ตอนที่ 2027 กระดิ่งโลหิตมืดห้าสี

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เป็นมารชราหน้าดำ บนหน้าผากมีรอยย่นลึก

เขาเดินไปที่แท่นหินด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง กวาดตามองไปรอบบริเวณ พลันเปล่งพลังปราณอันน่าเกรงขามออกจากร่าง ทำให้มารซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในระดับพื้นๆ จำนวนไม่น้อย สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึง

มารชราผู้นี้ดำรงอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลายใกล้บรรลุ ที่ดูเหมือนจะห่างจากระดับผสานอินทรีย์เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น

ระดับบำเพ็ญเพียรอันน่าทึ่งเช่นนี้ ในสถานที่แบบเมืองเซวี่ยยา นอกจากมนุษย์อย่างพวกหานลี่แล้ว มิอาจพูดได้ว่ามีเพียงคนเดียว แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน

“ผู้น้อยเย่ว์เหลียนเทียน หนึ่งในผู้อาวุโสของเมืองเซวี่ยยา เชื่อว่าสหายที่รู้จักในที่นี้น่าจะมีอยู่ไม่มาก งานประมูลในครั้งนี้ ผู้แซ่เย่ว์ได้ตอบรับคำเชิญจากเจ้าของสถานที่ให้มาเป็นพิธีกรในงาน หวังว่าสหายทุกท่านจะเห็นแก่ผู้น้อย ปฏิบัติตามกฎของการประมูล หาไม่แล้ว ถึงตอนนั้นจะโทษผู้แซ่เย่ว์ไร้ความปรานีมิได้ ส่วนสหายทั้งแปดท่านนี้ คือผู้คุมกฎของการประมูลในครั้งนี้ เชื่อว่าการมีพวกเขาอยู่ หายห่วงเรื่องความปลอดภัยในงานอย่างแน่นอน” มารชราเอ่ยปากพูดเรียบๆ และปรบมือเบาๆ ทันทีที่สิ้นเสียง

ที่นั่งแถวหน้าสุด มารท่าทางดุดันแปดตนระดับหลอมสุญตาขั้นต้นพลันยืนขึ้น แล้วเดินไปยืนรอบแท่นหินทั้งสี่ด้าน พร้อมสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก

“มือโลหิตสะท้านเมฆา”

“เหล็กทะลวงวิญญาณ”

…..

พอเห็นใบหน้าของมารทั้งแปดอย่างชัดเจน มารที่อยู่รอบๆ ไม่น้อยกลับสูดอากาศเย็นเข้าปอด รู้สึกปั่นป่วนไม่หยุด

แม้มารเหล่านี้มีชื่อเสียงไม่น้อยในเมืองเซวี่ยยา แต่หลายคนพอเห็นแววตาของพวกเขาทั้งแปด ก็ล้วนรู้สึกกริ่งเกรงตะหงิดๆ

หานลี่ย่อมไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆ กับผู้ดำรงอยู่ในระดับหลอมสุญตาทั้งแปด แต่สายตากลับกวาดมองไปรอบๆ ไม่หยุด อยากดูว่าพวกบรรพชนตระกูลหล่งเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ด้วยหรือไม่

เพื่อป้องกันไม่ให้มารระดับจอมมารที่แอบเข้าร่วมการประมูลจับได้ หานลี่จึงมิได้ใช้จิตสัมผัสขนาดมหึมา อาศัยเพียงอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณมองทะลุผ่านมารที่แต่งตัวน่าสงสัยจำนวนหนึ่ง

แต่หลังจากกวาดมองไปหนึ่งรอบ กลับไม่พบอะไรเลย

หรือคนเผ่าวิญญาณและคนอื่นๆ ไม่มีใครเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้เลย!

หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

จะบอกว่า ตั้งแต่แยกย้ายกันไป เขายังไม่เคยเจอใครในเมืองนี้เลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนตระกูลหล่ง หรือคนอื่นๆ ดูเหมือนต่างคนต่างมีเป้าหมายที่เก็บเป็นความลับ

ขณะนั้น มารชราได้ประกาศเสียงขรึม เริ่มการประมูล

ประตูห้องโถงในตำหนักบานที่อยู่ใกล้ๆ เปิดออก มารสาวถือถาดในมือเดินเรียงแถวกันออกมา

แต่ละนางรูปร่างอ้อนแอ้น เดินไปยืนด้านหลังเย่ว์เหลียนเทียน

มารชรายกมือขึ้นโดยไม่แม้แต่จะหันมอง

หนึ่งในหญิงสาวพลันก้าวออกมาอย่างนอบน้อม ก่อนยกถาดในมือขึ้น

“อาวุธอาคมชั้นยอด กระดิ่งโลหิตมืดห้าสี ประกอบด้วยกระดิ่งโลหิตมารห้าใบ แต่ละใบแบ่งเป็น เสกให้ศัตรูลุ่มหลง ให้ถูกพิษ ให้ช้าลง ให้เลือดลมปั่นป่วน ให้เกิดภาพหลอน ส่งผลอันน่าทึ่งแตกต่างกันห้าแบบ ราคาเริ่มต้น ห้าล้านศิลามาร!” มารชราเปิดผ้าสีดำบนถาดขึ้น แล้วพูดอย่างสงบนิ่ง

บนถาดเผยให้เห็นกระดิ่งจิ๋วขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสีเงิน มีลายอาคมสีดำจางๆ ตลอดทั้งใบ ร้อยไว้ด้วยกันกับวงแหวนสีทองวงหนึ่ง

“อะไรนะ กระดิ่งโลหิตมืด ของวิเศษชิ้นนี้ ชื่อเสียงของอาวุธอาคมชิ้นนี้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของกลุ่มอาวุธอาคมชั้นยอดได้เชียว!”

“ของเช่นนี้มีก็แต่เจ้าแห่งศาสตร์มืดแห่งเขาไห่อวิ๋นที่หลอมขึ้นมาได้ ทำไมถึงมาปรากฏอยู่ในเมืองเซวี่ยยาที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้ได้เล่า”

“ช่างปะไร แค่ของวิเศษชิ้นนี้ปรากฏ การมางานประมูลในครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว เริ่มประเดิมแบบจัดหนักขนาดนี้ ต่อไปก็ไม่รู้แล้วว่าจะเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ชั้นไหนอีก!”

พอกระดิ่งโลหิตมืดปรากฏ ก็ชักนำให้เกิดการพูดคุยเสียงดังอื้ออึงในห้องโถงขึ้นมาอีก ผู้มากว่าครึ่งล้วนมีท่าทางตื่นตาตื่นใจและโลภโมโทสัน ขณะมองไปยังชุดกระดิ่งมารทั้งห้า

พอหานลี่ได้ยินชื่อของวิเศษชิ้นนี้ ก็อึ้งไปพักหนึ่ง

“กระดิ่งโลหิตมืดห้าสี ทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ”

หานลี่นั่งครุ่นคิดอยู่บนม้าหินอย่างอดไม่ได้

ขณะนั้น การแข่งขันประมูลอาวุธอาคมชิ้นนี้พลันเปิดฉากขึ้น ท่ามกลางเสียงเสนอราคาต่อเนื่องอย่างดุเดือด

“ห้าล้าน”

“หกล้าน”

“แปดล้าน”

…..

“สิบเอ็ดล้าน”

แค่ของวิเศษชั้นยอดชิ้นหนึ่ง พริบตาเดียวประมูลกันทะลุหลักสิบล้าน

หานลี่อดไม่ได้ แอบตกใจเช่นกัน

ต้องรู้ว่าราคาของในแดนมารตามความเข้าใจของเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อาวุธอาคมชั้นยอดทั่วไปชิ้นหนึ่งเหมือนมีราคาไม่เกินสองสามล้านศิลามาร แต่กระดิ่งโลหิตมืดห้าสีทะยานขึ้นไปทีเดียวห้าเท่าตัว และคล้ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่แค่นี้

เอ๋! กระดิ่งโลหิตมืดห้าสี! กระดิ่งโมราห้ามหัศจรรย์! นี่มิใช่ชื่อของวิเศษชิ้นหนึ่งในบันทึก ‘เคล็ดหลอมศาสตราสวรรค์ลี้ลับ’ ส่วนนั้นหรอกหรือ

หานลี่เปลี่ยนความคิดกะทันหัน ในที่สุดก็นึกถึงชื่อที่มีส่วนคล้ายคลึงกันขึ้นได้

ส่วนหนึ่งของตำราหยกพระราชวังทองคำที่เขาได้มา ในวิชาหลอมอาวุธของแดนเซียน นอกจากบันทึกวิธีหลอมสมบัติจากภูเขารวมปราณห้าขั้นแล้ว ยังบันทึกวิธีหลอมสมบัติสวรรค์ทมิฬไม่กี่อย่างไว้อีกต่างหาก ซึ่งกระดิ่งโมราห้ามหัศจรรย์ก็คือหนึ่งในนั้น

ทว่าแม้หานลี่รู้ว่าสมบัติลี้ลับเหล่านี้หลอมอย่างไร แต่ช่วยไม่ได้ที่ในมือไม่มีวัตถุดิบจากแดนเซียนที่เพียงได้ยินแต่ไม่มีใครเคยเห็นเหล่านั้นเลย จึงได้แต่ทอดถอนใจแล้วไม่ใส่ใจมันอีก

ส่วนผลลัพธ์ของกระดิ่งโลหิตมืดห้าสี ฟังดูคล้ายกับอิทธิฤทธิ์อันน่าทึ่งของกระดิ่งโมราห้ามหัศจรรย์ พอได้ยินชื่ออาวุธอาคมชิ้นนี้ จึงทำให้เขาพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

“หรือเป็นเพียงเรื่องบังเอิญล้วนๆ แบบในแดนมารก็มีคนรู้วิธีหลอมสมบัติลี้ลับเช่นเดียวกัน ถึงได้หลอมของเลียนแบบออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ” หานลี่แอบคิดในใจไปโดยปริยาย

เสียดายก็แต่เมื่อสองวันก่อน แม้เขานำอาวุธอาคมจำนวนหนึ่งให้ผู้จัดนำไปประมูล โดยได้รับศิลามารล่วงหน้ามาเกือบสิบล้านก้อน แต่ถ้าคิดจะประมูลอาวุธอาคมชั้นยอดที่อยู่ตรงหน้าชิ้นนี้ กลับไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัด

อีกทั้งของชิ้นนี้แม้มีอิทธิฤทธิ์ไม่เหมือนใคร แต่ก็อยู่ในระดับอาวุธอาคมชั้นยอดเท่านั้น จึงไม่มีประโยชน์อะไรมากนักสำหรับเขา ต่อให้ประมูลได้ อย่างมากก็เพียงนำมาศึกษาวิเคราะห์

ดังนั้นหานลี่ในตอนนี้จึงได้แต่เก็บความสงสัยในใจไว้ รอดูเงียบๆ ว่าของวิเศษชิ้นนี้จะตกเป็นของใคร

สุดท้ายอาวุธอาคมชื่อดังในแดนมารชิ้นนี้ ก็ถูกมารลึกลับผู้สวมหน้ากากผีสีเงิน เปล่งแสงสีเขียวตลอดทั้งร่าง ประมูลไปด้วยราคาอันน่าทึ่ง สิบห้าล้าน

ทำให้มารชั้นสูงไม่น้อยที่มีเจตนาไม่ดีอยู่บ้างลอบสำรวจมองเขาไม่หยุด

แต่หลังจากมารผู้ปกปิดหน้าตาที่แท้จริงท่านนี้ จ่ายศิลามารแล้วรับกระดิ่งโลหิตมืดห้าสีจากมือมารชราด้วยตนเอง กลับไม่มีความประสงค์ที่จะอยู่ต่อ รีบเดินอาดๆ ออกจากโถงประมูลไป

แม้มีมารไม่น้อยที่แอบหาทางทำอะไรสักอย่าง แต่ท่ามกลางสายตาสาธารณชน จะรีบตามออกไปก็ดูกระไรอยู่ มีมารไม่กี่ตนเท่านั้นที่ปกปิดหน้าตาที่แท้จริงแบบเดียวกัน ลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินตามไปโดยไม่แยแสแม้แต่น้อย

ส่วนเย่ว์เหลียนเทียนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ทั้งหมด เขายกมือขึ้นเปิดผ้าบนถาดของหญิงสาวคนที่สองต่อ เผยให้เห็นหินผลึกสีน้ำเงินใสก้อนหนึ่ง ขนาดเท่ากำปั้น เปล่งไอเย็นออกมาอย่างน่าอัศจรรย์

“แกนผลึกแท่งหนึ่งของอสูรมารน้ำแข็งหายาก สามารถใช้หลอมอาวุธอาคมประเภทน้ำแข็งหายาก หรือใช้ปรุงยาวิเศษที่มีสรรพคุณโดยเฉพาะหลายชนิด ราคาต่ำสุด สองล้านศิลามาร!”

“สองล้านสามแสน!”

“สองล้านห้าแสน”

…..

แกนผลึกอสูรมารชิ้นนี้ แม้ราคาเทียบไม่ได้กับกระดิ่งโลหิตมืดห้าสี แต่ก็เป็นวัตถุดิบหายากที่มารจำนวนหนึ่งต้องการ พอนำออกมา มารสิบกว่าตนจึงแย่งกันประมูลทันที

สุดท้ายก็ถูกมารรูปร่างผอมบางตนหนึ่งประมูลได้ไปในราคาสี่ล้านกว่า

ต่อมา มารชรานามเย่ว์เหลียนเทียนก็นำของในถาดเหล่านั้นมาแสดงให้ดูชิ้นแล้วชิ้นเล่า และพอทั้งหมดถูกประมูลไป ก็รีบเปลี่ยนให้มารสาวอีกชุดหนึ่งนำของประมูลอื่นๆ เข้ามา

ซึ่งของที่นำมาประมูลกลับพอๆ กันกับงานประมูลในแดนวิญญาณ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบประเภทหินแร่ หญ้าวิญญาณ กับยาวิเศษ แทรกด้วยอาวุธอาคมที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพไม่ธรรมดาเป็นระยะ

หานลี่นั่งอยู่ในที่นั่ง เฝ้าดูของที่ถูกมารตนอื่นๆ ประมูลไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างเงียบๆ โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ และไม่มีเจตนาเข้าร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่พออาวุธอาคมไม่กี่ชิ้นที่เขานำออกมา ถูกประมูลไปในราคาไม่เบา มุมปากก็เผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ

แต่ไม่ว่าของประมูลชิ้นต่อๆ มาจะเป็นเช่นไร ก็ล้วนไม่สามารถประมูลได้ในราคาที่น่าทึ่งเช่นเดียวกับอาวุธอาคมชิ้นแรก

ในจำนวนนี้ ชิ้นที่มีราคาสูงที่สุด เป็นเพียงยาวิเศษเม็ดหนึ่ง ที่ว่ากันว่าสามารถเพิ่มโอกาสเลื่อนขั้นในระดับหลอมสุญตา ทำลายช่วงคอขวดเพื่อบรรลุ แม้มีวี่แววว่าจะสำเร็จเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ยังคงถูกประมูลไปในราคาศิลามารสิบสามล้านก้อน

“เอาล่ะ ต่อไปก็ถึงเวลาช่วงสุดท้ายของการประมูลในครั้งนี้แล้ว เหอะๆ รายการสุดท้ายของคราวนี้มีเพียงสองชิ้น แต่ข้ารับรองได้ว่ามูลค่าของแต่ละชิ้นล้วนไม่ด้อยไปกว่ากระดิ่งโลหิตมืดห้าสี กระทั่งถ้ามองจากบางมุม ยังมีมูลค่าค่อนข้างมากกว่าด้วย” เย่ว์เหลียนเทียนพูดด้วยท่าทีลึกลับ

ขณะนั้น มารสาวหน้าตาน่าทึ่ง บุคลิกไม่ธรรมดาสองตน เดินออกจากประตูห้องโถงในตำหนักเป็นครั้งสุดท้าย

ครั้งนี้ หญิงสาวทั้งสองมิได้ถือถาดออกมา แต่คนหนึ่งถือกล่องไม้สีเขียวยาวราวหนึ่งฉื่อ อีกคนหนึ่งมือทั้งสองข้างกลับคล้ายว่างเปล่า

เหล่ามารที่เข้าร่วมการประมูลเห็นดังนี้ ส่วนใหญ่แสดงความสนใจออกมา

เย่ว์เหลียนเทียนยกมือขึ้น ดูดกล่องไม้จากมือหญิงสาวเข้ามาโดยตรง และเปิดฝากล่องด้วยการตบเบาๆ

ในกล่องมีของลักษณะคล้ายอิฐสีขาวขุ่นก้อนหนึ่งวางไว้นิ่งๆ

มารชรานำของในกล่องออกมาอย่างระมัดระวัง ใช้สองมือชูขึ้น หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงดัง

“อิฐศักดิ์สิทธิ์หนึ่งก้อน ด้านในบันทึกเคล็ดวิชาหลายอย่างของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ชีหลิงเมื่อสองล้านปีก่อน ราคาขั้นต่ำ สามสิบล้านศิลามาร!”

 “อะไรนะ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ชีหลิง หรือก็คือใต้เท้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่ตอนนั้นเป็นรองเพียงสามบรรพชนยุคบุกเบิกผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น”

“เป็นไปไม่ได้ อิฐศักดิ์สิทธิ์ที่บันทึกอิทธิฤทธิ์ของคนอย่างผู้อาวุโส ทำไมถึงปรากฏขึ้นที่นี่ ของที่ประเมินค่ามิได้เช่นนี้ ต่อให้นำมาประมูล ก็ควรไปปรากฏในงานประมูลของเมืองศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สุดไม่กี่เมืองถึงจะถูก”

…..

พอเย่ว์เหลียนเทียนพูดจบ ก็เกิดเสียงดังฮือฮา โถงประมูลเดือดพล่านขึ้นมา

บ้างก็ตื่นเต้นดีใจยิ่ง บ้างกลับเต็มไปด้วยความสงสัยบนใบหน้า

“เงียบๆ หน่อย! ผู้จัดประมูลได้เชิญคนมาพิสูจน์แต่แรกแล้ว จึงสามารถรับรองกับสหายทุกท่านสิบเต็มสิบได้ว่า นี่เป็นมรดกของใต้เท้าชีหลิงจริงๆ ถ้ามีการปลอมแปลง ผู้จัดยินดีชดใช้ให้สิบเท่าจากราคาประมูล ซึ่งจุดนี้ ขอให้สหายทุกท่านวางใจได้ ส่วนที่ว่า ทำไมมันถึงมาปรากฏในงานประมูลนี้ อันที่จริงเรื่องนี้มีมูลเหตุบางประการ” มารชราหน้าขรึมลง เสียงพูดสะท้อนก้องไปมาในโถง ยับยั้งเสียงดังอื้ออึงไว้ได้