บทที่ 577 สมุนไพรพูดได้

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 577 สมุนไพรพูดได้

การกระทำของหลิงตู้ฉิง ทำให้เหล่าผู้คนคนถึงกับอึ้งไปตาม ๆ กัน

แค่เจ้าบอกว่าต้องการเข้าไป เจ้าก็ได้เข้าไปแล้วงั้นเหรอ?

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้หนึ่งเมื่อเห็นเช่นนี้จึงอยากลองทำบ้าง เขาเดินไปที่หน้าประตูตำหนักทันทีและตะโกนว่า “หลีกทางไปซะ ข้าจะเข้าไป!”

คราวนี้เปลวเพลิงที่กำลังลุกท่วมประตูกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่น้อย

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้นั้นเดินคอตกกลับมาด้วยความอับอายพร้อมกับบ่นกับตัวเอง “สงสัยเคล็ดลับในการออกเสียงของข้าคงไม่ถูกแน่ ๆ!”

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งที่สำเร็จเคล็ดการควบคุมเพลิงเรียบร้อยก็เดินตรงไปที่ประตู จากนั้นเขาก็ใช้เคล็ดลับการควบคุมเพลิง แหวกเปลวเพลิงเข้าไปเปิดประตูได้อย่างปลอดภัย

ตอนนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงกันทุกคน พวกเขาแค่ให้ผู้เชี่ยวชาญสักคนในพรรคพวกของตนเองเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก็พอ และให้คนผู้นั้นทำการแหวกเปลวเพลิงให้ผู้อื่นตามเข้าไปก็ได้

แต่มันก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอีกคนหนึ่งที่ดื้อดึงไม่ยินยอมเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิง พยายามผ่านเปลวเพลิงด้วยอำนาจอาณาเขตสวรรค์ของตนเอง

ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ เมื่ออำนาจของอาณาเขตสวรรค์ของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นสัมผัสกับเปลวเพลิงที่ลุกท่วมอยู่ตรงหน้าประตู อาณาเขตสวรรค์ของเขากลับถูกเผาไหม้แถมมันยังลุกลามมาถึงร่างของตนเองจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาผู้คนที่มีความคิดดื้อดึงต่างก็พากันเปลี่ยนสีหน้าและยินยอมที่จะเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อเห็นว่าเหล่าผู้คนที่ไม่ยอมเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงก่อนหน้านี้ต่างเพิ่งมาเริ่มฝึกฝนกัน เย่เจียงไห่ก็ยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เพิ่งจะคิดได้กันสินะ เอาล่ะ ท่านพ่อพวกเราเข้าไปกันเถอะ!”

เมื่อพูดจบ เย่เจียงไห่ก็ใช้เคล็ดการควบคุมเพลิงแหวกเปลวเพลิงพาทุกคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปด้านในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน

ส่วนบรรดาสำนักอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าตามเข้าไป เนื่องจากพวกเขากลัวว่าถ้าหากเย่เจียงไห่เกิดรำคาญพวกเขาขึ้นมา และปล่อยเพลิงที่แหวกออกให้คืนสภาพเดิม พวกเขาก็จะถูกเผาตายโดยไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย

เมื่อคิดถึงความเสี่ยงต่อชีวิตเช่นนี้ของพวกเขา พวกเขาจึงได้แต่ทนนั่งเรียนรู้เคล็ดการควบคุมเพลิงต่อไปด้วยตนเอง

หลังจากที่ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เดินตามเย่เจียงไห่เข้าไปในประตูตำหนัก พวกเขาก็รู้สึกได้อีกครั้งว่าที่ด้านในตำหนักนั้นมันเหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่งอีกแล้ว

สิ่งที่พวกเขาเห็นในตอนนี้คือทุ่งโล่งกว้างนับร้อยตารางกิโลเมตรที่มีแต่สมุนไพรยืนต้นเต็มไปหมด

ในบรรดาสมุนไพรที่เห็นส่วนใหญ่มันเต็มไปด้วยสมุนไพรระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดหรือแม้แต่สมุนไพรระดับจักรพรรดิก็หาดูได้ไม่ยากในทุ่งแห่งนี้ และที่สำคัญมันยังมีสมุนไพรบางต้นที่แผ่กลิ่นอายอันน่าหวั่นเกรงออกมา ซึ่งทุกคนต่างก็เดากันได้ว่ามันน่าจะเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์!

หากพวกเขาสามารถเก็บเอาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไปได้แล้วล่ะก็…

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีความโลภมากแค่ไหน เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวของเหล่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไปเฉียดเข้าใกล้มัน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าเก็บสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ แต่สมุนไพรที่เหลืออื่น ๆ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

จากนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็พากันพุ่งตัวรีบไปเก็บสมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่สองฝั่งข้างทางเดินอย่างสนุกสนาน

เมื่อเห็นทุ่งที่เต็มไปด้วยสมุนไพรเช่นนี้ เย่เจียงไห่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นไปยังเหล่าคนของสำนักเขาที่กำลังเก็บสมุนไพรอยู่ในทุ่ง “พวกเจ้ามีใครเจอพริกหยกเพลิงเจ็ดสีบ้างไหม? หากใครเจอมันแบ่งมาให้ข้าสักเม็ด ข้าจะได้เอาไปให้น้องเขยจอมขี้งกของข้าเพื่อให้เขาเลิกตามทวงข้าสักที ว่าแต่ น้องเขยกับน้องสาวของข้าไปไหนกันแล้วล่ะ?”

เมื่อได้ยินเย่เจียงไห่เอ่ยขึ้น คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่พวกเขาในตอนนี้ก็ไม่เห็นกลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่เขามาก่อนพวกเขาเพียงชั่วครู่เดียวอยู่ใกล้ ๆ

“แบ่งคนของเราไว้ส่วนหนึ่งที่นี่เพื่อเก็บรวบรวมเหล่าสมุนไพร ส่วนที่เหลือให้เดินสำรวจต่อไปยังส่วนอื่น ๆ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่โตแถมยังร่ำรวยมากอีกต่างหาก ขนาดพวกเราเพิ่งเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ก็ยังมีสมุนไพรมากมายขนาดนี้แล้ว พื้นที่ส่วนลึกเข้าไปอีกมันก็น่าจะมีสิ่งของอย่างอื่นที่ล้ำค่ากว่าแน่ ๆ” บรรพบุรุษของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ต่างกำลังง่วนอยู่กับทุ่งสมุนไพร พวกของหลิงตู้ฉิงในเวลานี้ก็เดินนำเข้าไปลึกจนเกือบสุดขอบทุ่งสมุนไพรแล้ว

เย่ชิงเฉิงถามขึ้นว่า “สามี หากพวกเราเก็บสมุนไพรที่นี่ไปจนหมด ท่านว่าท่านจะสามารถสร้างโอสถได้มากขนาดไหนกัน?”

“นายท่าน ข้าคิดว่าพวกเราควรเก็บสมุนไพรพวกนี้ไปบ้าง” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้นเสริม “บรรดานายหญิง นายน้อยและคุณหนูรวมไปถึงคนอื่น ๆ ทั้งหลายต่างก็ต้องการสิ่งเหล่านี้เพื่อไปบ่มเพาะเหมือนกันนะนายท่าน”

มู่หลงหยานรีบเอ่ยขึ้นเสริมอีกเช่นกัน “ตู้ฉิง ข้าเห็นด้วยว่าพวกเราควรเก็บพวกมันไปสักหน่อยจริง ๆ!”

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้าแตะต้องมัน จงปล่อยมันไว้แบบนี้เหมือนเดิม!”

“ทำไมกันล่ะ? เจ้าเห็นไหมว่าในทุ่งมันมีแม้กระทั่งสมุนไพรระดับจักรพรรดิเชียวนะ!” มู่หลงหยานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าเจ้าของตำหนักแห่งนี้จะใจดีจนถึงขนาดแจกจ่ายสมบัติของตัวเองให้กับคนอื่นโดยไม่หวังผลอะไร? เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนเป็นคนแบบไหน รอดูเถอะหากเจ้ากล้าแตะต้องสิ่งใดของที่นี่ ในอนาคตอันใกล้เจ้าจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่เจ้าไม่ต้องการแน่นอน เอาล่ะตอนนี้แค่ตามข้ามาอย่างเดียวก็พอ เมื่อไหร่ที่ข้าบอกให้เจ้าเก็บสิ่งใดได้ พวกเจ้าถึงค่อยเก็บมัน แค่นั้นพอ!”

มีเพียงแค่หลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วสถานที่แห่งนี้มันถูกสร้างมาเพราะอะไร

สำหรับคนอื่น ๆ มุมมองของพวกเขาต่อตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนก็คือคลังสมบัติ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด

แต่ว่าสมบัติในคลังสมบัติแห่งนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะสามารถเอามันออกไปได้ง่าย ๆ

แม้แต่เขาเองในตอนนี้ก็ยังต้องทำตามกฎของสถานที่เพื่อไม่ให้มีปัญหา

แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินหน้าต่อไป พวกเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทุ่งสมุนไพรทางฝั่งซ้ายมือของถนน “เฮ้ย! ไอ้หนูแกเหยียบเท้าข้า!”

ทุกคนต่างหันไปหาต้นเสียงทันที ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือพืชต้นหนึ่งที่มีความสูงราว 1 เมตร แต่มีดอกไม้สีดำและสีขาวอย่างละดอกงอกอยู่บนมัน

ส่วนเสียงพูดที่ดังขึ้นนั้นเป็นของฝั่งดอกไม้สีขาวที่พูดขึ้น

ส่วนที่ใต้ต้นดอกไม้ประหลาดนั้นกลับมีผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าพยายามควบแน่นพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ให้กลายเป็นหยดของเหลวเพื่อหยดลงบนรากของมัน

ซึ่งหากดูจากรูปการแล้วผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นน่าจะพลาดไปเหยียบรากของมันเข้าโดยบังเอิญมัน จึงทำให้ดอกไม้ต้นนั้นพูดขึ้นตำหนิออกมา

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้นทันที “นายท่านมีใครบางคนอยู่ตรงนั้น!”

พวกเขาเป็นพวกแรกที่ผ่านประตูเข้ามาได้ ทำไมมันถึงมีคนอื่นมาถึงจุดนี้ได้ก่อนพวกเขากัน? หรือว่าเจ้าของตำหนักแห่งนี้ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่กัน?

หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ใช่ว่ามันมีคนเข้ามาก่อนหน้าพวกเราตั้งหลายกลุ่มแล้วไม่ใช่เหรอไงในตอนแรก”

“อ๋อ จริงด้วย” ทุกคนต่างพยักหน้าระลึกความทรงจำ

ตั้งแต่วินาทีแรกที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนปรากฏขึ้น และพวกเขากำลังเถียงกันเรื่องกุญแจ ในระหว่างนั้นมันก็มีคนจำนวนมากได้กรูกันเข้ามาก่อนแล้ว

“มีคนมากมายเข้ามาก่อนหน้าเราแบบนี้ ข้าเกรงว่าของดี ๆ ที่อยู่ข้างในน่าจะโดนกวาดเอาไปหมดแล้วก็ได้” หลิงเฉินบ่นขึ้นด้วยสีหน้าอิจฉา

หลิงตู้ฉิงเหลือบไปมองหลงเฉิน และพูดว่า “เจ้าอิจฉางั้นเหรอ? ถ้างั้นเจ้ายังคงต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะทีเดียวถ้ายังรู้สึกแบบนี้ เอาเป็นว่าต่อให้ใครจะเข้ามาที่นี่ก่อน มันก็ไม่มีใครที่จะได้รับอะไรออกไปได้เปล่า ๆ หรอก หลักการง่าย ๆ ของสถานที่แห่งนี้คือทุกสิ่งที่เจ้าของตำหนักแห่งนี้มอบให้และถ้าหากเจ้ายินยอมรับไป มันจะถือว่าเจ้าได้ทำการยอมรับว่าตนเองเป็นทาสของเจ้าของตำหนักแห่งนี้ไปแล้ว!”

ทุกคนเข้าใจความหมายที่หลิงตู้ฉิงสื่อออกมาทันที ซึ่งมันทำให้พวกเขาถึงกับขนหัวลุก

“สามี ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าพวกคนที่เรียนรู้เคล็ดวิชาต่าง ๆ ที่วิญญาณตำหนักมอบให้ ทุกคนจะกลายเป็นทาสรับใช้ของที่นี่งั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง

ถ้าหากหลิงตู้ฉิงไม่ห้ามพวกเขาไว้ ในท้ายที่สุดชะตากรรมของพวกเขาก็คงไม่พ้นที่จะกลายเป็น…

หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “เคล็ดวิชาเหล่านั้นมันเป็นวิชาที่เอาไว้สำหรับให้พวกทาสรับใช้ฝึกฝน ดังนั้นหากใครฝึกฝนมันคนผู้นั้นก็จะกลายเป็นทาสรับใช้ของที่นี่ไปโดยปริยาย พวกเจ้าจงยืนรออยู่ที่นี่ก่อนอย่าเดินไปไหน ข้าจะเดินไปคุยกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นั่นดูก่อนเผื่อว่าจะได้อะไรดี ๆ กลับมา”