บทที่ 2646 ใครจริงใครปลอม 2 / บทที่ 2647 ใครจริงใครปลอม 3

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2646 ใครจริงใครปลอม 2

พวกมู่เฟิงดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบกู้ซีจิ่ว แต่พวกเขาไม่กล้าถามถึงเรื่องของตี้ฝูอีกับเธอ ถึงอย่างไรตี้ฝูอีก็ไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ พวกเขาจึงไม่รู้ว่านายเดิมของพวกเขาถือกำเนิดใหม่แล้ว…

เกรงว่าจะเป็นการขยี้ปมของนางเข้า ทำให้นางเสียใจ…

อาจเป็นเพราะว่าไม่ง่ายเลยกว่านางจะข้ามผ่านมาได้ แล้วพวกเขาจะหักใจแตะซ้ำเข้าที่รอยแผลบนหัวใจของนางได้อย่างไร? พวกเขาถึงขั้นที่ไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่ากว่าสองปีมานี้กู้ซีจิ่วผ่านอะไรมาบ้าง…

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังพูดคุยกับพวกเขาอยู่ ได้เหลียวกลับไป ม่านตาก็หดตัว

เยี่ยนเฉินกับสตรีในชุดคลุมสีชมพูอ่อนนางหนึ่งกำลังทำอาหารกันอยู่บนเตากลางแจ้งที่อยู่ไม่ไกล

สตรีนางนั้นนัยน์ตากลมโต ริมฝีปากจิ้มลิ้ม เมื่อแย้มยิ้มจะปรากฏรอยบุ๋มบนแก้มทั้งสองข้าง เป็นหลานไว่หู!

หลานไว่หูกำลังก่อไฟอยู่ตรงนั้น เยี่ยนเฉินกำลังผัดผักบนเตา ทั้งสองพูดคุยยิ้มหัว ดูแล้วอบอุ่นนัก

สืบเนื่องมาจากความอดอยากหิวโหย ผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่จึงหน้าซีดเหลืองขาดสารอาหาร แต่ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูกลับยังขาวลอออยู่เช่นเดิม นอกจากจะผอมลงไปเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีความผิดปกติอื่นใดอีก

หลานไว่หูยังมองมาที่กู้ซีจิ่วอยู่เนืองๆ ด้วย นัยน์ตาโตคู่นั้นวูบไหว ท่าทางคล้ายอยากเข้ามาหาแต่ก็กลัวว่าจะรบกวนเธอ

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง เดินเข้าไปหา

สองคนนี้ล้วนแต่เป็นสหายของเธอ เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายหน มิตรภาพย่อมลึกซึ้งเหนือธรรมดา

ต่อมาแม้ว่ากู้ซีจิ่วจะกลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไปๆ มาๆ ระหว่างดินแดนเบื้องบนกับโลกเบื้องล่าง แต่ทุกครั้งที่กลับมายังโลกเบื้องล่างล้วนจะไปเยี่ยมเยือนพวกเขาสักเที่ยว ไมตรียังคงแน่นแฟ้นนัก

ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการที่หลานไว่หูเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษหรือไม่ พวกเขาแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีบุตรเลย

หลานไว่หูร้อนใจนัก นางอยากมีทารกน้อยให้เยี่ยนเฉิน จนปัญญาที่ไม่ตั้งครรภ์สักที

กู้ซีจิ่วยังเคยจับชีพจรให้นางด้วย เคยออกใบสั่งยาให้นางหลายชุด ทว่าไม่เห็นมีวี่แววอะไรเลย

โชคดีที่ทั้งสองล้วนฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นเก้าแล้ว อายุขัยยืนยาวยิ่ง มีชีวิตนับพันปีได้ไม่มีปัญหา ดังนั้นเยี่ยนเฉินจึงไม่เร่งร้อน ยังคอยปลอบหลานไว่หูอยู่เสมอด้วย ให้นางสงบใจ ไม่ต้องรีบร้อน…

สามีภรรยาคู่นี้รักใคร่กันยิ่งนักเสมอมา รักใคร่กันจนทำให้กู้ซีจิ่วในตอนนั้นนึกอิจฉา

ตอนนี้ทั้งสองยังดูรักใคร่กันยิ่งนักเหมือนเดิม มองจากท่าทางของหลานไว่หู มองแวบเดียวก็รู้ว่าได้รับการดูแลจากเยี่ยนเฉินเป็นอย่างดี

เมื่อกู้ซีจิ่วเข้าไปหา แม้ว่าสองคนนั้นจะตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งแต่ยังคงทำความเคารพเธอตามกฎอยู่…

กู้ซีจิ่วเลี่ยงการทำความเคารพของพวกเขา หลังจากหลานไว่หูลุกขึ้นก็เผยยิ้มกว้าง พูดคุยเจื้อยแจ้วกับเธอ

กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ คอยรับฟัง หลานไว่หูที่อยู่ตรงหน้าไม่ต่างไปจากหลานไว่หูเมื่อหลายปีก่อนเลย ยังคงร่าเริงมีชีวิตชีวา

เยี่ยนเฉินโอ๋นางนัก ปกป้องนางมาก โดยพื้นฐานแล้วเด็กสาวที่ได้รับการโอ๋เอาใจก็ไม่จำเป็นต้องเติบใหญ่ขึ้น…

เมื่อเห็นขนงเนตรที่แสนมีชีวิตชีวาของหลานไว่หู ในสมองกู้ซีจิ่วพลันมีภาพของสาวน้อยผู้บาดเจ็บอยู่ที่แดนจิ้งจอกครามแวบเข้ามา…

สาวน้อยคนนั้นสวมชุดทหาร บาดเจ็บสาหัส ทั้งร่างเปี่ยมด้วยความโดดเดี่ยว หม่นหมองเย็นชา ไม่เหมือนหลานไว่หูในอดีตเลย…

ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้คงจะเป็นตัวจริงกระมัง?

แล้วเด็กสาวในชุดทหารคนนั้นเป็นใครล่ะ? เป็นญาติห่างๆ ของหลานไว่หูจากดาวจิ้งจอกครามหรือ?

การที่รูปโฉมของพวกนางเหมือนกันเป็นเพียงความบังเอิญหรือ?

คำถามหลายข้อวาบผ่านเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว จู่ๆ สายตาเธอก็ร่อนลงบนหน้าท้องที่นูนออกมานิดๆ ของหลานไว่หู

“ไว่หู เจ้ามีเรื่องมงคลแล้วหรือ?”

หลานไว่หูแก้มแดงนิดๆ ทว่าไม่อาจซ่อนเร้นความสุขสมเอาไว้ได้

“ใช่แล้ว สามเดือนกว่าแล้วล่ะ”

“ยินดีด้วยๆ!”

กู้ซีจิ่วก็ดีใจแทนนางเช่นกัน ทราบว่ากว่าจะได้เด็กคนนี้มาไม่ง่ายดายเลย

เยี่ยนเฉินที่อยู่ด้านข้างกลับใจลอยอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะเงียบขรึมพูดน้อยอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับเงียบเป็นพิเศษ

————————————————————————————-

บทที่ 2647 ใครจริงใครปลอม 3

หลังจากกู้ซีจิ่วมาถึง เขาเอ่ยทักทายเธอ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก

กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างคล้ายจะไม่ได้ตั้งใจ

“ไว่หู เจ้ามีพี่สาวน้องสาวที่หน้าตาเหมือนเจ้ายิ่งนักหรือไม่?”

หลานไว่หูผงะไป

“หา?”

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะเอ่ยวาจา จู่ ๆ เยี่ยนเฉินก็พูดขึ้นมา

“ซีจิ่ว ข้าอยากคุยกับเจ้าตามลำพังหน่อย”

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง

“ได้!”

หลานไว่หูเงียบไป เยี่ยนเฉินตบมือน้อยของนางเบาๆ

“เจ้าไปกินโจ๊กสักหน่อยก่อนนะ ผักนี้เดี๋ยวข้ากลับมาผัดต่อ ข้ามีธุระจะคุยกับซีจิ่ว เดี๋ยวข้าจะกลับมาหาเจ้านะ”

หลานไว่หูว่าง่ายนัก หลุบตาลงน้อยๆ

“ได้”

….

จันทรากลมมนยิ่งนัก แต่ถูกชั้นเมฆบางๆ ปกคลุมไว้ ส่องสว่างอย่างสลัวๆ

กู้ซีจิ่วกับเยี่ยนเฉินยืนอยู่หน้าลำธารสายหนึ่ง ทุกคนไปกินข้าวกันหมดแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงเงียบสงบอย่างที่หาได้ยากนัก

“ซีจิ่ว ทำไมเจ้าถามเรื่องนี้กับไว่หู? เจ้าพบเห็นอะไรมาใช่หรือไม่?”

ยามที่เยี่ยนเฉินอยู่ต่อหน้าผู้คนจะเคารพกู้ซีจิ่วในฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่ยามที่ไร้ผู้คน ยังคงเรียกชื่อเธอตามความเคยชิน

แน่นอน นี่ก็เป็นความต้องการของกู้ซีจิ่วด้วย เธอไม่อยากให้เพื่อนๆ แบ่งแยกห่างเหินกับเธอเช่นนี้

กู้ซีจิ่วมองเยี่ยนเฉิน กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของเขาเลย เขาที่อยู่ตรงหน้ายังคงเหมือนคนวัยยี่สิบปี บุคลิกเยือกเย็นสะอาดสะอ้าน เรือนกายสูงโปร่งดุจต้นอวี้

กู้ซีจิ่วกอดอก เอ่ยช้าๆ

“ข้าได้เห็นสตรีนางหนึ่งมาจริงๆ นั่นแหละ รูปโฉมเหมือนไว่หูอย่างยิ่ง เหมือนจนราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน นางได้รับบาดเจ็บ ข้าเห็นบาดแผลบนร่างของนาง คล้ายจะได้รับมาจากเจ้า…เจ้าเคยพบนางแล้วกระมัง?”

เยี่ยนเฉินเม้มริมฝีปากบางนิดๆ

“รูปโฉมของนางกับไว่หูแตกต่างกัน! ไว่หูไม่มีไฝชาดบนหน้าผากแบบนาง และไม่ได้เย็นชาเหมือนนาง แถมยังโหดเหี้ยมด้วย! ไม่กี่วันก่อนจู่ๆ ผู้รุกรานเหล่านั้นก็หยุดโจมตี ทั้งหมดพากันจากไป…ตอนนั้นทุกคนดีใจมาก คิดจะฉวยโอกาสฝ่าออกไป แต่เป็นเพราะผู้รุกรานเหล่านั้นเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง ทูตมู่เฟิงเกรงว่านี่จะเป็นแผนลวงของศัตรู แต่ก็ไม่อยากจะปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป ดังนั้นจึงส่งข้าออกไปตรวจสอบ…”

“ข้าเพิ่งจะออกจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็พบนางเข้า ตอนนั้นที่ได้เห็นนางข้ายังตกใจอยู่เลย นึกว่าไว่หูแอบตามออกมาเหมือนครั้งก่อนอีก เพียงแต่ต่อมาข้าพบว่าผิดปกติ สตรีผู้นี้ถึงแม้จะรูปโฉมคล้ายคลึงกับไว่หูอย่างยิ่ง แต่บุคลิกกลับไม่เหมือนกันไปเสียทั้งหมด บนร่างมีไอทมิฬอยู่ด้วย…”

“ไอทมิฬ?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยทวน

“หมายความว่ายังไง?”

“ตอนที่ข้าเห็นนาง นางกำลังทรมานกระต่ายตัวหนึ่งอยู่ กัดคอกระต่ายแล้วดื่มเลือดโดยตรง…”

กู้ซีจิ่วตกตะลึง

“ยามที่หันกลับมาเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของข้า มุมปากของนางยังมีเลือดติดอยู่เลย…นางโผเข้าใส่ข้า ข้ากั้นนางออกไป น่าขันนัก ไม่น่าเชื่อว่านางจะอ้างตัวเป็นหลานไว่หู แอบตามข้าออกมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทว่าพลาดท่าถูกจับได้ ถูกทรมานมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ในที่สุดก็หนีออกมาได้แล้ว อยากให้ข้าพานางกลับไป…”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว

“หนึ่งเดือนก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“หนึ่งเดือนก่อนสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์กำลังจะขาดแคลนเสบียง ข้าพายอดฝีมือสิบคนหมายจะฝ่าออกไปหาเสบียง คาดไม่ถึงว่าจิ้งจอกน้อยจะเป็นห่วงข้า จึงแอบตามหลังออกมาด้วย พวกเราถูกซุ่มโจมตี สหายข้างกายหายไปทีละคนๆ ข้าฝ่าฟันสังหารสุดชีวิตถึงล่าถอยกลับมาได้ ระหว่างทางพบจิ้งจอกน้อยเข้า จึงรีบพานางกลับมา…หนึ่งเดือนมานี้จิ้งจอกน้อยอยู่ข้างกายข้าตลอด ไม่เคยหายไปไหนเลย ไหนเลยจะพลาดท่าถูกจับไปได้? ยิ่งไปกว่านั้นคือจิ้งจอกน้อยใจเสาะ ปกติแล้วแม้แต่สุนัขนางยังไม่กล้าตีเลย แล้วจะฆ่ากระต่ายได้ยังไง?”