ตอนที่ 1295 ผู้เฝ้ามอง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1295 ผู้เฝ้ามอง โดย Ink Stone_Fantasy

โจนดีใจขึ้นมาทันที

นอกจากเมซี่แล้ว ยังมีคนอื่นที่เข้าใจภาษาปลาของเธออยู่อีก

แต่แน่นอน เมซี่จะเข้าใจจริงๆ หรือเปล่าโจนก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะเสียงจิ๊บๆ ของอีกฝ่ายนั้นเหมือนจะเข้าใจได้ยากกว่าเสียอีก ปกติอย่างมากเธอก็เดาออกแค่บางคำเท่านั้น

แต่ว่า…อะไรคือผู้เฝ้ามอง?

เธอออกเสียง ‘ยาๆ’ ถามต่อว่าเจ้าเฝ้าหลุมนี่เหรอ? แล้วที่ีนี่คือที่ไหน?

“มันไม่ใช่หลุม หากแต่เป็นสะพานต่างหาก” อีกฝ่ายยิ้มขึ้นมา

ข้าเคยเห็นสะพาน สะพานมันไม่ได้เป็นแบบนี้ โจมตีเดินไปที่้ข้างหลุมอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองลงไปด้านหลัง รอบๆ ผนังในหลุมนั้นมีแต่ดินโคลนกับเถาวัลย์ มันไม่เห็นทางที่จะลงไปข้างล่างได้เลย

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะข้ามสะพานนี้ได้ ต้องเป็นคนที่มีกุญแจถึงจะข้ามไปได้” หญิงสาวอธิบาย “เจ้าไม่มีกุญแจ เจ้าก็เลยมองไม่เห็นมัน”

อย่างนี้นี่เองยา โจนเข้าใจขึ้นมาทันที แต่ทำไมคนที่สร้างสะพานขึ้นมาต้องทำแบบนี้ด้วย? ก็ให้คนข้ามหลุมไปได้เลยไม่ดีกว่าเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไม่มีกุญแจ ทุกคนก็ยังเดินอ้อมได้นี่นา

ผู้เฝ้ามองยิ้มเจื่อนๆ ขึ้นมา “มันก็ใช่…แต่ว่านี่เป็นเรื่องที่ข้าต้องทำ รอคอยให้คนที่มีกุญแจมา จากนั้นก็เปิดสะพานให้เขา”

โจนหันกลับมามองดูเธออยู่ครู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

บนตัวเจ้าไม่มีโซ่ล่ามเอาไว้นี่นา

“อะไรนะ?”

ในเมื่อไม่มีโซ่ ทำไมถึงไม่ไปจากเกาะล่ะ? โจนชี้ไปยังอีกด้านหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้ามองเห็นทางโน้นมีแผ่นดินอยู่ ถ้าว่ายไปก็น่าจะใช้เวลาไม่นานเท่าไร ในเมื่อไม่ได้ถูกล่ามเอาไว้ ข้าพาเจ้าไปจากนี้ด้วยกันก็ได้นะ

อีกฝ่ายตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มๆ แล้วส่ายหัว “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว บนตัวเจ้ามีแผล ถูกอะไรโจมตีมาใช่หรือเปล่า?”

ถึงแม้โจนจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงเปลี่ยนประเด็น แต่โจนก็ยังตอบคำถามออกไปทันทีว่าถูกสัตว์ประหลาดทะเลตะปบมา

“มานานลงตรงนี้สิ ข้ามียา เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้เจ้า” หญิงสาวกวักมือเรียกเธอ

ไม่รู้ว่าทำไม เห็นๆ อยู่ว่าเป็นการเจอกันครั้งแรก แต่โจนกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนไม่ดี

หลังทำตามที่เธอบอก ผู้เฝ้ามองดูหยิบเอาขวดยาออกมาขวดหนึ่ง ก่อนจะเอายามาป้ายไว้บนฝ่ามือตัวเองแล้วค่อยเอามาทาบนบาดแผลของเธอ ความรู้สึกเย็นสดชื่อพัดเอาความเหนื่่อยล้าและความเจ็บปวดบนร่างกายเธอไปทันที คล้ายเป็นลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาที่หน้าในตอนที่อากาศร้อนๆ

“ยา…”

“สบายใช่ไหม?” หลังจากทายาไปแล้ว ผู้เฝ้ามองก็ฉีกชายจะโปรงของตัวเองออกมาพันไว้ตรงตำแหน่งที่ทายา “เออใช่ หลังจากนี้เจ้าจะไปที่ไหน?”

กลับบ้าน โจนพูดงึมงำ ข้าอยากกลับไปหาเพื่อน

“อย่างนั้นเจ้าจะไปทางเงามืดไม่ได้ ถึงแม้ที่นั่นจะมีแผ่นดินอยู่ แต่เป็นที่ๆ เจ้าไม่ควรไป”

เจ้ารู้ว่าเมืองเนเวอร์วินเทอร์อยู่ที่ไหนเหรอ? เธอมองออกไปข้างนอกอย่างดีใจ

“อืม…น่าจะอยู่ตรงข้ามกับเงามืดล่ะมั่ง แต่ว่าหนทางที่จะไปที่นั่นก็อันตรายอย่างมากเช่นเดียวกัน ทางที่ดีเจ้าว่ายเลีบลชายฝั่งไปดีกว่า”

จริงเหรอ?

“จริงสิ แต่เจ้าพักผ่อนก่อนที่ดี ข้ารู้ว่าร่างกายเจ้ามันใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว”

พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ โจนที่ตอนแรกนึกว่าตัวเองยังไหวพลันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจับใจ ราวกับว่าความเหนื่อยล้าที่เธอสะสมมาเป็นเวลาครึ่งปีพลันระเบิดออกมาในเวลานี้

เมื่ออยู่ข้างกายอีกฝ่าย เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายที่ไม่ได้เจอมานาน

ก็จริง พักผ่อนก่อนแล้วกัน

เธอค่อยๆ หลับตาลง

หญิงสาวลูบผมของโจนพร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “จริงอยู่ที่ข้าไม่ได้ถูกโซ่ล่ามเอาไว้ แต่มันไม่ได้มีแต่โซ่เท่านั้นถึงจะคุมขังคนเอาไว้ได้ บางครั้งคำพูดมันก็มัดตัวเราเอาไว้แน่นยิ่งกว่าโซ่เสียอีก”

ข้า…ไม่ค่อยเข้าใจ

“ไม่เข้าใจไม่เป็นไร เพราะว่าแม้แต่ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน”

เสียงของหญิงสาวเหมือนกับค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ ทั้งนุ่มนวลและสงบ สติของโจนเริ่มเลือนลาง

บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าถามคนอื่นดูได้…ถึงแม้ข้าจะโง่ไปหน่อย แต่มีบางคนที่ฉลาดมาก อย่างเช่นคุณอันนา แล้วก็ฝ่าบาทโรแลนด์….

“งั้นเหรอ? อย่างนั้นรบกวนเจ้าด้วยนะ”

พวกเรายังจะได้เจอกันอีก…ใช่ไหม?

“อื้อ ถ้ามีโอกาสล่ะก็…”

โจนจมอยู่ในการหลับใหล

ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

แย่แล้ว ข้าหลับไปนานเท่าไรเนี่ย? เธอกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง แต่เธอกลับไม่ได้รับคำตอบจากผู้เฝ้ามอง โจนมองดูรอบๆ อย่างลนลาน ก่อนจะพบว่ารอบตัวเธอไม่มีใครอยู่เลย

ไม่ใช่แค่นี้ แม้แต่แผ่นหินพวกนั้นก็ไม่มีอยู่เลย ตรงหน้านอกจากหลุมขนาดใหญ่ สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแค่ทุ่งหญ้าโล่งๆ กับภูเขาเรียบๆ เท่านั้น ราวกับว่าทุกสิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น

หรือว่า นั่นคือความฝัน?

ไม่ ไม่ใช่ โจนพบว่าบนร่างกายเธอยังมีผ้าพันเอาไว้อยู่ เพียงแต่ความรู้สึกเย็นสบายตรงผิวหนังมันหายไปหมดแล้ว

เธอแกะผ้าออกอย่างลังเล บนเกล็ดของเธอไม่มีร่องรอยยาหลงเหลืออยู่ แต่บาดแผลได้หายไปหมดแล้ว

ในขณะที่โจนกำลังงุนงง อีกด้านหนึ่งพลันมีเสียงร้องแปลกๆ ดังขึ้นมา

ในเวลานี้เธอถึงได้สังเกตเห็นว่าหมอกที่ปกคลุมเกาะก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว เงามืดที่อยู่อีกฟากหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเธอ

มันเป็นภูเขาสูงจริงๆ แต่ความสูงของมันค่อนข้างสูงจนหน้าตกใจ เรียกได้ว่าสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว

ไม่ใช่เท่านี้ ขนาดของมันก็ยังใหญ่จนน่าตกใจอีกด้วย เมื่อมองดูจากไกลๆ ความใหญ่ของมันเกรงว่ายังไงกว้างกว่าเกาะของฟยอร์ดจากทิศใต้ไปจนถึงทิศเหนือรวมกันเสียอีก บนภูเขามองไม่เห็นต้นไม้เลยแม้แต่ต้นเพียง สิ่งที่ดวงตามองเห็นนั้นมีแต่สีดำ เหมือนกับว่ามันถูกน้ำหมึกย้อมเอาไว้ นอกจากนี้บนภูเขายังมีหมอกแดงปกคลุมอยู่บางๆ อีกชั้นหนึ่ง บางครั้งก็จะมีของเหลวสีแดงพ่นออกมา!

จากนั้นโจนก็มองเห็นว่าเสียงคำรามนั้นมันมาจากที่ไหน

ตรงด้านล่างตีนเขามีเรือสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนแห่กันเข้าไปหาพื้นทวีปเหมือนกับมด มันไปออกันอยู่ตรงชายหาดพร้อมกับพ่นน้ำพิษออกไปจนพื้นสีดำหลุดร่อนออกมาเป็นชั้นๆ ก่อนหน้านี้ขนาดยักษ์ก้อนแล้วก้อนเล่ากลิ้งตกลงมาในทะเล ริมชายฝั่งเหมือนเดือดพล่านขึ้นมา! ถึงแม้เมื่อเทียบกับภูเขาสีดำแล้ว สัตว์ประหลาดเหล่านี้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่กองกำลังเล็กๆ นี้กลับค่อยๆ กลืนกินภูเขาไปทีละน้อย!

แต่พวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอการตอบโต้

ตรงพื้นที่ที่เรือยังไปไม่ถึง ปีศาจทะเลจำนวนนับหมื่นกับสัตว์ประหลาดอีกชนิดหนึ่งกำลังปะทะกันอย่างรุนแรง โจนมองดูอยู่ครู่ใหญ่ถึงได้พบว่านั้นคือปีศาจที่ทุกคนพากันพูดถึงบ่อยๆ!

ปีศาจทะเลที่ปกติมักสร้างความปวดหัวให้กับพวกลูกเรือดูอ่อนแอเหมือนกับคลื่นที่ซัดสาดไปบนโขดหิน พวกมันถูกชนจนแตกกระสานซ่านเซ็น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรแนวป้องกันของพวกปีศาจได้ แต่ถึงกระนั้นพวกปีศาจทะเลที่ตามมาทีหลังก็ยังดาหน้าขึ้นฝั่งไปไม่หยุด

ความเหตุการณ์กันบ้าคลั่งนี้ทำให้โจนถึงตกใจจนเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น

‘ถึงแม้ด้านนั้นจะมีแผ่นดินเหมือนกัน แต่มันกลับไม่ใช่ที่ๆ เจ้าควรไป’

‘ที่ๆ เจ้าจะกลับไปอยู่ตรงข้ามกับเงามืด’

ภายในหัวเธอมีเสียงผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นมา

โจนหันหน้ามองไป ด้านตรงข้ามกับภูเขาหินสีดำนั้นไม่มีวี่แววของแผ่นดินเลย มีแต่ท้องทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เธอลังเลอยู่เพียงเล็กน้อย สุดท้ายเธอก็วิ่งไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว

ภาพการต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งของทั้งสองฝั่งทำให้เธอรู้ถึงได้ถึงกลิ่นอายแห่งความอันตราย สัญชาตญานบอกเธอว่าเธอควรจะรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้เธอยังแอบรู้สึกว่าผู้เฝ้ามองนั้นไม่มีทางหลอกเธอ

เสียงตู้มดังขึ้นมา โจนกระโดดลงไปในน้ำ พร้อมกับทิ้งเสียงดังกัมปนาทที่เหมือนฟ้าดินจะถล่มเอาไว้ข้างหลัง

…………………………………………………………………….