บทที่ 432 ทำไมหล่อนถึงไม่โชคดีอย่างนี้บ้าง?

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 432 ทำไมหล่อนถึงไม่โชคดีอย่างนี้บ้าง?

“ไม่แปลกหรอกจ้ะที่หู่จือจะไม่รู้อะไร พวกเราไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้เขาฟังเลย” คุณป้าหม่ากล่าว

แม้ว่าจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่ก็จะเป็นเหล่ากลุ่มหญิงชราในละแวกนี้ที่คุยกัน หู่จือทำงานและไปเรียนที่โรงเรียนภาคค่ำทุกวัน เขาจะไปรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?

ถึงอย่างนั้นก็สมควรแล้วที่จะเรียกบ้านตระกูลจางว่าเป็นพวกเน่าเฟะ ต้องการที่จะล่อลวงคนที่ซื่อสัตย์!

จางเหมยเหลียน ผู้ต้องการจะหลอกลวงคนใสซื่อยังไม่ยอมละความพยายาม

การที่หู่จือปฏิเสธหล่อนอย่างตรงไปตรงมานั้นทำให้จางเหมยเหลียนแทบทรุด หล่อนเป็นถึงสาวชาวปักกิ่งที่มีเกียรติ ลำพังแค่ใบทะเบียนบ้านในเมืองหลวงเพียงอย่างเดียวก็มีคนอีกตั้งเท่าไหร่ที่ใฝ่ฝันถึง?

หล่อนเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหา แต่เขายังจะปฏิเสธอีก

จางเหมยเหลียนมาหาสวี่เชิ่งเหม่ยเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากวันนั้นแล้ว พวกหล่อนก็ได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง

สวี่เชิ่งเหมยรู้ความมากกว่าหู่จืออย่างชัดเจน เพราะสวี่เชิ่งเหม่ยให้ความสำคัญกับหล่อนมาก ซึ่งนี่ทำให้จางเหมยเหลียนรู้สึกพอใจ

ดังนั้น จางเหมยเหลียนจึงมาหาหล่อนที่นี่

แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางมาเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ที่อยู่บ้านตระกูลจ้าวก็สามารถหาได้ง่ายมาก

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือให้สวี่เชิ่งเหม่ยยอมช่วยหล่อน เหตุผลที่หล่อนมาหาสวี่เชิ่งเหม่ยก็เพราะต้องการให้สวี่เชิ่งเหม่ยช่วยเกลี้ยกล่อมหู่จือ

“เฮ้ คุณคือสามีของเชิ่งเหม่ยใช่ไหมคะ?” นี่ถือเป็นโชคชะตาเช่นกัน หลังลงจากรถประจำทางแล้ว ยังไม่ทันที่จะได้สอบถามเส้นทางไป หล่อนก็เห็นจ้าวจวินกำลังถือถุงตาข่ายแอปเปิลเดินกลับบ้าน

จ้าวจวินเคยไปที่ตึกอะพาร์ตเมนต์มาก่อน จางเหมยเหลียนเคยเห็นเขาจากตอนนั้น ดังนั้นหล่อนจึงจำเขาได้

“คุณคือ?” จ้าวจวินจำหล่อนไม่ได้จึงเอ่ยถาม ปฏิกิริยาแรกคือผู้หญิงคนนี้เป็นอดีตสาวคนไหนของเขาหรือเปล่านะ?

“ฉันเป็นเพื่อนบ้านในตึกอะพาร์ตเมนต์ของครอบครัวโจวค่ะ ฉันชื่อจางเหมยเหลียนนะคะ” จางเหมยเหลียนแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มให้

“คุณมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” จ้าวจวินเห็นว่าหล่อนดูดีจึงเอ่ยถามตะกุกตะกัก

“ฉันมาหาสวี่เชิ่งเหม่ยน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ตรงไหน คุณพอจะช่วยบอกทางฉันได้ไหมคะ?” จางเหมยเหลียนบอกอย่างขัดเขิน

ท่าทางเช่นนี้ทำให้จ้าวจวินหันไปมองหล่อนเป็นครั้งที่สอง เขาพยักหน้า “ตามมาสิครับ”

จางเหม่ยเหลียนเคยได้ยินมาว่าครอบครัวจ้าวร่ำรวย ต่อเมื่อหล่อนได้มาที่นี่แล้วเท่านั้น จึงรู้ว่าครอบครัวจ้าวร่ำรวยมากอย่างแท้จริง

พวกเขามีบ้านหลังใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ด้านในก็กว้างขวางมาก แถมยังจ้างแม่บ้านไว้อีกด้วย ทำไมสวี่เชิ่งเหม่ยที่มาจากชนบทถึงสามารถแต่งเข้ามาในครอบครัวแบบนี้ได้นะ?

แค่คนต่างถิ่นโกโรโกโสจากบ้านนอก หน้าตาก็แสนจะจืดชืด ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย!

ถึงแม้หล่อนจะคิดแบบนี้อยู่ในใจ แต่เมื่อเห็นสวี่เชิ่งเหม่ย หล่อนก็ส่งยิ้มสดใสให้

สวี่เชิ่งเหม่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจางเหมยเหลียน หล่อนไม่คิดว่าจางเหมยเหลียนจะมาหาหล่อนจริง ๆ ตอนนี้หล่อนกำลังว่างอยู่พอดี ดังนั้นจึงพาจางเหม่ยเหลียนออกไปข้างนอก

“คุณเลือกแต่งงานกับครอบครัวที่ดีจริงๆ นะคะ ครอบครัวจ้าวดูเป็นครอบครัวที่รวยมาก คุณช่างโชคดีจริง ๆ” จางเหมยเหลียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอิจฉา

คนที่มาจากบ้านนอกกลับโชคดีได้มีชีวิตที่ดีแบบนี้ ทำไมหล่อนถึงไม่ได้บ้างล่ะ? หล่อนเป็นหญิงสาวจากปักกิ่งนะ!

สวี่เชิ่งเหม่ยรู้สึกภูมิใจเมื่อได้รับการยกยอ

ไม่ว่าคุณยาย คุณน้า และคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรก็ตาม หล่อนก็ได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวจ้าวนั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุดในย่านนี้ และย่านนี้ก็เป็นที่อยู่ของคนรวยทั้งหมด

ถ้าหล่อนไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่างแล้ว หล่อนจะสามารถแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ได้หรือ? จะมีชีวิตแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้อย่างไรกัน?

“ทำไมวันนี้เธอถึงมาหาฉันได้ล่ะจ๊ะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยถาม

“วันนี้ฉันหยุดงานน่ะค่ะ ก็เลยไปหาหู่จือจะชวนไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้วยกัน แต่ใครจะไปคิดว่าหู่จือจะร้ายกาจถึงขนาดนี้!” จางเหมยเหลียนอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาอย่างเจ็บช้ำ

คำขอร้องของหล่อนเป็นเรื่องที่เรียบง่ายถึงขนาดนั้น แต่หู่จือก็ยังปฏิเสธอีก นี่ทำให้หล่อนรู้สึกรับไม่ได้

เมื่อหล่อนพูดจบ สวี่เชิ่งเหม่ยก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเช่นกัน

หู่จือปฏิเสธจางเหมยเหลียนงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ที่หู่จือจะรู้เรื่องเกี่ยวกับจางเหมยเหลียนนี่นา?

เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะจากนิสัยของคนในครอบครัวโจวแล้ว พวกเขาจะไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดกัน

“อย่าเพิ่งกังวลใจไปเลยจ้ะ ฉันจะไปถามให้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้สึกว่าหู่จือชอบเธอนะ เธอสวยออกขนาดนี้ ถ้าเธอต้องการจะแต่งงานกับคนที่ดีกว่านี้ก็สามารถทำได้อย่างสบาย ๆ แต่เธอกลับเต็มใจจะแต่งงานกับหู่จือ นี่นับว่าเป็นโชคดีของหู่จือแล้วละ” สวี่เชิ่งเหม่ยให้ความมั่นใจ

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมเขาถึงได้ปฏิเสธฉันล่ะคะ?” จางเหมยเหลียนถามกลับ

“ฉันต้องไปถามหาสาเหตุให้ก่อน แต่ฉันคิดว่าหู่จือคงรู้สึกมีปมด้อยอยู่นิดหน่อย น่าจะกลัวว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ ก็เลยไม่กล้าคบหากับเธอน่ะจ้ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยบอก

นี่คือเหตุผลว่าทำไมจางเหมยเหลียนถึงได้มาหาสวี่เชิ่งเหม่ย หล่อนเป็นคนมีวาทศิลป์และคำพูดของหล่อนก็ฟังแล้วเข้าหู

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรถึงเขาเลย แล้วจะมีความรู้สึกต่ำต้อยจากตรงไหนกันคะ?” จางเหมยเหลียนบ่นอุบอิบ

“เธอมีทะเบียนบ้านอยู่ในปักกิ่งนะ เธอรู้ไหมว่าทะเบียนบ้านของทางนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขนาดไหนกัน ในขณะที่เขามีทะเบียนของชนบท การโอนย้ายทะเบียนบ้านมันง่ายดายขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะจ๊ะ? ถ้ามีเงินไม่ถึง 2,000-3,000 หยวนแล้วละก็อย่าได้แม้แต่จะคิดในเรื่องนี้เลย เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรน่ะสิ” สวี่เชิ่งเหม่ยอธิบาย

จางเหมยเหลียนรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างจึงกล่าวว่า “ฉันไม่ใส่ใจเรื่องทะเบียนบ้านที่ชนบทของเขาหรอกค่ะ คุณช่วยฉันถามหน่อยได้ไหมคะว่าเขามีความคิดเห็นยังไง?”

“วันนี้ฉันไม่ว่างน่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยขบริมฝีปาก “พรุ่งนี้ฉันจะไปถามให้เธอแล้วกันนะจ๊ะ?”

“ค่ะ” จางเหมยเหลียนผงกศีรษะรับ “คุณจะไม่เชิญฉันเข้าไปนั่งในบ้านจ้าวหน่อยเหรอคะ? ฉันไม่เคยเห็นบ้านที่ใหญ่โตขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ คุณเลือกแต่งงานได้ดีจริง ๆ เลยนะคะ”

“ถ้าเธอได้แต่งกับหู่จือก็ไม่ได้แย่อะไรนี่จ๊ะ ในอนาคตหู่จือก็จะออกไปทำธุรกิจเองตามลำพังด้วย” สวี่เชิ่งเหม่ยยิ้ม

จางเหมยเหลียนไม่คิดเช่นนั้น แม้ว่าหู่จือจะออกไปทำธุรกิจเองตามลำพังคนเดียวจริง ๆ ในอนาคตข้างหน้า แต่เขาจะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตถึงขนาดนี้ได้หรือ?

สวี่เชิ่งเหม่ยพาหล่อนกลับมาที่บ้าน จ้าวจวินกำลังดูทีวีอยู่ ส่วนคนอื่นก็ไปทำงานที่โรงงานกันและยังไม่มีใครกลับบ้าน

จางเหมยเหลียนมานั่งอยู่ในบ้านของจ้าวจวินนานกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับออกไป

ระหว่างทางกลับ หล่อนอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า ถ้าหล่อนสามารถแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวเช่นนี้ได้ มันจะดีสักแค่ไหนกันนะ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหล่อนได้ยินสวี่เชิ่งเหม่ยกับจ้าวจวินกำลังคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการซื้อรถ รถยนต์เป็นสินค้าระดับหรูหราประเภทไหนกันเล่า?

แต่ก็นั่นแหละ ครอบครัวจ้าวค่อนข้างจะร่ำรวย ถึงแม้ก่อนหน้านี้ครอบครัวจ้าวจะไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงาน ทว่าตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ครึ่งหนึ่งของโรงงานก็เป็นของครอบครัวจ้าวแล้วเรียบร้อย

รายได้ของครอบครัวจ้าวไม่ได้น้อย ๆ เลย เพราะธุรกิจก็ไปได้ดีมากด้วย

พวกเขาสามารถซื้อรถยนต์ได้

จางเหมยเหลียนรู้สึกอิจฉาอย่างมาก ทำไมหล่อนถึงไม่โชคดีอย่างนี้บ้างนะ? อะไรที่ทำให้จ้าวจวินตกหลุมรักสวี่เชิ่งเหม่ย? หน้าตาหล่อนก็ไม่ได้แย่ไปกว่าสวี่เชิ่งเหม่ยเสียหน่อย?

เช้าวันรุ่งขึ้น สวี่เชิ่งเหม่ยก็มาหาหู่จือ

หู่จือคิดว่าหล่อนมาหาเขาเพราะมีธุระบางอย่าง พอได้ยินว่าหล่อนมาสอบถามให้จางเหมยเหลียน หู่จือก็คิ้วขมวด “พี่เชิ่งเหม่ย อย่าปล่อยให้หล่อนมาหลอกพี่ได้นะครับ ผมได้ยินเรื่องที่หล่อนเคยทำมาแล้ว!”

เขาคิดว่าสวี่เชิ่งเหม่ยไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

ในใจของสวี่เชิ่งเหม่ยเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที เป็นอย่างที่หล่อนคิดจริง ๆ หล่อนจึงทำทีอยากรู้อยากเห็นแล้วถามขึ้นว่า “หล่อนทำอะไรเหรอ? หล่อนถึงกับวิ่งไปร้องไห้กับพี่เลยนะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหล่อนหรอกครับ อย่างไรเสียพี่ก็อยู่คนละเส้นทางกับคนอย่างหล่อนอยู่แล้ว” หู่จือโบกมือ

เขาไม่สามารถเอ่ยปากพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาได้ เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนเป็นแบบนี้มาก่อนเลย หล่อนยังมีหน้าไปร้องไห้กับสวี่เชิ่งเหม่ยญาติผู้พี่ของเขาอีก นี่หล่อนปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็นคนโง่จริง ๆ หรือนี่?

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อุบายของเธอใช้ไม่ได้ผลกับหู่จือแล้วล่ะเชิ่งเหม่ย เขาโดนแม่เบิกเนตรให้แล้ว เชิญแบกหน้าสวย ๆ ของเธอกลับบ้านไปเถอะจ้ะ

ถ้าเชิ่งเหม่ยได้ยินความคิดของเหมยเหลียนเข้าจะเป็นอย่างไรนะ น่าจะบันเทิงไม่น้อย ขอบคุณเหมยเหลียนนะคะที่ด่าเชิ่งเหม่ยแทนผู้แปลไปแล้ว

ไหหม่า (海馬)