่างไร หวังว่าภายหน้าเตี้ยนเซี่ยอย่าได้ทำความเคารพแบบนี้!”
คำพูดนี้เอ่ยเสียจนเป่ยเฉินเสียงจิตใจเบิกบาน เขาเป็นคนรักศักดิ์ศรี ยามได้ยินจงซานยกยอ เขาย่อมดีใจ
เป่ยเฉินเสียงยืนตัวตรงส่งจงซานออกจากประตูใหญ่ ทำเหมือนร่ำลาคนรู้ใจ ไม่อาจทนแยกจากจงซานไปได้
รอจนรถม้าของจงซานจากไปไกลแล้ว เป่ยเฉินเสียงค่อยกลับวัง
บ่าวของจงซานมองแล้วยังอดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ใต้เท้า องค์ชายใหญ่ถูกท่านหลอกเสียจนหัวหมุน ท่านช่างร้ายกาจนัก! คาดว่าภายหน้า องค์ชายใหญ่จะช่วยงานท่านได้ไม่น้อย”
อย่างไรเสียเมื่อครู่ องค์ชายใหญ่เพิ่งบอกว่าต่อไปจะเชื่อฟังคำพูดของใต้เท้า ทั้งยังจะทำตามคำเสนอของใต้เท้าด้วย
ดังนั้น…
อาศัยฝีปากของใต้เท้า ภายหน้าขอเพียงยกยอองค์ชายใหญ่สักหน่อย ต่อไปต้องการให้องค์ชายใหญ่ทำอะไร องค์ชายใหญ่ย่อมยินดีทำแน่
จงซานปรายตามองเขาทีหนึ่ง เปรยว่า “นี่คือเหตุผลว่าทำไมปีนั้น เสินเซ่อเทียนถึงเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ไม่เลือกเป่ยเฉินเสียง!”
ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาเรื่องคุณสมบัติ คนที่ถูกคนปกป้องพะเน้าพะนอตามใจตั้งแต่เล็กอย่างเป่ยเฉินเสียง แม้กระทั่งจิตใจป้องกันคนก็ไม่มี ไม่มีแม้กระทั่งความสามารถในแยกแยะเรื่องถูกผิด ศัตรูเอ่ยไม่กี่คำ เขาก็แยกแยะศัตรูไม่ออกแล้ว
เสินเซ่อเทียนจะเลือกคนประเภทนี้ได้อย่างไร
ในทางกลับกันเป่ยเฉินเสียเยี่ยนถูกทำร้ายมาตั้งแต่เล็ก คนประเภทนี้ย่อมมีไหวพริบไว ทั้งไม่มีทางเชื่อถือคนง่ายๆ นี่ถึงเป็นคุณลักษณะที่ฮ่องเต้สมควรมี ฮ่องเต้ไม่ควรระแวงมากเกินไป แต่ก็ไม่อาจไม่ระแวงเลย
เสินเซ่อเทียนมองจุดนี้ออก ถึงได้เลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
หลายปีก่อนที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกจากตำหนักหลิงซาน ไม่ใช่จงซานไม่กังวลว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะกลายเป็นเสินเซ่อเทียนคนที่สอง เช่นนั้นคิดจะล้มล้างราชสำนักเป่ยเฉินคงจะยิ่งยากไปแล้ว ยังดีทีเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เพียงไม่เป็นเสินเซ่อเทียนคนที่สอง ทั้งยังเลือกทางตรงข้าม
เรื่องนี้ทำให้จงซานอุ่นใจ วางใจมาก
แต่เชื่อว่าเสินเซ่อเทียนย่อมไม่อาจสบายใจ ผู้สืบทอดที่ลำบากลำบนอบรมสั่งสอน หาได้คิดจะสืบทอดตำแหน่งของตนสักน้อย
“อ้อ จริงสิ! ใต้เท้า มีอีกข่าวหนึ่ง ท่านลองดูนี่!” ข้ารับใช้เอ่ยแล้วก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้จงซาน “คนที่ท่านคิดรับเอาไว้ช่วงนี้ ถูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับตัวไปแล้ว…”
……
ชายแดน
หลังจากเยี่ยเม่ยหารือเรื่องมู่หรงเหยาฉือกับซือหม่าหรุ่ยจบ อีกฝ่ายก็จากไป
ภายในเรือนเยี่ยเม่ยก็มีแขกมาอีกคนหนึ่ง บางทีหากเรียกว่าแขก ไม่สู้เรียกว่าเป็นหนึ่งในเจ้าของราชสำนักเป่ยเฉินจะดีกว่า ซ้ำยังเป็นคนที่เยี่ยเม่ยเพิ่งได้พบเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนด้วย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยน
นางมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยสายตานิ่งๆ ถามว่า “รำลึกความหลังกับเสินเซ่อเทียนจบแล้วหรือ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับยิ้มน่ามองออกมา ค่อยๆ ตอบว่า “เดิมทีก็ไม่ใช่สหายที่ดีต่อกัน เยี่ยนย่อมไม่มีความหลังอันใดไปรำลึกกับเขา!”
“อย่างนั้นท่านมาหาข้าเพราะอะไร” ในเวลาเช่นนี้ เขาคงไม่มาเพราะไร้เหตุผล
ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองในยามนี้ค่อนข้างประดักประเดิด เชื่อว่าไม่เพียงนางที่อึดอัด เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ต้องอึดอัดด้วยเช่นกัน
หลังจากนางถามออกไป
อวี้เหว่ยพาคุณชายหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งเดินเข้ามา คุณชายผู้นี้ถือพัดอยู่ในมือ คนที่เดิมทีดูคล้ายบัณฑิตเพียงแต่ดวงตากลับเผยอายชั่วร้าย ไม่อาจเรียกว่าหล่อเหลามาก แต่ก็เป็นชายหนุ่มที่ดูดีผู้หนึ่ง
เยี่ยเม่ยถาม “เขาคือใคร”
“คนที่มอบให้เจ้า” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบเสียงนุ่ม อธิบายต่อว่า “หลายวันที่เยี่ยนออกไปก็เพื่อจับเขา เขามีนามว่าลั่วซิงเฉิน ศิษย์เพียงคนเดียวของราชาพิษ พูดไปแล้วอาจารย์ของเขากับอาจารย์ของซือหม่าหรุ่ยมีความแค้นต่อกัน แต่ว่าความแค้นของรุ่นก่อนสิ้นสุดไปนานแล้ว เขาไม่มีทางทำร้ายซือหม่าหรุ่ย!”
“ดังนั้น…” เยี่ยเม่ยเดาได้แล้ว แต่ยังคงถามออกมา
น้ำเสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบอย่างรวดเร็วว่า “ดังนั้นเยี่ยนจับตัวเขามา เพื่อให้เจ้าปกป้องกันตัว เชื่อว่าขอเพียงเขาอยู่ข้างกายเจ้า ภายหน้าเจ้าไม่มีทางถูกวางยาพิษอีกแน่ อีกอย่างเจ้าวางใจได้ เยี่ยนเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว เขาไม่มีทางเล่นตุกติกแน่นอน!”
ลั่วซิงเฉินรีบประสานมือสองข้าง เอ่ยปากว่า “ถูกต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ทั้งไม่อยากอยู่ไม่สู้ตาย ดังนั้นข้าจะช่วยเจ้า เจ้าวางใจเถอะ! ข้าสัญญากับเขาแล้ว อย่างน้อยจะติดตามเจ้าห้าปี หลังจากนั้นห้าปี ขอเพียงเจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว ข้าก็จากไปได้ทุกเวลา!”
ลั่วซิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองเคราะห์ร้ายอย่างมหันต์ ไฉนถึงถูกเทพแห่งความตายอย่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับตัวได้กันนะ
หลายวันที่ผ่านมาเขามีโอกาสประลองปัญญากับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ประลองกำลังก็สู้ไม่ได้ ใช้พิษเพิ่งจะลงมือก็ถูกเขาใช้กำลังภายควบคุมตัว สู้ไม่ได้เลยสักอย่าง ลองใช้เหตุผลบ้าง สุดท้ายก็ถูกทำให้เป็นใบ้พูดไม่ออกเพราะเหตุผลบิดเบี้ยวของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ไม่อาจไม่พูดว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ลั่วซิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองเคราะห์ร้ายอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เลื่อมใสเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างประหลาด
เขาคลุกคลีอยู่ในยุทธภพมาหลายปีแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพบคนอย่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทำเอาเขาสยบอย่างราบคาบ ดังนั้นเขาได้แต่อุทิศชีวิตวัยหนุ่มและความภักดีเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตน!