มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 698
เพลิงมรณะสีดำผนึกรวมขึ้นกลางที่นิ้วมือของเขา สิ่งที่ทำให้หลัวซิวตื่นเต้นก็คือ เขาใช้วิชาตราประทับนี้ได้สำเร็จ แม้ว่าความน่ายำเกรงของมันจะไม่เท่าตราธรรมจุติมรณะ แต่ก็ยังมีความน่ายำเกรงอยู่มาก

ตราธรรมจุติมรณะ!

เมื่อตราปรากฏขึ้นมา นิ้วมือของหลัวซิวก็เคลื่อนไหวเป็นวงกลม ร่างของมหายุทธ์กลั่นร่างถูกฝังเอาไว้มิด โลหิตสดสาดกระเซ็นไปทุกทิศทาง มหายุทธ์กลั่นร่างต้านทานอยู่ได้เพียงช่วงลมหายใจเดียว ก็ถูกตัดละเอียดจนกลายเป็นไอเลือด

ทว่าเมื่อใช้ตราเช่นนี้ ทำให้การฝึกตนที่เหลืออยู่ 4 ส่วนของหลัวซิวถูกเผาผลาญไปเหลือเพียงสามส่วนเท่านั้น

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มหายุทธ์กลั่นวิญญาณกับมหายุทธ์ผู้มีพลังจิตแท้เข้มข้นก็ได้ร่วมมือโจมตีพร้อมกัน ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานต่อไปได้

“ออก!”

ในช่วงเวลาที่หลัวซิวอับจนหนทางจึงเลือกที่จะถูกส่งตัวออกไป เพราะว่าเขารู้ตัวแล้วว่าครั้งนี้เขาคงไม่สามารถผ่านด่านไปได้

ฟึ่บ!

เมื่อร่างของหลัวซิวถูกส่งตัวออกมาจากหอคอยมหาภพแล้ว สายตาทุกคู่ต่างหลอมรวมมามองที่เขาเป็นหนึ่งเดียว

“น่าเสียดาย อีกนิดเดียวก็จะครบเวลาหนึ่งก้านธูปแล้ว”

“เหอะๆ เห็นว่าเป็นเวลาแค่นิดเดียว แต่ไม่ต่างอะไรกับฝางเส้นเดียวที่สามารถทับอูฐจนตายได้ ต่อให้ฝึกตนอย่างหนักมาหลายปีก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้”

การที่หลัวซิวล้มเหลวในด่านที่สามนี้ ฝูงชนที่มามุงดูบ้างก็เสียดายแทนเขา บ้างก็สมน้ำหน้า บ้างก็อิจฉาเพราะว่ามีอีกหลายคนที่ไม่แม้แต่ที่จะผ่านด่านในชั้นหนึ่งไปได้

“สุดท้ายเจ้าสำนักน้อยซิงหลิงก็ยังเหนือกว่าที่สามารถผ่านด่านชั้นสามไปได้!”

“ใช่แล้ว เจ้าสำนักน้อยซิงหลิงคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งในรุ่นของพวกเรา”

“แม้ว่าบางคนจะเป็นอันดับหนึ่งในการประลอง แต่ก็มีดีแค่ชื่อเสียงภายนอกเท่านั้น ไม่สมกับความสามารถจริงๆ”

หลัวซิวไม่สนใจคำพูดพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เขาออกจากหอคอยมหาภพแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของตนเองทันที

สามวันต่อมา มีเสียงที่มาจากวิชาห้ามค่ายกลดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องและเข้าถึงหูของหลัววิว

“ทุกคนออกมาชุมนุมกันหมดแล้ว”

หลัวซิวคุ้นเคยเจ้าของเสียงนี้เป็นอย่างดี เขาคือชายอาภรณ์ม่วงที่พาทั้งยี่สิบคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ในตอนแรก

หลัวซิวเข้ามาอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว เขาจึงรู้แล้วว่าชายอาภรณ์ม่วงผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ มีนามว่าจงสุน ทำหน้าที่เป็นทูตของแดนศักดิ์สิทธิ์

ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เหนือกว่าทูตขึ้นไปคือผู้อาวุโส เหนือกว่าผู้อาวุโสขึ้นไปคือเจ้าแดน และเหนือกว่าเจ้าแดนขึ้นไปคือเทวทูต

นั่นหมายความว่า เทวทูตจื่อเยียน เป็นผู้ที่มีฐานะสูงสุดในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ส่วนการฝึกตนจะอยู่ในแดนไหนแล้วนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครล่วงรู้

บรรดาหนุ่มสาวที่มีความสามารถทั้งยี่สิบคนเดินออกมาจากห้องตามลำดับ เมื่อลู่เมิ่งเหยาเห็นหลัวซิวเดินออกมาก็ยิ้มและโบกมือทักทาย

ช่วงเวลาที่เขาฝึกตนอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ลู่เมิ่งเหยามักจะมาหาเขาบ่อยๆ แต่เวลาโดยส่วนใหญ่ของเขามักจะฝึกตนปิดขัง ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ค่อยได้มีเวลาพูดคุยกันมากเท่าไหร่นัก

“การเรียกพวกเจ้ามาชุมนุมกันวันนี้ เพื่อที่จะบอกพวกเจ้าทุกคนว่า เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน เวลาในการฝึกตนที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ของพวกเจ้าก็จะครบหนึ่งปีแล้ว”

“ตามกฎของเดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครบหนึ่งปี จะทำการจัดลำดับว่าพวกเจ้าได้รับอะไรไปมากน้อยเพียงใด แต่ละคนจะได้รางวัลที่ไม่เหมือนกัน”

เมื่อจงสุนกล่าวออกมาแล้ว วัยรุ่นผู้มีความสามารถหลายคนในจำนวนนี้ต่างพากันส่งเสียงโวยวาย

“ผู้อาวุโส ให้พวกเราอยู่ฝึกในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้นานกว่านี้หน่อยได้หรือไม่” มีคนเอ่ยปากถามขึ้นมา

ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงข้อดีมากมายของการฝึกตนที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพราะทุกคนต่างมีความก้าวหน้าขึ้นมาก โดยเฉพาะซิงหลิง กุ่ยโยว หวูหยุนและต้าวหวูซิน ทั้งสามพร้อมที่จะบรรลุแดนมหายุทธ์ได้ในทุกเมื่อ

“ไม่ได้!” จงสุน ตอบเสียงเฉียบ

“แล้ววันหน้าพวกเราจะยังมีโอกาสกลับมาฝึกที่แดนศักดิ์ศิทธิ์แห่งนี้อีกหรือไม่ หรือว่าหากต้องการกลับมาฝึกที่นี่ต้องมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง” ซิงหลิงถามคำถามสำคัญที่ทุกคนอยากรู้

บทที่ 697

บทที่ 699