ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 588 พลิกคดี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บนตัวอิ่นหลิวหัว อีกฝ่ายยังอยู่ในข่ายอาคมที่ปกคลุมที่พักของนางไว้ ทว่าร่างกายกลับสั่นเทิ้มเหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็น

นางคิดจะหมุนตัวหนีไป แต่เท้าทั้งสองไม่อาจขยับราวกับถูกโบกปูนไว้บนพื้น

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าเล็กน้อย ‘ตอนแรกคิดว่าทัศนคติไม่ถูกต้อง รังเกียจงานหนัก เกียจคร้าน ไม่คาด…’

‘แต่ว่านอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีก’ เยี่ยนจ้าวเกอไม่มองอิ่นหลิวหัวอีก เปลี่ยนมากวาดมองฉางเจิ้น “ข้าคิดว่าที่ทุกท่านมาอยู่ที่นี่ก็อธิบายถึงปัญหาได้แล้ว”

ฟู่เอินซูกล่าวอย่างเย็นชา “ถูกต้อง ข้าสงสัยนักว่าศิษย์พี่ฉางที่เคยมีสติปัญญาเฉียบแหลม เหตุใดจึงไม่อาจปิดคดีได้”

ฉางเจิ้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ ตอบอย่างเชื่องช้า “ศิษย์น้องฟู่ พวกเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย เรื่องทั้งหมดในวันนั้นย่อมปรากฏความจริง ทว่าก่อนหน้านี้ไม่อาจตัดสินได้”

“วาจาไร้สาระ ยังคงมีพิธีโลหิตจิตหวนเวลา แต่พิธีโลหิตจิตหวนเวลาอาจจะสร้างภาพเท็จขึ้นมา” ฟู่เอินซูเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ

“ข้ารู้จักศิษย์ข้าดี แม้นางจะมีความตั้งมั่น ทว่าก็อ่อนแอ ด้วยพลังฝึกปรือของศิษย์พี่ฉางท่าน เพียงมอบแวบเดียวก็สามารถกดดันให้นางลุกลี้ลุกลน เผยภาพเดิมออกมา จะตบตามาถึงวันนี้ได้อย่างไร”

นางมองฉางเจิ้นอย่างไม่ลดละ “ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์พี่ฉางจะมองไม่เห็นลับลมคมในในเรื่องนี้ แต่ว่าไฉนตอนนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

“ศิษย์น้องฟู่เจ้ากล่าวหนักไปแล้ว ท่าทีของศิษย์หลานอิ่นในตอนนี้เป็นเพราะศิษย์น้องฟู่เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง นางเห็นว่าเรื่องราวถูกเปิดโปง จึงขวัญหนีดีฝ่อ ในตอนที่ข้าถามศิษย์หลานอิ่น นางไม่ได้แสดงความผิดปกติอันใด จิตใจสงบนิ่งยิ่ง” ฉางเจิ้นตอบอย่างใจเย็น

เขามองฟู่เอินซูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ศิษย์น้องฟู่บางทีอาจไม่ได้รู้จักศิษย์ของตัวเองดีขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เหตุใดจึงมองไม่ออกว่าเด็กสาวผู้นี้มีจิตใจผิดปกติ สมคบคิดกับคนนอก ใส่ร้ายคนในสำนักเล่า?”

ฟู่เอินซูเดือดดาล ขมวดคิ้ว “ฉานเจิ้น เจ้ากำลังหลอกลวงใคร?”

ผู้อาวุโสฉินขมวดคิ้ว “ปกติเวลาชี้แนะศิษย์ ผู้เป็นอาจารย์คนไหนจะรีดเค้นความในใจของพวกเขาได้บ้าง นี่จะเหมือนกับการตรวจสอบของวิหารอาญาได้อย่างไร?”

“หากเจ้าไม่ขลาดกลัว แล้วมาทำอะไรที่นี่? ฟู่เอินซูมองฉางเจิ้นอย่างเย็นชา

“ถึงแม้เรื่องนี้เป็นอวิ๋นเซิงที่ได้รับความอัปยศ แต่เจ้ามาที่นี่เกรงว่าไม่ใช่เพราะนาง แต่เพราะหลิวหัว”

อิ่นหลิวหัวตัวแข็ง สายตาที่มองไปยังฉางเจิ้นบังเกิดความเข้าใจ จิตใจหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ฉางเจิ้นถึงแม้จะตรวจสอบเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างต่อเนื่อง แต่เปลือกนอกยังทำตามกฎ ไม่อาจเผยจุดผิดพลาดออกมามากเกินไป

ทว่าสำหรับอิ่นหลิวหัว ถ้าไม่ใช่เพราะฉางเจิ้นแอบปกป้องมาโดยตลอด นางน่าจะเผยร่องรอยตั้งแต่แรกแล้ว

ฟู่เอินซูกลับสำนัก ความจริงปรากฏออกมา การจัดการที่ฉางเจิ้นทำต่อเฟิงอวิ๋นเซิง อย่างเบาสุดก็แค่เข้มงวดเกินไป ส่งผลกระทบต่อการทดสอบแห่งจันทรา ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ใหญ่ อย่างหนักสุดคือจัดการเรื่องราวไม่ชัดเจน ผิดพลาดในหน้าที่

แต่หลังจากฟู่เอินซูสอบถามอิ่นหลิวหัว ทราบถึงรายละเอียดที่ฉางเจิ้นซักถามนาง ก็จะรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย

ที่ในตอนนี้ฉางเจิ้นมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อมาฆ่าคนปิดปาก ใช้ข้ออ้างยอดฝีมือของสำนักแสงสว่างโจมตีสำนักมาอำพราง

ทว่าคนที่จะถูกฆ่าปิดปากก็คืออิ่นหลิวหัว รวมถึงจอมยุทธ์พเนจรหงเจียฉีที่มาใส่ร้ายถึงสำนัก

ครั้นเข้าใจถึงข้อนี้ อิ่นหลิวหัวพลันกราบกรานกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์ได้โปรดอภัยให้ศิษย์ที่เลอะเลือน ถูกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ล่อลวง”

“ในการตรวจสอบ อาจารย์ลุงฉางปกป้องศิษย์จริงๆ เขาต้องเป็นคนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แน่!”

ฉางเจิ้นมองอิ่นหลิวหัวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พูดในใจว่า ‘เรื่องราวไม่สำเร็จ ยังแย่กกว่าเดิม’

เขาที่ถูกอิ่นหลิวหัวชี้ตัวกลับมีสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ทั้งยังสารภาพตรงๆ “ข้ากระทำการไม่ชัดเจน สร้างมลทินให้แก่ตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารอาญา ยินดีออกจากตำแหน่งเปิดทางให้ผู้อื่น ปิดประตูสำนึกผิด”

“แต่ว่าที่ศิษย์หลานอิ่นใส่ร้ายข้า ข้ากลับไม่อาจปล่อยผ่านได้”

ฉางเจิ้นกล่าวเสียงดังกังวาน “ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าเกิดมาเป็นผู้สืบทอดเขากว่างเฉิง ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ข้าทำทุกสิ่งอย่างตรงไปตรงมา ไปยังที่ใด ข้าล้วนพูดเช่นนี้”

เขามองอิ่นหลิวหัว “ต่อให้ใส่ร้ายข้าก็ไม่อาจลดโทษของเจ้าได้

“ติดต่อกับศัตรูภายนอก ใส่ร้ายสหายร่วมสำนัก ทำให้ส่งผลกระทบต่อแผนการชิงมงกุฎจันทรา ความผิดพลาดนี้คือโทษประหาร”

“ศิษย์หลานเฟิงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ที่พวกเจ้าถูกซุ่มโจมตีในวันนั้นกลับเกี่ยวข้องกับการเผยร่องรอยของเจ้า ข้าไม่แน่ใจว่าเพราะเจ้าวางแผนทำร้ายศิษย์หลานเฟิง หรือจงใจแจ้งข่าวให้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กันแน่”

“ตอนนี้ยังใส่ร้ายผู้อาวุโส ตามกฎของสำนัก เจ้าตายยังน้อยไป”

อิ่นหลิวหัวอ้าปากตาค้าง ตะเบ็งเสียง “ไม่ใช่! เป็นท่าน เป็นท่าน…”

ฉางเจิ้นไม่มองนางอีก เหมือนกับรังเกียจจะเถียงกับนาง

เขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง ฟู่เอินซู และผู้อาวุโสฉิน พูดด้วยสีหน้าสัตย์ซื่อ “ข้าถูกคนหลอกลวง สะเพร่ามากเกินไป สร้างความอัปยศให้แก่ศิษย์หลานเฟิง ส่งผลกระทบต่อแผนการชิงมงกุฎจันทราของสำนัก นับเป็นความผิดพลาดของข้า แต่หากบอกว่าข้ากับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีส่วนร่วม นี่ถือเป็นการป้ายสี”

“ศิษย์น้องฟู่ เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่าข้ามาที่นี่เพราะคิดตรวจสอบ เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว”

ฟู่เอินซูแค่นเสียง “แก้ตัวได้หมดจดนัก เจ้าจะบอกว่าเจ้าเพียงผิดพลาดในหน้าที่หรือ?””

ฉางเจิ้นเอ่ยอย่างใจเย็น “เมื่อตนบริสุทธิ์ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ตัว”

เฟิงอวิ๋นเซิงยามนี้พลันถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดอาจารย์ลุงฉางจึงยัดของกลางให้ข้า?”

“เจ้าพูดอะไร?” ฉางเจิ้นขมวดคิ้ว

หญิงสาวมองเขาตรงๆ “ในการตรวจสอบครั้งแรก ในถุงย่อส่วนของข้ามียันต์วิญญาณแผ่นหนึ่ง นั่นไม่ใช่ของของข้า”

“อาจารย์ลุงฉางท่านถามข้าว่า อิ่นหลิวหัวแตะต้องถุงย่อส่วนของข้าได้หรือไม่”

“หากวิหารอาญาไปถามอิ่นหลิวหัว ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเท็จ นางย่อมปฏิเสธ”

ฉางเจิ้นได้ยินดังนั้น ดวงตาค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น

เฟิงอวิ๋นเซิงพูดต่อ “ตอนนั้นข้าตอบว่า ได้ แต่ความจริง นางไม่มีโอกาสนั้น”

“คนที่แตะต้องถุงย่อส่วนของข้าได้ นอกจากตัวข้าเอง มีแต่อาจารย์น้าหวังที่นำถุงย่อส่วนไป และอาจารย์ลุงฉางที่เก็บถุงย่อส่วนของข้าไว้เท่านั้น”

“ยันต์เงาวิญญาณไม่ใช่ของข้า ไม่ใช่ของอิ่นหลิวหัว เช่นนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นของท่านหรือของอาจารย์น้าหวัง เช่นนั้นตอนนี้พวกเราเชิญอาจารย์น้าหวังมาสอบถามดีหรือไม่?”

สีหน้าของฉางเจิ้นไม่เปลี่ยนแปลง แต่มองเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างล้ำลึก

เฟิงอวิ๋นเซิงดวงตาสุกใส สีหน้าไร้ความหวาดกลัว “ตอนแรกข้าคิดว่าอิ่นหลิวหัวร่วมมือกับคนนอกเพื่อเล่นงานข้า แต่ครั้นได้รู้ถึงการมีอยู่ของยันต์เงาวิญญาณแผ่นนั้น ข้าพลันคิดได้ว่า คนที่มีปัญหาไม่ได้มีแค่อิ่นหลิวหัว”

“คนที่ประสงค์ร้ายต่อข้าเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นอาจารย์ลุงฉาง ผู้ใช้กฎอาญา เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงในสำนัก คนเช่นนี้ข้าไม่แน่ใจว่ามีแค่ท่านคนเดียวหรือไม่ ไม่แน่ใจว่าควรจะรายงานใคร ดังนั้นจึงได้แต่อดทน ดีที่ท่านอาจารย์กับจ้าวเกอรอดมาได้”

ฉางเจิ้นสูดหายใจลึก พูดเรียบๆ “ศิษย์หลานเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับความอัปยศ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เอาคืนข้า ในตอนนั้นข้าทำตามหน้านี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะรับผิดชอบโดยการละตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารอาญา เพราะมีความผิดฐานผิดพลาดในหน้าที่”

“กลับเป็นเจ้า จำเป็นต้องทราบว่า การใส่ร้ายผู้อาวุโสมีโทษหนัก จงอย่าทำผิดพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ สำนักเองก็ไม่ห้ามให้ลูกศิษย์แอบเก็บยันต์เงาวิญญาณไว้”

เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “อาจารย์ลุงฉางพูดเล่นแล้ว ข้าเพียงแต่ไม่เข้าใจเท่านั้น”

“ด้วยประวัติของท่าน เหตุใดจึงได้ทำเรื่องที่มีเลศนัยอย่างชัดเจนเช่นนี้? จะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้ท่านต้องเร่งกำหนดโทษให้ข้า หรือทำให้ข้าไม่อาจพ้นโทษได้สักระยะ จึงได้วิตกกังวลเช่นนี้”

“ถ้าหากท่านไม่ใช่คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ การทำเช่นนี้มีประโยชน์อะไรกับท่าน?”

ฉางเจิ้นยังรอพูดอะไรบางอย่าง เยี่ยนจ้าวเกอกลับเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย “ข้าคิดว่าข้าทราบเหตุผล”