บทที่ 606 นายหัวเราะอะไร

The king of War

ถึงแม้ภายในซ่งหวายี่จะไม่พอใจ แต่นึกถึงสถานะของหยางเฉิน เขาอดหยุดความโกรธลงไว้ไม่ได้

“เสี่ยวหย่า ท่านนี้คือประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป หยางเฉินคุณหยาง”

ซ่งหวายี่แนะนำสถานะของหยางเฉินให้น้องสาวของตนเองก่อน

จากนั้น ยิ้มพูดกับหยางเฉิน “คุณหยาง คนนี้คือน้องสาวของผม ซ่งหวาหย่า คุณเรียกหล่อนว่าเสี่ยวหย่าก็ได้ครับ”

“เชอะ! พวกคนที่ไม่เจียมตัว ยังไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าเสี่ยวหย่า” ซ่งหวาหย่าพูดแบบท่าทางไม่พอใจ

อาต๋าเป็นคนที่เธอทุ่มเทพลังกายอย่างมาก ถึงหามาเข้าร่วมแข่งขันได้ ผลปรากฏว่าหยางเฉินบอกมาประโยคหนึ่งว่าเป็นพวกเขาประมาทผู้แข็งแกร่งที่ร่วมแข่งขันเกินไป

นี่คงไม่ใช่กำลังพูดชัดๆ ว่าอาต๋าไม่มีสิทธิ์พอจะขึ้นเวทีมวยงั้นเหรอ

ซ่งหวายี่รีบพูดว่า “เสี่ยวหย่า ห้ามเสียมารยาทต่อคุณหยาง!”

ถึงแม้หยางเฉินจะไม่ได้ตอบรับช่วยเหลือเขาเข้าแข่งสู้ แต่เขาก็ไม่ยินยอมเป็นศัตรูกับหยางเฉินแน่

เขาส่งคนไปค้นหาสถานะของหยางเฉินแล้ว แต่ที่ทำให้เขาตกใจคือ เพื่อนในกองทัพคนนั้นของเขา คาดไม่ถึงบอกเขาว่า เอกสารประวัติของหยางเฉินมีเพียงอักษรภาษาอังกฤษสามตัว “SSS!”

เพื่อนของเขาบอกเขาว่า เอกสารประวัติเป็นตัวSSSแบบนี้ ไม่ถ้าใช่คนชั่วร้ายสุดขีด ก็เป็นบุคคลใหญ่โตที่สร้างคุณูปการในกองทัพ

แต่ไม่ว่าเป็นแบบไหน ล้วนไม่ใช่การมีตัวตนที่ตระกูลซ่งสามารถล่วงเกินได้

เพื่อนของเขาบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นถึงขั้นคอขาดบาดตาย อย่าผิดใจคนแบบนี้เด็ดขาด

และเพราะเหตุนี้ ดังนั้นเขาถึงขอร้องให้หยางเฉินช่วยเข้าแข่งขัน

“พี่ เขาก็แค่พวกคนรวยฉับพลันคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เข้าใจการต่อสู้ มีสิทธิ์อะไรมาถือว่าเป็นพี่เป็นน้องกันกับพี่?”

ซ่งหวาหย่าอารมณ์ไม่ดีมากๆ ตอนที่มองทางหยางเฉิน ในสายตามีเพียงความไม่พอใจ

ซ่งหวายี่ยักคิ้วขึ้น ตะโกนว่า “หุบปาก!”

“เธอกล้าเหยียดหยามคุณหยางอีก ก็ไสหัวกลับไปเดี๋ยวนี้!”

“ขอโทษคุณหยางซะ!”

ซ่งหวายี่โมโหจริงๆ แล้ว และหวาดกลัวมากด้วย กลัวว่าน้องสาวของตนเองจะล่วงเกินหยางเฉินเข้า

ในสายตาซ่งหวาหย่าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เหมือนนึกไม่ถึงว่า พี่ชายที่แต่ไหนแต่ไรรักเอ็นดูตนเองอย่างมาก จะตวาดใส่เธอ และให้เธอขอโทษอีก

“ขอโทษ!”

ซ่งหวาหย่ามองเห็นความโกรธเคืองในสายตาซ่งหวายี่ ในที่สุดจึงประนีประนอม ถลึงตาใส่หยางเฉิน เหมือนทำผิดต่อเธอมากมายอย่างนั้นเลย

ถึงแม้จะกำลังขอโทษ กลับไม่มีความหมายขอขมาสักนิด แต่ทว่ายิ่งมองหยางเฉินเป็นศัตรูเพิ่มขึ้น

หยางเฉินหมดคำจะพูดอยู่บ้าง ตนเองเพียงแค่พูดความจริง นึกไม่ถึงจะยั่วโมโหหญิงสาวคนหนึ่งเข้าแล้ว

ผู้แข็งแกร่งที่แข่งขันในตอนนี้ ได้เพียงถูไถนับว่าเป็นยอดฝีมือ แต่ว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ได้ลงมือ

หยางเฉินในฐานะจอมพลชายแดนเหนือ ตำนานผู้ชนะในกองทัพ จะมองความสามารถของคนคนหนึ่งว่าเก่งหรือด้อยไม่ออกได้อย่างไร?

เขาไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายที่แกร่งจากบนตัวของอาต๋าเลย ต่อให้ขึ้นเวทีมวยในตอนนี้ คงทำได้เพียงคว้าชัยมาด้วยความลำบาก

แต่อยากจะคว้าสามลำดับแรกมาครอง เดิมทีไม่มีหวัง

“คุณชายยี่ ผมคิดว่าคุณหนูเสี่ยวหย่าไม่ได้พูดอะไรผิดครับ”

ในเวลานี้เอง อาต๋าเอ่ยปากกะทันหัน “คนที่ไม่เข้าใจการต่อสู้คนหนึ่ง จะมีสิทธิ์วิจารณ์การแข่งขันด้านการต่อสู้ได้อย่างไรกัน?”

ซ่งหวายี่ผิดใจอาต๋าไม่ได้ แต่ยิ่งไม่ยินยอมล่วงเกินหยางเฉิน ได้เพียงหัวเราะตอบไป “พี่ต๋า อย่าโมโหไปเลย เพื่อนของผมไม่มีเจตนาร้าย”

ฟังซ่งหวายี่พูดแบบนี้ อาต๋าก็ไม่ง่ายจะต่อต้านหยางเฉิน เพียงแค่มองหยางเฉินแบบเย็นชาแล้วพูดว่า “รอเดี๋ยว ฉันจะใช้ความสามารถตบหน้านายให้ดู”

หยางเฉินหัวเราะอย่างจำใจ “งั้นฉันรอนายตบหน้าฉันอยู่”

“เหอะ!”

ซ่งหวาหย่าพูดแบบโมโห “ไม่เจียมตัว!”

มองเห็นซ่งหวายี่ยักคิ้วขึ้น เธอรีบหุบปากทันที

“คุณหยาง น้องสาวผมก็เป็นแบบนี้ อารมณ์ไม่ดี คุณอย่าถือสาหล่อนเลยครับ”

ซ่งหวายี่ไม่สบายใจเท่าไร รีบอธิบายทางหยางเฉินอีกครั้ง

หยางเฉินหัวเราะเล็กน้อยส่ายหน้าแล้ว “ไม่เป็นไร!”

ซ่งหวาหย่าดูขึ้นมาก็อายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ เดาว่าเพิ่งออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย รูปร่างสูงเพรียวมาก หน้าตาก็งดงามละเอียดอ่อนมากด้วย บุคคลสวยงามที่มีลักษณะเฉพาะตัว

ผู้หญิงแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรถูกผู้ชายตามยกยอปอปั้นจนชิน เดิมเจ้าตัวเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐี ย่อมหยิ่งยโสเป็นธรรมดา

หยางเฉินไม่โกรธเด็กสาวแบบนี้แน่นอน

ใครจะรู้ว่าการขอโทษของซ่งหวายี่ ทำให้ซ่งหวาหย่าเห็นหยางเฉินเป็นศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าสายตาสามารถทำร้ายคนได้ หยางเฉินคงบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่แรกแล้ว

“คนของซ่งหวาตง!”

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นซ่งหวายี่มองทางเวทีมวยด้วยท่าทางเคร่งขรึมพูดขึ้น

ซ่งหวาหย่าพอได้ยิน ก็กังวลขึ้นมาอย่างมากเหมือนกัน พูดกับอาต๋าที่อยู่ข้างกายว่า “อาต๋า ชายกำยำหัวล้านที่เพิ่งเดินขึ้นเวทีมวยคนนั้น คือหนึ่งในคู่ต่อสู้คืนนี้ของคุณ คุณระมัดระวังไว้”

“ได้ครับ!”

อาต๋าไม่กล้าประมาท สายตามองทางเวทีมวยแล้ว

ชั่วพริบตาเดียว การแข่งขันต่อสู้ของรอบนี้เริ่มต้นขึ้น

คนของซ่งหวาตงคือไอ้หัวโล้น อีกคนหนึ่งคือไอ้หน้าบาก

ไม่ว่าจะเป็นไอ้หัวโล้น หรือไอ้หน้าบาก ล้วนเปลือยท่อนบนอยู่ ร่างกายที่สูงใหญ่ ดูขึ้นมาเหมือนเต็มไปด้วยพลัง ลักษณะกล้ามเนื้อนูนสูงขึ้นมา มีผลกระทบต่อการมองมากๆ

ชั่วขณะที่การแข่งขันเริ่มต้นนั้น ไอ้หัวโล้นพุ่งไปทางไอ้หน้าบากก่อนแล้ว ระดับความเร็วน่าตกใจมาก

ทุกคนเพียงรู้สึกว่าตรงหน้าลายตา ไอ้หัวโล้นพุ่งมาถึงตรงหน้าของไอ้หน้าบาก ยกมือจะต่อยเข้าไปหมัดหนึ่ง

มุมปากไอ้หน้าบากวาดรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น ขยับเท้าข้างหนึ่ง หมัดเหล็กของไอ้หัวโล้น แทบจะควงเข้าไปติดผมของไอ้หน้าบาก

ในขณะเดียวกัน ไอ้หน้าบากกระทุ้งศอกไปยังไอ้หัวโล้น

การเคลื่อนไหวของไอ้หัวโล้นฉับไวอย่างมาก เหมือนมีการคาดการณ์ล่วงหน้าแต่แรก ชั่วพริบตาที่หมัดตกลง ถีบพื้นอย่างแรง ร่างกายวาร์ปออกมา

การโจมตีของไอ้หน้าบากตกลงมาโดยตรง

บรรยากาศทั้งงานในวินาทีนี้เดือดพล่านขึ้นมา

ช่วงเวลาพริบตาเดียว ทั้งสองคนระเบิดท่าไม้ตายเฉพาะตัวออกมา แต่ใครก็โจมตีใครไม่ได้ทั้งนั้น

ถึงแม้จะเป็นหยางเฉิน ยังต้องยอมรับว่า ทั้งสองคนบนเวทีมวย การแสดงออกสะดุดตามาก การเคลื่อนไหวว่องไว เป็นนักฆ่าโดยแท้เสียจริง

ไม่เสียแรงที่เป็นการแข่งขันต่อสู้ที่รวบรวมผู้แข็งแกร่งชั้นนำสารพัดมาไว้ ที่แท้ปกปิดพรสวรรค์เอาไว้

สำหรับเจ้าของเบื้องหลังที่คลับหวงจิน หยางเฉินยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา

สามารถสร้างคลับหวงจินแบบนี้ภายใต้สายตาของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้ และสามารถดึงดูดการมาเยือนของบริษัทใหญ่ทั่วโลกได้ จะเป็นอิทธิพลทั่วไปได้อย่างไร?

“แกร่งมาก!”

ซ่งหวาหย่าทำหน้าอึ้งทึ่ง ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจการต่อสู้ แต่การแสดงของสองคนบนเวทีมวย เกินกว่าการคาดการณ์ของเธอแล้ว

สีหน้าซ่งหวายี่ก็เคร่งขรึมมากเหมือนกัน การแสดงออกของไอ้หัวโล้นยิ่งสะดุดตา สำหรับสถานการณ์ที่เขาเผชิญนั้น ยิ่งไม่ดี

“คุณชายยี่กับคุณหนูเสี่ยวหย่าวางใจได้ครับ สองคนบนเวทีมวยเพียงแค่การเคลื่อนไหวว่องไวเท่านั้น อยู่ต่อหน้าพลังที่เด็ดขาด พวกเขามีแต่พ่ายแพ้!”

เหมือนว่าอาต๋าพอใจต่อพลังของตนเองมาก พูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

ฟังอาต๋าพูดแบบนี้ ความกังวลบนหน้าของซ่งหวายี่และซ่งหวาหย่าถึงหายไปส่วนหนึ่ง

“อาต๋า ฉันเชื่อใจคุณ คุณต้องช่วยพวกเราสู้ชนะผู้แข็งแกร่งของอีกสองกลุ่มได้แน่!” ซ่งหวาหย่าพูดให้กำลังใจ

หยางเฉินรู้สึกเพียงน่าตลกอยู่บ้าง ส่ายหน้าอย่างจำใจ

อาต๋าเห็นเพียงความรวดเร็วของสองคนบนเวทีมวยว่าไวมาก จะรู้ได้อย่างไรว่าพลังของฝ่ายตรงข้ามอ่อนกว่าเขา?

ดูจากเมื่อสักครู่ระดับความเร็วที่ทั้งสองระเบิดออกในชั่วพริบตาเดียว ไม่เพียงแค่เพราะความว่องไวของร่างกาย มากกว่านั้นคือแรงระเบิดฉับพลันด้วย

ถ้าไม่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ จะครอบครองแรงระเบิดที่แกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

อาต๋าไม่เพียงวิสัยทัศน์ไม่ยาวไกล ยังเป็นคนที่ยโสอวดดี และหลับหูหลับตามั่นใจในตัวเองคนหนึ่ง

“นายหัวเราะอะไร?”

หยางเฉินเพียงแค่หัวเราะแล้วส่ายหน้า นึกไม่ถึงจะโดนซ่งหวาหย่ามองเห็นเข้าแล้ว ชั่วขณะนั้นถามแบบท่าทางไม่พอใจ