การเปิดฉากจู่โจมในโลกเสี้ยววิญญาณไม่ต่างจากการขุดหลุมฝังตัวเอง
แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียเปรียบไม่ต่างกันด้วยปัญญาของเทพตำรา เขาจะถูกหลอกออกมาจากโลกเสี้ยววิญญาณง่าย ๆ หรือ?
ความยินดีที่ได้เข้ามายังโลกเสี้ยววิญญาณสำเร็จถูกลบหายไปด้วยความท้าทายทั้งสอง
บางที…ถ้าหากพวกเขาต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดพวกเขาอาจจะสังหารเทพทรราชย์ได้ แต่มันก็ไร้ความหมาย
เหตุผลของการเดินทางครั้งนี้คือการกำจัดภัยอันตรายแต่ถ้าหากพวกเขาต้องตายไปด้วย มันจะไม่เป็นการขาดทุนมากกว่าหรือ?
ซือหยูฉีกยิ้ม
“ข้าพาทุกท่านมาที่นี่ข้าย่อมมีแผนที่ใช้การได้อยู่แล้ว” โอ้?เหล่าเทพตาเป็นประกายเมื่อได้ยินเสียงซือหยู ซือหยูกลายเป็นมันสมองของพวกเขาไปแล้ว
“บอกมาเจ้าคิดแผนชั่วอะไรอยู่….โอ๊ะ ข้าหมายถึง พวกเรายอมรับแผนอันยอดเยี่ยมของเจ้าน่ะ”
เทพสตรีคนหนึ่งรีบแก้ตัว
เส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผากซือหยู
“ยากเหลือเกินที่ข้าจะยินดีกับคำชมท่าน!”
ซือหยูหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“ข้ามีวิธีหาพวกมันสองคนกับวิธีจับพวกมันและข้าจะให้งานพวกท่านเดี๋ยวนี้ พวกท่านต้องจัดการด้วยตัวเอง ถ้าหากไม่มีใครพลาด สิ่งที่เราได้จะเหนือกว่าแค่การจัดการเทพสองคนแน่!”
เมื่อได้ฟังความตั้งใจของซือหยูเทพทั้งเก้าคนหายใจเข้าลึกและมองซือหยูด้วยความสะพรึงกลัว แม้แต่เทพพ่อค้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายยังอุทานออกมา
“แผนของเจ้ามัน…คาดเดาไม่ได้เลย!”
“เจ้าแน่ใจนะกับเป้าหมายของเจ้าน่ะ?”
เทพเจิ้งถามด้วยความตกใจ
ซือหยูพยักหน้าด้วยสีหน้าสุขุม
“โลกเสี้ยววิญญาณคงอยู่มานานเกินไปแล้วมันได้กลายเป็นที่นัดพบของพวกโสโครกในโลกทุกใบ”
“ยามจักรวาลสงบสุขพวกมันซ่อนตัวโดยไม่ปรากฏให้ผู้ใดเห็น ยามจักรวาลปั่นป่วน พวกมันเป็นฝ่ายนำอสูรนำพาวิบัติและภัยแก่โลกหลายใบด้วยความคุ้นเคยในโลกของตัวเอง!”
“พวกอสรพิษจำต้องถูกขจัด!โดยเฉพาะในยามที่เผ่าอสูรพร้อมที่จะก่อปัญหา ถ้าหากข้าไม่ได้กำจัดพวกมันในคราเดียว ผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงเป็นแน่”
เหล่าเทพหนักใจเมื่อได้ฟัง โลกเสี้ยววิญญาณมีคนทรยศมากมายจากพันธมิตรบูรพาถ้าหากคนเหล่านั้นนำทางให้เผ่าอสูร พันธมิตรบูรพาจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบตั้งแต่แรก
การกำจัดโลกเสี้ยววิญญาณเป็นหน้าที่ของสองพันธมิตรบูรพาประจิมแต่ที่นี่นั้นประหลาดเกินไป โลกเสี้ยววิญญาณจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าหากพวกเขาไม่ลงทุนลงแรงมากพอ และหนอนบ่อนไส้เหล่านั้นก็จะลอยนวลต่อไปเรื่อย ๆ
แต่ซือหยูกลับจุดประกายการกวาดล้างโลกเสี้ยววิญญาณขึ้นมา!เขามีความกล้าเพียงใดกัน?
เหล่าเทพรู้สึกผิดในใจเมื่อเห็นว่าซือหยูเป็นเพียงแค่อสูรเนรมิตรขั้นห้า
พวกเขามองเพียงการกำจัดคนทรยศเมื่อเดินทางมาถึงโลกเสี้ยววิญญาณแต่ซือหยูกลับหาทางที่จะทำลายทั้งโลกเสี้ยววิญญาณ
“แต่เราก็ต้องเสี่ยงมากเกินไปด้วยไม่ใช่รึ?ถ้าหากมีใครพลาด พวกเราทุกคนจะถูกเผยตัว ถึงตอนนั้นจะอันตรายยิ่งนัก”
เทพพ่อค้ากล่าว
เทพเจิ้งรู้สึกไม่ต่างกัน
“มันแค่เสี่ยงสูงเรอะ?เป็นไปไม่ได้! เทพทั้งเก้าในโลกเสี้ยววิญญาณแต่ละคนมีหน้าไม้สังหารเทพ ด้วยพลังของพวกมันอีก ทุกคนแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่าเทพพ่อค้าและข้า เราไม่มีโอกาสกำจัดพวกมันได้เลย”
ซือหยูยิ้ม
“หากสู้ตาต่อตาเราย่อมพ่ายแพ้ราบคาบ กำลังโลกเสี้ยววิญญาณจะรวมตัวกันกำจัดเรา! แต่ถ้าหากพวกมันรวมตัวกันไม่ได้เล่า?”
อะไรนะ?เหล่าเทพเลิกคิ้ว
“โลกเสี้ยววิญญาณคงอยู่ไปเพื่อทำไมกัน?”
ซือหยูตอบคำถามตัวเอง
“เหตุผลก็เพราะโลกแต่ละใบมีความกดดันแบบเดียวกัน” “เทพทั้งเก้ามีศัตรูเป็นคนเดียวกันจึงได้สร้างโลกเสี้ยววิญญาณขึ้นมาได้อย่างสามัคคี!ลองเดาดูสิ ถ้าหากเทพสักคนเข้ามาอยู่กับเรา มันจะเกิดอะไรขึ้น?”
เทพที่หักหลังจะถูกเนรเทศออกจากโลกเสี้ยววิญญาณแน่นอนแต่เรื่องจริงจะถูกเทพที่เหลือแปดคนรุมสังหาร
เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงเกิดขึ้นพวกเขาจะไม่มีวันระแวงต่อกัน
ถ้าหากมีเทพสักคนหักหลังเทพคนอื่นจะไม่แอบหักหลังพวกเขาด้วยหรือ?
เมื่อเทพที่สามัคคีกันมาหลายปีเริ่มสงสัยกันเองความสัมพันธ์อันสงบสุขจะเป็นเพียงแค่เรื่องผิวเผิน พวกเขาเพียงต้องทำให้เกิดการแตกคอและสงครามภายในโลกเสี้ยววิญญาณ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย
และถ้าหากเทพเหล่านั้นใช้พลังพร้อมกันล่ะก็…
เทพทั้งเก้าและเจิ้งหยวนชิงมองซือหยูด้วยความกลัวแผ่นหลังของแต่ละคนสั่นด้วยความหนาว
ซือหยูใช้วิธีเดียวกับที่ทำในพันธมิตรบูรพา!
ความกลัวความกังวล และความรู้สึกขอบคุณเติมเต็มหัวใจพวกเขาในเวลาเดียวกัน โชคดีเหลือเกินที่คนอย่างซือหยูอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา ถ้าหากซือหยูอยู่ฝ่ายเผ่าอสูรแทนล่ะก็…แค่ความคิดเดียวของเขาก็ทำให้พันธมิตรบูรพาล่มสลายได้แล้ว
“เจ้าจะเริ่มแผนด้วยใครก่อนล่ะ?”
ถ้าหากพวกเขาหาเทพที่จะลี้ภัยมาอยู่ในพันธมิตรบูรพาเทพคนนั้นย่อมต้องเชื่อใจได้
และเทพที่น่าจะเป็นได้ก็ควรจะเป็นเทพโจรสลัด
สายตาราคะของอาซันที่มองเทพเจิ้งอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ซือหยูเริ่มคิดแผนนี้
แต่ซือหยูกลับให้คำตอบที่ต่างจากความคิดพวกเขา “เทพที่น่ากลัวที่สุดในโลกเสี้ยววิญญาณ”
เทพแห่งความตาย!
“อะไรนะ?เทพแห่งความตายจากสำนักนรกรึ? เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ?”
เทพเจิ้งอ้าปากค้างแม้แต่เทพพ่อค้าเองก็กลัวจนขยับตัวไม่ได้
จะเป็นเทพคนไหนก็สามารถทำให้เข้าร่วมกับพันธมิตรบูรพาได้แต่ไม่ใช่กับเทพแห่งความตาย! มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ชายคนนี้เป็นผู้นำแห่งเก้าเทพในโลกเสี้ยววิญญาณไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งที่สุดแต่ยังจัดการดูแลกลุ่มมือสังหารที่แม้แต่จักรวาลยังสะพรึงกลัวอย่างสำนักนรก เทพทุกคนหวาดกลัวเขา
ในอดีตเทพแห่งความตายคือเทพที่สังหารเทพพันธมิตรบูรพาไปมากที่สุด!
และเมื่อไม่นานมานี้สำนักนรกยังส่งมือสังหารสองคนมาฆ่าซือหยู ผลที่ได้คือสำนักนรกที่ไม่เคยพลาดเป้าได้ล้มเหลวเป็นครั้งแรก
หากซือหยูอยากจะพบเทพแห่งความตายเขาจะไม่ต่างจากลูกแกะที่เดินไปเข้าปากพยัคฆ์
“ใจเย็นลงก่อนทุกท่านข้าตัดสินใจจะไป ข้าย่อมมีเหตุผล”
ซือหยูยิ้มอย่างมีเลศนัยที่มุมปาก
เจิ้งหยวนชิงทั้งเป็นห่วงและกังวล
“เจ้าเปลี่ยนเป็นเทพคนอื่นไม่ได้รึ?ข้าว่าเทพโจรสลัดก็ดีอยู่แล้ว ท่านแม่ข้าใช้เสน่ห์กับอาซันได้ ถึงตอนนั้นมันจะกลายเป็นคนของเรา ทำให้เทพโจรสลัดเปลี่ยนข้างอย่างช้า ๆ จะไม่ง่ายกว่าหรือ? อย่าได้คิดถึงเทพแห่งความตายเลย! มันเป็นไปไม่ได้”
เทพเจิ้งจ้องเจิ้งหยวนชิงด้วยความอายและโมโหเมื่อลูกสาวตัวเองแนะนำให้นางยั่วยวนอาซัน
“พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า?” แต่นางก็แนะนำซือหยูเช่นกัน
“ซือหยูไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อใจเจ้า แต่เราไม่ควรจะไปพบเทพแห่งความตายง่าย ๆ เช่นนั้น แม้แต่ฑากิณีก็หวาดกลัวชายคนนั้น นางเคยพูดว่าในจักรวาลแห่งนี้ นอกจากจักรพรรดิอสูรก็ไม่มีใครเทียบพลังกับเทพแห่งความตายได้!”
“มิใช่แค่ในเรื่องของพลังยังมีข่าวลือว่าตัวเขาเองมีนิสัยอันบิดเบี้ยว อารมณ์เขาชั่วร้ายและเขาจะสังหารได้โดยไม่เอ่ยคำเตือน โดยที่เจ้าไม่รู้ตัว ถ้าเจ้าคิดจะเจรจา ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะตายก่อนได้มีโอกาสพูดเสียอีก”
ซือหยูหัวเราะเบาๆ
“คนนิสัยบิดเบี้ยวเช่นนั้นหรือที่เข้ากับเทพอื่นได้ถึงแปดคน?ข้าจะไปเยี่ยมสำนักนรก วันนี้เราอยู่ที่นี่แล้ว เราต้องไปในฐานะแขกอย่างสง่าผ่าเผย!”
วิหคเพลิงทมิฬที่ยืนข้างซือหยูถอนหายใจซือหยูเคยพูดว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะไปเยี่ยมสำนักนรก และวันนี้มันก็เป็นจริง!
เขากำลังจะไปเยี่ยมเทพแห่งมือสังหารที่น่ากลัวที่สุดแห่งสำนักนรกและจักรวาล…เทพแห่งความตาย!