บทที่ 579 สามสำนักร่วมมือ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 579 สามสำนักร่วมมือ

เป็นเรื่องที่น่าแปลกเนื่องจากเมื่อกลุ่มของหลิงตู้ฉิงได้เข้ามาในห้องโถงนี้โดยไม่ได้ซ่อนตัวอะไร เหล่าทาสรับใช้ที่หลอมโอสถอยู่กลับไม่สนใจอะไรพวกเขาเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าไม่เห็นพวกของหลิงตู้ฉิงมีตัวตนเลยด้วยซ้ำ

ในทางกลับกัน เหล่าคนของหลิงตู้ฉิงทุกคนกลับมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยตาเป็นประกาย หวังว่าผู้นำกลุ่มของพวกเขาจะอนุญาตให้หยิบเหล่าโอสถจากในห้องโถงนี้ได้สักที

หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่แล้ว พวกเจ้าทุกคนก็จงแยกย้ายกันไปเลือกหยิบเอาขวดโอสถมาคนละขวดเถอะ แต่สำหรับโอสถอะไรที่พวกเจ้าจะได้รับนั้นมันจะขึ้นอยู่กับโชคของพวกเจ้าแต่ละคน หากโชคร้ายพวกเจ้าก็อย่าได้โทษคนอื่น”

เมื่อมู่หลงหยานได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงเช่นนี้ นางก็รีบพุ่งตัวไปไปคว้าเอาขวดโอสถที่อยู่บนชั้นวางใกล้ ๆ ทันที

อันที่จริงแล้ว นางแทบจะอดกลั้นความอยากของตัวเองไม่ไหวเช่นกัน การที่นางได้เดินผ่านกองสมบัติมากมายแต่ไม่สามารถหยิบอะไรมาครอบครองได้สักอย่างมันทำให้นางอยากจะคลั่ง

ด้วยความเชื่อใจที่นางมีต่อหลิงตู้ฉิง นางจึงอดกลั้นเอาไว้และไม่ยอมหยิบฉวยอะไรไปสักอย่าง

แต่แล้วในเมื่อตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับเอ่ยอนุญาตให้ทุกคนหยิบโอสถได้ นางเองก็ไม่รักษามารยาทอะไรอีกต่อไปแล้ว!

เมื่อคว้าขวดโอสถได้ มู่หลงหยานก็เปิดขวดดูโอสถที่อยู่ข้างในทันที จากนั้นนางก็อดสำรวมไม่ไหวและตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ “ขวดของข้ามีโอสถสงบวิญญาณอยู่เต็มไปหมดเลย!!”

ในขวดที่นางถือมันมีโอสถสงบวิญญาณอยู่ราว ๆ 70-80 เม็ดด้วยกัน ซึ่งมันถือว่านางนั้นมีโชคดีเป็นอย่างมาก

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าขอให้คำแนะนำอะไรเจ้าสักหน่อย หากมีใครให้อะไรกับเจ้ามากเกินไป เจ้าไม่ควรจะรับมันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหากเจ้าเผชิญกับปัญหาที่จะเกิดในภายหลังตามมาเจ้าก็อย่าได้โทษคนอื่น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หลงหยานก็ได้แต่ทำหน้างุนงงไม่เข้าใจในความหมายที่หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น แต่ไม่ว่าจะยังไงนางก็ยังคงจดจำคำพูดนี้ของหลิงตู้ฉิงเอาไว้เช่นกัน

“สามีท่านช่วยดูให้หน่อยว่าโอสถที่ข้าได้มามันคืออะไร?” เย่ชิงเฉิงได้เลือกขวดโอสถมาแล้วแต่เมื่อนางเปิดดูโอสถข้างในนางกลับไม่คุ้นตากับมันเลย นางจึงเดินมาหาหลิงตู้ฉิงเพื่อถาม

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “โอสถที่เจ้าได้รับมามันคือโอสถกำเนิดเต๋า”

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ต่างรู้สึกตกตะลึงทันทีและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “มันคือโอสถกำเนิดเต๋าจริง ๆ งั้นเหรอ? มันใช่โอสถที่สามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างมหาวิถีเต๋าของตนเองได้ใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้ายืนยันข้อสงสัยของทุกคน

“นี่โชคของข้ามันจะดีเกินไปหน่อยไหม?” เย่ชิงเฉิงหัวเราะคิกคัก “ท่านแม่ข้าจะแบ่งมันให้กับท่านสักเม็ดสองเม็ดท่านจะเอาไหม? ในขวดนี้มันมีอยู่ตั้งเป็นสิบเม็ดแน่ะ!”

มู่หลงหยานเกือบที่จะตอบตกลงรับมันเอาไว้ แต่เมื่อนางนึกถึงคำพูดของหลิงตู้ฉิงที่เพิ่งเอ่ยกับนาง นางก็ฝืนยิ้มพลางส่ายหัวและตอบกลับไปว่า “เจ้าเก็บเอาไว้เถอะลูกแม่”

ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่านางจะต้องเจอกับปัญหาอะไรหากนางรับมันมา แต่ที่ผ่านมาหลิงตู้ฉิงก็ได้พิสูจน์ตัวเองไปมากมายแล้วว่าสิ่งที่เขาเอ่ยขึ้นแต่ละอย่างมันล้วนถูกต้อง ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องเชื่อในคำพูดของเขา หากนางไม่อยากสร้างปัญหาให้กับตัวเอง

เย่ชิงเฉิงเองก็จำคำพูดของหลิงตู้ฉิงได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อนางเห็นแม่ของนางปฏิเสธ นางจึงไม่รบเร้าอะไรเช่นกันและเก็บโอสถที่นางได้รับมาลงไปในแหวนมิติ

ในความคิดของนาง หากพ่อแม่ของนางต้องการใช้มันจริง ๆ นางก็คงสามารถให้โอสถเหล่านี้กับพ่อแม่ของนางได้ในอนาคตใช่ไหม?

หลังจากนั้นคนที่เหลือต่างก็เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง เพื่อให้ตรวจสอบดูว่าโอสถที่พวกเขาได้มามันคือโอสถอะไรกันบ้าง

น่าเสียดายที่โอสถที่คนอื่น ๆ ได้รับมานั้นไม่มีโอสถไหนที่มีมูลค่าเหนือกว่าโอสถกำเนิดเต๋า

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนได้รับโอสถกันครบหมดแล้วก็ไปกันต่อเถอะ!” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่ง

“นายท่าน แล้วท่านไม่คิดจะหยิบไปบ้างสักขวดเหรอ?” เปียนเฉียวเฉียวเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

เมื่อครู่โชคของนางเองก็ดีมากเช่นกันเนื่องจากว่าโอสถที่นางได้รับมามันคือโอสถกำหนดเต๋า

หลิงตู้ฉิงยิ้มพร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “ข้ายังไม่ต้องการอะไรในตอนนี้”

หลังจากที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงออกจากห้องหลอมโอสถ ผู้คนกลุ่มอื่น ๆ ก็เริ่มเดินเข้ามาในห้องหลอมโอสถเช่นกัน

“ในที่สุดพวกเราก็เจอลาภก้อนใหญ่!” จิ๋นฉีฮ่าวหัวเราะเหมือนคนบ้า

ฟานหู่พยักหน้าด้วยสีหน้าพึงพอใจและพูดว่า “ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอขุมสมบัติสักที สหายเย่ เอาแบบนี้ไหมพวกเราสามสำนักมาแบ่งพวกมันเท่า ๆ กันดีไหม?”

ทั้งสามสำนักเข้ามาในห้องนี้พร้อม ๆ กัน ซึ่งถ้าหากพวกเขาทะเลาะกันตอนนี้มันจะมีแต่ผลเสีย เนื่องจากมันยังมีอีกหลายพื้นที่ที่พวกเขายังไม่สำรวจและมันจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามสำนักมองหน้ากันไม่ติดในอนาคต

เมื่อทั้งสามสำนักต่างตัดสินใจกันเองเรียบร้อย บรรดาผู้คนจากสำนักอื่น ๆ ที่ตามเข้ามาเช่นกันต่างก็ไม่พอใจทันที

“นี่พวกท่านสามสำนักแบ่งกันเองเรียบร้อยแบบนี้แล้วมันจะเหลืออะไรมาถึงพวกเราล่ะ?”

บรรดาสำนักอื่น ๆ ต่างรวมกลุ่มเป็นพวกเดียวกันทันที พวกเขารู้เป็นอย่างดีว่าถ้าพวกเขาไม่รวมกลุ่มกันพวกเขาไม่มีทางต่อกรกับสำนักมหาอำนาจทั้งสามได้แน่นอน

ดั้งนั้นต่อให้พวกเขาจะอ่อนแอกว่า แต่เมื่อพวกเขารวมกลุ่มกันแล้วกำลังรบของพวกเขาก็ไม่อาจดูถูกได้เช่นกัน

หยูชี่หลงถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกเจ้าไม่พอใจงั้นเหรอ?”

เมื่อพูดจบ หยูชี่หลงก็สะบัดมือเรียกเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาถือไว้ในมือทันทีพร้อมกับกวาดตามองไปที่กลุ่มคนของสำนักต่าง ๆ ด้วยสายตาเย็นชา

เขาคือคนของสำนักมหาอำนาจที่เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อบุกเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจะไม่เตรียมตัวให้พร้อมได้อย่างไร?

เมื่อหยูชี่หลงแสดงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมาแล้ว ทางด้านของสำนักเบญจธาตุและสำนักสวรรค์สัประยุทธ์ก็หยิบเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักตนเองแสดงขึ้นมาเช่นกัน

เมื่อคนจากสำนักอื่น ๆ เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชิ้นของฝั่งตรงข้าม พวกเขาก็เงียบลงทันที

ฝั่งตรงข้ามมีทั้งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิและอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่จำนวนมากขนาดนี้พวกเขาจะไปต่อกรอะไรด้วยได้?

“พวกเราไปเสี่ยงโชคที่อื่นกันเถอะ!”

หลายคนที่เห็นแล้วว่าพวกเขาคงไม่ได้รับอะไรจากห้องหลอมโอสถแน่นอนต่างก็พากันเดินแยกย้ายไปสำรวจพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ต่อ

หยูชี่หลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยัน “ข้าก็นึกว่าจะแน่! เอาล่ะพวกเราแยกย้ายกันเก็บโอสถเหล่านี้กันเถอะ จากนั้นพวกเราสามสำนักค่อยมาแบ่งมันเท่า ๆ กัน!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง ทุกคนของทั้งสามสำนักก็แยกย้ายกันไปคว้าเอาขวดโอสถที่อยู่บนชั้นวางทันที โดยเฉพาะที่ตอนที่มีคนพบว่าตัวเองได้รับโอสถกำหนดเต๋านั้น คนของทั้งสามสำนักต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกันมากขึ้นไปอีก

บางคนถึงขนาดกลืนโอสถที่ตัวเองเจอทันทีและนั่งลงบ่มเพาะตรงจุดนั้นเลยก็มี

มีแต่เย่เจียงไห่เท่านั้นที่ไม่คว้าเอาโอสถมาเลยสักขวด เขากลับยืนมองไปรอบ ๆ พร้อมกับเกาหัวและบ่นขึ้นว่า “นี่มันเป็นไปได้ยังไงที่มันไม่มีพริกหยกเพลิงเจ็ดสีอยู่ที่นี่เลยสักเม็ด?”

ในตอนที่เขาอยู่ที่ทุ่งสมุนไพร เขาเองก็พยายามหาพริกหยกเพลิงเจ็ดสีจนทั่วทั้งทุ่งสมุนไพรแล้ว ซึ่งเขาก็หามันไม่เจอสักเม็ด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกหดหู่และสัมผัสได้ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเขาแน่ ๆ

เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่ในตอนนี้มันเหมือนมีความรู้สึกลึก ๆ แปลก ๆ อะไรบางอย่างที่พยายามกระตุ้นเขาให้หาพริกหยกเพลิงเจ็ดสีให้เจอไว ๆ เพื่อนำไปให้กับหลิงตู้ฉิง

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในตอนนี้เขาได้พาคนของเขามาถึงอีกห้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปและเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน หลิงตู้ฉิงก็เอ่ยขึ้นว่า “ห้องโถงนี้มันคือห้องที่ผู้คนในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนไว้ใช้สำหรับเก็บตัวฝึกฝนเคล็ดวิชา”

ทุกคนต่างมองไปยังสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในห้องโถงนี้ ซึ่งมันเหมือนกับเมืองขนาดย่อม ๆ มันมีห้องเล็ก ๆ สี่เหลี่ยมมากมายถูกสร้างเรียงกันอยู่เต็มห้องโถงไปหมด

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนสามารถเข้าไปในห้องฝึกแต่ละห้องได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในห้องที่พวกเจ้าเข้าไป พวกเจ้าสามารถหยิบมันออกมาได้ทั้งหมด! แต่ก็เช่นเดิมทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับโชคของพวกเจ้าอีกเช่นกัน หากพวกเจ้าโชคไม่ดี พวกเจ้าก็จะไม่ได้อะไรจากที่แห่งนี้เลย!”