บทที่ 1755 วิญญาณอมตะป่า

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1755 วิญญาณอมตะป่า

 

ฟางหยวนมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง เขาพบถ้ำและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ก่อนจะเข้าสู่การบ่มเพาะอย่างเงียบๆ

 

อิงอู่เซียและคนอื่นๆยังอยู่บนเกาะบัวหินเพื่อฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต

 

ด้วยการกําเนิดใหม่ ฟางหยวนจึงสามารถข้ามขั้นตอนนั้น

 

ความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตสําหรับฟางหยวนไม่ใช่การบ่มเพาะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดแต่เป็นวิญญาณท่องแดนอมตะ

 

ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถเดินทางข้ามภูมิภาค

 

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เช่นถ้ำสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

 

วิญญาณอมตะทุกดวงมีเพียงหนึ่งเดียว ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะที่แท้จริงอยู่ในมือของฟงจิวเก้อ แต่ผู้อมตะสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเลียนแบบพลังอํานาจของวิญญาณอมตะดวงอื่นๆด้วยการใช้วิญญาณอมตะชนิดอื่นทดแทน

 

นี่คือความลึกซึ้งของการใช้วิญญาณ

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอาบแห่งแสงปัญญาและอนุมานอย่างต่อเนื่อง

 

ภารกิจหนึ่งของเขาคือการดัดแปลงท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตโดยเพิ่มผลกระทบบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไป

 

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนมีเวลาน้อยเกินไป เขาต้องบ่มเพาะ จัดการมิติช่องว่าง วางแผนต่อต้านวังสวรรค์ และค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เขาอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันมาก

 

ในสถานการณ์ดังกล่าว ฟางหยวนสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะราชันภูต ตราประทับเหล่าโป หมื่นภูตมังกร และอื่นๆ นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

 

โดยทั่วไปผู้อมตะมักใช้เวลาสามถึงสี่ปีเพื่อคิดค้นท่าไม้ตายอมตะ แต่ฟางหยวนมีวิญญาณสติ ปัญญา เขามีความได้เปรียบในแง่มุมนี้

 

สําหรับตอนนี้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากชีวิตก่อนหน้าเพื่อยกระดับท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น

 

สนามรบราชันภูตเป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและเส้นทางแห่งทาส

 

“เส้นทางแห่งทาสมุ่งเน้นเรื่องการลดทอนกําลังของฝ่ายตรงข้าม บุตรแห่งภูตไม่กลัวความตาย พวกมันสามารถระเบิดตัวเอง ก่อนที่พวกมันจะตาย พวกมันจะทําให้ศัตรูสูญเสียทรัพยากรและพลังการต่อสู้

 

เส้นทางแห่งจิตวิญญาณมีความได้เปรียบด้านการสังหาร ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขตแดน

 

เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตมีลักษณะเด่นสองประการนี้แต่อย่างหลังอ่อนแอกว่า ความเร็วในการเปลี่ยนบุตรแห่งภูตไม่สูงนัก หากฟางหยวนเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลัง ข้อได้เปรียบนี้จะมีประโยชน์ไม่มากนัก

 

“หากข้าเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไป สนามรบราชันภูตจะมีลักษณะเหมือนเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา”

 

เขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามีความสามารถในการเปลี่ยนความเร็วของเวลา ตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดคือการขยายเวลาในเขตแดน หนึ่งวันของโลกภายนอกอาจเท่ากับหนึ่งเดือนของโลกภายใน นั่นจะทําให้ผู้ใช้งานมีเวลามากขึ้นในการสังหารศัตรูในเขตแดน

 

หากศัตรูติดอยู่ในเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เมื่อพันธมิตรของพวกเขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติและต้องการช่วยเหลือ พันธมิตรของพวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้านาทีก่อนจะมาถึง แต่ภายในเขตแดนอมตะ สามวันอาจผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าของเขตแดนอาจกําจัดศัตรูไปแล้วก่อนที่พันธมิตรของพวกเขาจะมาถึง

 

ในชีวิตก่อนหน้า แม้ฟางหยวนจะสามารถกักขังฟงจิวเก้อไว้ในสนามรบราชันภูตและกระทั่งขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่เขาก็ไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม เหตุผลก็คือฟงจิวเก้อมีวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตา มันสามารถถ่วงเวลากระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยสามารถอนุมานและทําลายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต

 

หากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตของฟางหยวนมีพลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขาจะสามารถขยายเวลาภายในเขตแดน แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะสามารถอนุมานและทําลายมันได้ในที่สุด แต่นางก็จะได้รับเพียงศพของฟงจิวเก้อเท่านั้น

 

ฟางหยวนดัดแปลงเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตด้วยความคาดหวัง

 

โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นกิ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันไม่ยากที่จะเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไป

 

เขาบ่มเพาะหลายเส้นทาง มันมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น ท่าไม้ตายอมตะหมื่นภูตมังกรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

 

ในการเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายอมตะผสมผสานหลายเส้นทาง ผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางสายเดียวจะไม่สามารถอนุมานหรือป้องกันพวกมันได้โดยง่าย

 

ฟางหยวนอยู่ในหุบเขาไร้นามเป็นเวลาสี่วันห้าคืน ในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง

 

“ครืน…”

 

ในเวลากลางวัน แผ่นดินสั่นสะเทือน รอยแยกปรากฏขึ้น

 

หุบเขาพังทลาย ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง ฟางหยวนต้องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

รอยแยกบนพื้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกลืนหุบเขาเข้าไปทั้งหมด ร่องลึกใต้พิภพก่อตัวขึ้นต่อหน้าฟางหยวน

 

กําแพงภูมิภาคกําลังหดตัว เส้นโลหิตปฐพีของห้าภูมิภาคค่อยๆหลอมรวมเป็นหนึ่ง

 

เมื่อเส้นโลหิตปฐพีสั่นไหว ร่องลึกใต้พิภพจํานวนมากจึงก่อตัวขึ้น ภาคใต้มีปราณพิภพหนาแน่นที่สุด นั่นทําให้เกิดร่องลึกใต้พิภพขึ้นมากที่สุดเช่นกัน

 

ฟางหยวนรอคอยการถือกําเนิดของร่องลึกใต้พิภพแห่งนี้อย่างอดทนและเริ่มออกสํารวจเมื่อมันปรากฏขึ้น

 

ร่องลึกใต้พิภพจะนําทรัพยากรและวิญญาณปาขึ้นมาจากใต้ดิน

 

หลังจากสํารวจ ฟางหยวนพบสมบัติล้ำค่ามากมาย

 

เพียงไม่นานเขาก็พบศพของสัตว์อสูรเดียวดายตัวหนึ่ง

 

ศพของสัตว์อสูรเดียวดายเป็นทรัพยากรอมตะระดับหก แม้มันจะได้รับความเสียหาย แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า

 

ฟางหยวนเก็บซากศพของมันอย่างง่ายดาย

 

สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขก็คือซากศพของสัตว์อสูรตัวนี้มีดวงวิญญาณอยู่ภายใน มันสามารถเปลี่ยนเป็นบุตรแห่งภูต

 

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบเพื่อค้นหาสมบัติและได้รับกําไรมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“เหตุใดข้ายังไม่พบมัน? ข่าวลือไม่ใช่เรื่องจริงงั้นหรือ?”

 

“หากตระกูลลั่วจงใจสร้างข่าวปลอม การเดินทางครั้งนี้ของข้าจะล้มเหลว

 

หลังจากสิบห้านาที ฟางหยวนเริ่มกังวล

 

ร่องลึกใต้พิภพแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของตระกูลลั่ว เมื่อเวลาผ่านไปผู้อมตะตระกูลลั่วจะมาถึง พวกเขาอาจนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาด้วย ท้ายที่สุดร่องลึกใต้พิภพก็เป็นแหล่งทรัพยากรที่ล้ำค่า

 

ป้าหมายและ

 

แม้ฟางหยวนจะไม่กลัวแต่เขาไม่ต้องการสร้างปัญหา เขาเพียงต้องการ จากไปอย่างเงียบๆ

 

“มันไม่อยู่ที่นี่จริงๆงั้นหรือ?”

 

“ข้าพลาดสิ่งใดหรือไม่? เป็นเพราะโชคของข้าแย่มาก มันจึงส่งผลกระทบต่อการเดินทางครั้งงั้นหรือ?”

 

ขณะที่ฟางหยวนกําลังสงสัยในตัวเอง ดวงตาของเขากลับส่องประกายขึ้นอย่างกะทันหัน

 

“ข้าพบบางอย่าง!”

 

เขาเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังและพบเต่าเพชรบรรพกาลตัวหนึ่ง

 

ในไม่ช้าความปิติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

เขาพบวิญญาณอมตะบนตัวเต่าเพชรบรรพกาลตัวนี้

 

“เป็นเช่นนี้”

 

วิญญาณอมตะเป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของฟางหยวน

 

ฟางหยวนลงมือทันทีโดยใช้สนามรบราชันภูต

 

เมื่อฟางหยวนเคลื่อนไหว กลิ่นอายของเขาจะรั่วไหลออกมา แม้เต่าเพชรบรรพกาลจะมีสติปัญญาไม่สูงนัก แต่สัญชาตญาณทําให้มันคํารามและพยายามหลบหนี

 

แต่ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว เขาใช้บุตรแห่งภูตต่อสู้กับเต่าเพชรบรรพกาล อย่างไรก็ตาม ฟางหยวนยังเกรงว่าการต่อสู้จะทําให้วิญญาณอมตะได้รับความเสียหาย ดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมพลังการต่อสู้ให้เหมาะสม

 

แม้บุตรแห่งภูตจะตายแต่พวกมันก็ไม่ระเบิดตัวเอง

 

แม้เขาจะประสบความสูญเสีย แต่เป้าหมายของเขาในการลดความแข็งแกร่งของเต่าเพชรบรรพกาลก็ประสบความสําเร็จ

 

หลังจากกักขังเต่าเพชรบรรพกาลไว้ในเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต แม้ผู้อมตะตระกูลลั่วจะมาที่นี่ มันก็มีโอกาสน้อยที่พวกเขาจะค้นพบเขตแดนอมตะนี้

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่ไม่สามารถหลบหนีจากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตโดยไม่ต้องกล่าวถึงสัตว์อสูรบรรพกาล

 

ฟางหยวนไม่กังวลและไม่ลําพอง เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังและรักษาพลังงานอมตะเอาไว้ เขาไม่ได้ใช้กระทั่งมือปีศาจปล้นวิญญาณ

 

โชคในปัจจุบันของเขาไม่ดีนัก เขาอาจขโมยได้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์

 

ด้วยความช่วยเหลือจากบุตรแห่งภูต เต่าเพชรบรรพกาลอ่อนแอลงจนถึงจุดต่ำสุด ฟางหยวนสามารถจับมันทั้งเป็น

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดตกเป็นของฟางหยวนเช่นกัน

 

“ดีมาก! ด้วยสิ่งนี้ข้าจะสามารถตอบโต้วิญญาณท่องแดนอมตะ!” ฟางหยวนมีความสุขมาก

 

หลังจากเก็บเต่าเพชรบรรพกาลและวิญญาณอมตะปา ฟางหยวนลบเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตออกไป

 

เมื่อกลับมายังร่องลึกใต้พิภพ ผู้อมตะตระกูลลั่วก็มาถึงแล้ว พวกเขามองร่องลึกใต้พิภพด้วยความโกรธ มันถูกปล้นไปแล้ว!

 

นี่เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลลั่ว

 

ฟางหยวนมองคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลลั่วก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ

 

หลังจากเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ฟางหยวนก็ใช้วิญญาณท่องแดนอมตะในอนาคตเพื่อกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฟางหยวนทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง

 

เขาเดินเข้าไปหาฟางหยวนก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจและยินดี “ฟางหยวน เจ้าชิงวิญญาณท่องแดนอมตะมาจากพวกเขางั้นหรือ?”

 

หากวังสวรรค์ไม่มีวิญญาณท่องแดนอมตะ มันจะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

แต่ฟางหยวนส่ายศีรษะ “นี่เป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะ ท่านพร้อมหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนหรือยัง?”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผิดหวังกับคําตอบของฟางหยวนแต่เขายังตอบกลับ “เราเกือบพร้อมแล้ว พวกเขาฝึกซ้อมกันทั้งกลางวันและกลางคืน ทรัพยากรอื่นๆพร้อมแล้ว เจ้ารวบรวมทรัพยากรอมตะระดับแปดทั้งหมดยัง?”

 

ฟางหยวนสายศีรษะ “ข้ารวบรวมมาได้สามชิ้น แต่ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน เรายังมีเวลา”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวล “ผู้อาวุโสฟางหยวน นั่นไม่ใช่ทัศนคติที่ถูกต้องวังสวรรค์ สามารถบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้ว หากเรากระทําการโดยประมาท เราจะประสบปัญหาใหญ่”

 

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งอย่ากัวล ข้ารู้ว่ากําลังทําสิ่งใดอยู่”