บทที่ 1757 ตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1757 ตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย

 

“ฟางหยวน เจ้าช่างกล้าหาญนัก เจ้าทั้งโง่เขลาและกล้าหาญเกินไป! เจ้าคิดร้ายต่อข้าในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาข้าจะทําให้เจ้าเข้าใจว่าความผิดของเจ้าร้ายแรงเพียงใด!”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความโกรธ เขาเหมือนภูเขาไฟที่กําลังจะระเบิด

 

แต่ในวินาทีต่อมา การเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับหยุดลงอย่างกะทันหันความโกรธบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นความตกใจ

 

“เหตุใดข้าจึงไม่สามารถขยับร่างกาย? การเชื่อมต่อของข้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเกือบถูกตัดขาด!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง

 

ฟางหยวนยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

 

ฟางหยวนต้องการยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาตั้งแต่แรก

 

ผ่านไปหลายปีในที่สุดความคิดนี้ก็เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้และออกดอกออกผลพร้อมเก็บเกี่ยว

 

ฟางหยวนมองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและกล่าวด้วยความมั่นใจ “ไร้ประโยชน์ เจ้าไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างเราเลย”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่เขาเหมือนมดที่ถูกภูเขากดทับ

 

เขาพยายามอย่างหนักแต่พบว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ตรงข้าม เขาถูกกดขี่มากขึ้นเรื่อยๆ

 

“เป็นไปไม่ได้!” เขามองฟางหยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

ฟางหยวนยิ้ม “ดูเหมือนเจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเราแล้ว”

 

ความแตกต่างดังกล่าวก็คือความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนเหนือกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา!

 

ในชีวิตก่อนหน้า ความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวทําให้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาบรรลุระดับถึงปรมาจารย์สูงสุด สําหรับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามันเป็นเพียงเจตจํานงของบรรพชนผมยาว แม้มันจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ไม่ธรรมดาแต่มันยังห่างไกลจากระดับถึงปรมาจารย์สูงสุด

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลระดับสามัญขณะที่ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล

 

สิ่งสําคัญที่สุดคือฟางหยวนมีความชํานาญและประสบการณ์ในการจัดตั้งค่ายกล เขาสามารถดัดแปลงมันได้ตามความต้องการ

 

“สมกับเป็นเจ้า ฟางหยวน! เจ้าเป็นจักรพรรดิปีศาจที่แท้จริง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากําหมัดแน่น ใบหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยว ดวงตาของเขาแทบสามารถพ่นไฟออกมา

 

เขากัดฟันกล่าว “นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผ่นการของเจ้า! เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมีข้อบกพร่องแต่ข้าไม่สังเกตเห็น ปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการหลอมรวมวิญญญาณ เจ้าฉวยโอกาสนี้สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะและหลอกให้ข้าเข้ามา แท้จริงแล้วมันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่อ้างอิงมาจากท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตใช่หรือไม่?”

 

“นี่หมายความว่าทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือดถูกใช้เพื่อสิ่งนี้!”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความมั่นใจขณะที่อารมณ์ของเขาเริ่มสงบลง

 

ฟางหยวนไม่ตอบ การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มขมวดคิ้ว เขามองเห็นรอยยิ้มในดวงตาของฟางหยวน

 

ความตื่นตระหนกพุ่งผ่านดวงตาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่เขารีบซ่อนมันอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าต้องใจเย็น ข้าไม่สามารถตื่นตระหนก ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นค่ายกลระดับสูงสุดของร่างหลัก ฟางหยวนจะเข้าใจมันในระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร? เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทํางาน ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดนี้จะถูกทําลาย เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะสามารถหลบหนี

 

“ตราบเท่าที่ข้าสามารถหลบหนี แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะถูกควบคุมโดยข้าอีกครั้ง ข้าจะสามารถกระจายข่าวของฟางหยวนพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะยืนอยู่เคียงข้างข้า!”

 

“เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะทําให้ฟางหยวนเสียใจ!”

 

“อา…”

 

“บัดซบ! เหตุใดข้าต้องตะโกนความคิดของตนเองออกมา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกอยากฆ่าตัวตาย

 

ฟางหยวนยิ้ม “อย่ากังวล เมื่อเจ้าสามารถคิดถึงสิ่งเหล่านี้ แล้วเหตุใดข้าจะไม่สามารถคิด?”

 

“อันใด!? เจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วงั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึงแต่แสร้งทําเป็นสงบ

 

เขาหัวเราะ “แม้เจ้าจะรู้แล้วอย่างไร? เจ้าเข้าใจค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้นั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนลูบจมูกของเขา “ความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ลึกซึ้งกว่าเจ้า แน่นอนว่ามันยังห่างไกลจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอีกครั้ง “ถูกต้อง เพียงรอก่อน ฟางหยวน เมื่อข้าออกไปข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงผลที่จะตามมาของการทรยศนิกายหลางหยาของข้า!”

 

แต่สิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารอคอยไม่เกิดขึ้น

 

หลังจากไม่นานค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดก็ยังมั่นคงและมีเสถียรภาพ

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารอคอยต่อไป แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาวก็ไม่เกิดความโกลาหลใดๆ นอกจากนี้ร่างกายของเขายังถูกย้อมด้วยแสงสีเลือด

 

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าทําสิ่งใดลงไป!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก

 

ฟางหยวนยิ้มแต่ไม่ตอบ

 

เขาเข้าใจค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้มากกว่าที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดเพราะเขามีประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้า

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนผมยาวในอดีต

 

ด้วยรากฐานในปัจจุบันของฟางหยวน มันยากที่เขาจะสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะในระดับเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตามการทําความเข้าใจมันเป็นอีกกรณีหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงฟางหยวนไม่ใช่ผู้สร้างผลงานศิลปะ แต่มันไม่ยากที่จะวิจารณ์ผลงานชิ้นนี้

 

เขาเป็นเพียงผู้เสพผลงาน เขาไม่สามารถทําความเข้าใจความลึกซึ้งของมันได้อย่างสมบูรณ์

 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะผมที่หกเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ไว้แล้ว

 

ด้วยความช่วยเหลือจากผมที่หก ฟางหยวนมั่นใจว่าค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาวจะไม่รบกวนค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดของเขา

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรู้ตัว ฟางหยวนวางแผนมาอย่าง พิถีพิถันเขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีก

 

โดยไม่มีทางเลือก จิตวิญญาณแผ่นดินหางหยาผมดําถูกแสงสีเลือดกัดเซาะจนหมดและต้องปล่อยให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวปรากฏตัวขึ้นเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์

 

แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวปรากฏขึ้น เขาถูกกดขี่โดยค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดทันที

 

“เจ้าปีศาจไร้ยางอาย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวถูกกดขี่และไม่สามารถขยับเขยอนเขาทําได้เพียงส่งเสียงออกมาเท่านั้น

 

เขาตําหนิฟางหยวนอย่างรุนแรง ฟางหยวน คนไร้ยางอาย คนเจ้าเล่ห์ คนเลว!”

 

“เจ้ามาถึงจุดนี้ได้เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาให้ความช่วยเหลือเจ้ามาตลอด!”

 

“ก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะ ข้าช่วยเจ้าไว้หลายครั้ง ในที่สุดเจ้าก็สามารถทําลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง!”

 

“เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าทําธุรกรรมกับเจ้า เจ้าได้รับหินวิญญาณอมตะจากการพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะให้ข้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของเจ้า!”

 

“ข้ายังช่วยเจ้าหลอมรวมวิญญาณอมตะนับครั้งไม่ถ้วน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนใดที่ไม่เคยช่วยเจ้าหลอมรวมวิญญาณ!”

 

“เมื่อเจ้าพบปัญหา เราให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะและวิญญาณอมตะเพื่อก้าวข้ามความยากลําบาก”

 

“ข้ามอบท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติให้เจ้ารวมถึงท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น”

 

“เจ้าต้องการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว เราก็ให้เจ้ายืมวิญญาณอมตะและวิธีการที่จําเป็น”

 

“เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ไปหูถูกโจมตี เราช่วยลดความสูญเสียให้เจ้า!”

 

“ข้าเลี้ยงดูวิญญาณสติปัญญาของเจ้าโดยใช้วิญญาณอายุยืนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

 

“เมื่อภูเขาตงฮันถูกฉกชิงไป ข้าชดเชยให้เจ้าตามข้อตกลงแม้เราจะต้องสูญเสียความหมายที่แท้จริงของร่างหลักก็ตาม!”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวทั้งโกรธและโศกเศร้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะกล่าวถ้อยคําเหล่านี้ออกมา

 

แตกต่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําที่เข้มแข็ง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวสนใจเพียงการหลอมรวมวิญญาณและพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นๆทั้งหมด

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําเป็นคนหัวรุนแรงขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวเป็นคนรักสงบ

 

“ฟางหยวน จิตสํานึกของเจ้าอยู่ที่ใด!”

 

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี แต่เจ้ากลับตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย!”

 

“เจ้าไม่สามารถท่องเที่ยวอยู่ที่โลกภายนอก แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังเป็นสถานที่หลบภัยให้กับเจ้า!”

 

“เจ้าเป็นมนุษย์แต่ข้ากับผมดํายังยอมรับเจ้า เราตั้งเจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกและมอบหมายหน้าที่สําคัญให้กับเจ้า เราปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะหนึ่งในพวกเรา!”

 

“แต่นี่คือวิธีการที่เจ้าปฏิบัติต่อพวกเรางั้นหรือ?”

 

“เจ้ารู้สึกผิดบ้างหรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องและร้องไห้

 

ฟางหยวนตอบอย่างไร้อารมณ์ “ไม่”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “…”

 

ผ่านไปชั่วครู่เขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “เจ้าทําเช่นนี้กับผู้มีพระคุณ สหาย และ ครอบครัวมโนธรรมของเจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยงั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนตอบ “ไม่ แท้จริงแล้วข้าค่อนข้างตื่นเต้น”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโกรธมาก เขาต้องการฉีกร่างของฟางหยวนออกเป็นชิ้นๆ “ฟางหยวน ปีศาจชั่ว เจ้าไร้ยางอายเกินไป!”

 

“เดรัจฉาน! สารเลว! วายร้าย! ไร้ยางอาย! มนุษย์! เจ้าจะไม่สามารถหัวเราะได้นานนัก!”

 

“คนเช่นเจ้าจะไม่ตายดี ข้าตาบอดจริงๆที่หลงเชื่อเจ้า! สวรรค์จะไม่ปล่อยเจ้าไป!”

 

“หากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าตั้งแต่แรกเห็น ข้าจะสับร่างเจ้าเป็นล้านชิ้นและเผาทําลายให้กลายเป็นจุล!”

 

“โอ้” ฟางหยวนยิ้มและส่ายศีรษะ “น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสนั้น”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นพูดไม่ออก เขาต้องการฉีกรอยยิ้มบนใบหน้าของฟางหยวนแต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหว

 

เขาทําได้เพียงสาปแช่งเพื่อระบายความโกรธเท่านั้น

 

แต่ต่อหน้าคนเช่นฟางหยวนที่ไม่มีความละอายใจหรือศีลธรรมใดๆ ความโกรธของจิต วิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไร้ความหมาย