บทที่ 1753 รับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงอีกครั้ง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1753 รับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงอีกครั้ง

 

ทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า

 

แสงลึกลับส่องประกายบนท้องฟ้าก่อนที่ผู้อมตะสี่คนจะปรากฏตัวขึ้น

 

พวกเขาคือฟางหยวน อิงอู๋เซีย เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาว

 

ตอนนี้เทพธิดาเมี่ยวหยิน เทพธิดากระต่ายขาว และผมที่หกยังไม่ตาย พวกเขายังมีชีวิตอยู่

 

“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปฝึกฝนได้” ฟางหยวนส่งผู้อมตะทั้งสามเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

สมาชิกนิกายเงาทั้งหมดฝึกฝนอยู่ในมิติซ่องว่างของฟางหยวน

 

ฟางหยวนนําพวกเขาออกมาเพียงเพื่อใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะทองรอบทิศ นี่เป็นวิธีเคลื่อนย้ายสถานที่ระยะไกลในพริบตาของเขาในขณะนี้

 

หลังจากฟางหยวนสูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะ ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเข้ามาแทนที่ มันช่วยให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายมาได้หลายต่อหลายครั้ง

 

“แต่วิญญาณท่องแดนอมตะยังสะดวกกว่าในการใช้งาน” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

ฟางหยวนเดินทางไกลมายังอีกมุมหนึ่งของภาคเหนือ แต่กลิ่นอายของค่ายกลวิญญาณอมตะท่องรอบทิศไม่สามารถปกปิด มันจะดึงดูดผู้คน ดังนั้นฟางหยวนจึงปรากฏตัวขึ้นในสถานที่รกร้างว่างเปล่าและห่างไกลจากผู้คนเพื่อหลีกเลี่ยงกองกําลังใหญ่

 

หากเขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ มันจะไม่ลําบากมากนัก

 

ฟางหยวนคิดต่อ “แน่นอนว่าวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดเหมาะสมกับข้ามากกว่า”

 

“ตอนนี้ฟงจิวเก้อจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดอยู่ในการครอบครองหรือยัง?”

 

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดจากฟงจิวเก้อโดยใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

วิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์มากสําหรับฟางหยวน

 

แม้หลังจากกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดแล้ว วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดก็ยังสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายทองแดนอมตะเพื่อนําฟางหยวนเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง

 

ค่ายกลวิญญาณทองรอบทิศด้อยกว่าวิญญาณท่องแดนอมตะ มันไม่สามารถนําผู้ใช้งานข้ามกําแพงภูมิภาค นอกจากนั้นมันยังมีข้อจํากัดด้านจํานวนคน

 

“ในชีวิตก่อนหน้า ข้าโชคดีที่สามารถขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะโดยใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณ แต่วิธีนี้ไม่น่าเชื่อถือ มันพึ่งพาโชค ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะในครั้งนี้

 

ฟางหยวนเกิดใหม่โดยพึ่งพาวิญญาณกาลเวลา เขานําข้อมูลล้ำค่า ระดับความสําเร็จ และท่าไม้ตายอมตะกลับมาด้วย แต่โชคของเขาลดลงอย่างมาก

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อเพิ่มโชคของตนเองอย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตามวิธีบนเส้นทางแห่งโชคของเขาไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

 

“ในการต่อสู้ครั้งก่อน เฉิงตูและเจ้าหญิงนิทราอ่อนแอกว่าข้า แม้โชคของข้าจะไม่ดีนัก แต่การกําจัดพวกเขาก็ไม่ใช่ปัญหา

 

ฟางหยวนค่อนข้างพอใจกับการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้า

 

สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา

 

ในชีวิตก่อนหน้า เขาขาดวิธีโจมตีที่ทรงพลังเช่นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป เขาทําได้เพียงใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณและบุตรแห่งภูตเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

 

ยังบังคับให้ฟางหยวนต้องหลบหนี

 

ถระเบิดตัวเอง นอ ออกจากการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนเสี่ยงมาก เขาใช้ความพยายามและเวลามากมายในการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปและประสบความสําเร็จก่อนการต่อสู้บนเทือกเขาห้าภูมิภาคเท่านั้น เขาใช้มันจับกุมผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์จวินเฉินกวงและทําให้วหยงตกตะลึง

 

ครั้งนี้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปตั้งแต่เริ่มต้นขณะที่ผลลัพธ์ของมันชัดเจนมาก

 

หลังจากสังหารเฉิงตูและเจ้าหญิงนิทรา ฟางหยวนได้รับทรัพยากรหลักในการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนสามชิ้นแรกมาแล้ว สําหรับทรัพยากรชิ้นสุดท้าย มันคือเพลิงชีวิต

 

จากประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนไม่จําเป็นต้องค้นหาเพลิงชีวิตด้วยตนเอง อีกไม่นานผู้อมตะจางจื่อจะนํามันออกมาวางขายในสวรรค์สีเหลือง เมื่อเวลานั้นมาถึงฟางหยวนจะสามารถซื้อมันจากเขา

 

ฟางหยวนมายังทุ่งหญ้ารกร้างแห่งนี้เพื่อจุดประสงค์อื่น

 

เขาบินลงสู่พื้นก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

 

ผลาญวิญญาณระเบิดโชค!

 

“รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าไม่สูงนัก ข้าต้องระวังการใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค แต่คราวนี้ข้ากําลังจะเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา เพื่อความปลอดภัย ข้าต้องใช้มัน” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเช่นกัน แต่ฟางหยวนต้องใช้มันเพื่อป้องกันการอนุมานจากศัตรู

 

ตอนนี้ฟางหยวนยังมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเหลืออยู่ในคลังสมบัติแต่การบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาต้องหยุดลงเนื่องจากภูเขาตงฮันพึ่งถูกจุดชนวนระเบิดในมือของเทพธิดาจื่อเว่ย ฟางหยวนต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อกู้คืนมัน

 

หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โชคของฟางหยวนพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตามมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้าในช่วงเวลาเดียวกันนี้

 

ข้อเสียของวิญญาณกาลเวลายิ่งใหญ่มาก ยิ่งการบ่มเพาะของผู้ใช้งานสูงเท่าใด โชคของพวกเขาก็ยิ่งลดลงเท่านั้น ฟางหยวนไม่รู้ว่าเทพปีศาจบัวแดงจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

 

ฟางหยวนเดินไปรอบๆและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกซ่อนไว้

 

จากนั้นเขาก็เข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะและหายตัวไปจากจุดนั้น

 

นี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกทิ้งไว้โดยนิกายเงา มันใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จากสภาพแวดล้อมเพื่อปกปิดตัวมันเอง

 

ฟางหยวนมองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบางท่า

 

นี่เป็นท่าไม้ตายที่เขาพึ่งคิดค้นขึ้นและยังไม่ได้ตั้งชื่อ จุดประสงค์หลักของมันคือการปกปิดตัวตนและป้องกันการอนุมาน

 

หลังจากใช้ท่าไม้ตายนี้ ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกระโดดลงไปในสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

เขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาสายหลักอย่างรวดเร็ว

 

ไกลออกไปคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งลอยอยู่เหนือสายธารแห่งกาลเวลา

 

มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะวิหารอดีตปัจจุบัน

 

มีผู้อมตะสี่คนอยู่ในวิหารอดีตปัจจุบัน สามชาย หนึ่งหญิง

 

พวกขาคือสี่ขุ่นจือจากนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณ ทั้งสี่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด

 

ฟางหยวนใช้เกาะบัวหินที่ครองครองโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณสังหารหงซื่อของวังสวรรค์และทําให้พวกเขาประสบปัญหาขาดแคลนผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

แม้สี่ซุนจือจะไม่ใช่สมาชิกของวังสวรรค์แต่พวกเขามีความแข็งแกร่งและภักดี เทพธิดาจื่อเว่ยส่งพวกเขามาปกป้องสายธารแห่งกาลเวลาพร้อมกับวิหารอดีตปัจจุบัน หากฟางหยวนเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา พวกเขาจะสังเกตเห็นทันที

 

“หือ?” จางซุนจือรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เกาซุนจือถาม

 

จางซุนจือชี้ไปยังหน้าจอแสดงภาพที่อยู่ในวิหารอดีตปัจจุบันและกล่าวด้วยความลังเล “ข้าคิดว่าข้าเห็นระลอกคลื่นที่ผิดปกติก่อนหน้านี้”

 

“เช่นนั้นเราไปตรวจสอบกันเถอะ” เกาซุนจือกล่าว

 

สี่ชุนจือกระต้นใช้งานวิหารอดีตปัจจุบันและตรวจสอบพื้นที่หลายสิบครั้งแต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ

 

“ข้าอาจมองผิดไป ฮ่าฮ่าฮ่า” จางซุนจ่อหัวเราะด้วยความเขินอาย

 

“พี่ใหญ่อย่าประหม่าเกินไป ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเราทั้งสี่สามารถเอาชนะเขาแม้จะไม่มีวิหารอดีตปัจจุบันก็ตาม” จงซุนจือปลอบโยน

 

วังสวรรค์เข้าใจพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฟางหยวนเป็นอย่างดี

 

เกาซุนจือหัวเราะคิกคัก “อย่ากังวล อย่ากังวล แม้พวกท่านจะตาย ตราบเท่าที่ข้ารอดชีวิต พวกท่านก็สามารถฟื้นคืนชีพ”

 

“ฮืม เจ้ากําลังสาปแช่งพี่ชายของเจ้างั้นหรือ?”

 

“เห้อ…”

 

“เจ้าช่างซุกซนนัก!”

 

“ท่านพี่ ปล่อยข้า…”

 

ภายในวิหารอดีตปัจจุบันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

 

ทั้งสี่ล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่รู้ตัวเลยว่าฟางหยวนมาถึงสายธารแห่งกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว

 

ในชีวิตก่อนหน้า วิหารอดีตปัจจุบันค้นพบคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ของฟางหยวน แต่ชีวิตนี้แตกต่างออกไป

 

ประการแรก ฟางหยวนพบเพียงวิหารอดีตปัจจุบันเท่านั้น วังสวรรค์ยังไม่ได้ส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสามหลังออกมา

 

ประการที่สอง ฟางหยวนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิหารอดีตปัจจุบัน เขาทําลายมันมาแล้วถึงสองครั้งในชีวิตก่อนหน้า สี่ซุนจือเสียชีวิตในมือของฟางหยวน เขายังจับและค้นวิญญาณของสามซุนจือ นั่นทําให้เขาสามารถเรียนรู้ความลับเกี่ยวกับวิหารอดีตปัจจุบัน

 

ประการสุดท้าย ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหลายดวงหลังจากกําเนิดใหม่ หนึ่งในนั้นเป็นวิญญาณอมตะซ่อนเวลาระดับเจ็ด มันอนุญาตให้ผู้ใช้งานปกปิดร่องรอยของพวกเขา ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นสามารถหลบหนีจากการตรวจสอบของวิหารอดีตปัจจุบัน

 

ด้วยเหตุนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดวิหารอดีตปัจจุบันจึงไม่พบการคงอยู่ของฟางหยวน

 

ฟางหยวนเคลื่อนที่ไปในสายธารแห่งกาลเวลาอย่างรวดเร็ว

 

เขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาบางอย่าง

 

น้ำพุกะทันหันสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด นอกจากนี้ยังมีอสูรปี

 

โชคดีที่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคมาแล้ว นั่นทําให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงพวกมันและไม่ทําให้เกิดความโกลาหล

 

หากการต่อสู้ปะทุขึ้น มีโอกาสสูงที่วิหารอดีตปัจจุบันจะค้นพบเขา

 

ตอนนี้ฟางหยวนยังไม่มีสระแก่นแท้ปี โดยปราศจากมัน เขาก็ไม่สามารถรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิด

 

ในที่สุดวิญญาณกาลเวลาก็เริ่มสั่นสะเทือน หลังจากไม่นานฟางหยวนก็พบเกาะบัวหิน!