บทที่ 2658 ข้าไม่เชื่อโชคชะตา!
“เธอสนใจแค่เยี่ยนเฉินงั้นสิ? น่าเสียดายที่ข้างกายเขามีหลานไว่หูอีกคนอยู่แล้ว เขาถนอมหล่อนเหมือนสมบัติล้ำค่า เมื่อกี้ตอนฉันพาเธอล่องหนเข้าไป เธอก็เห็นแล้วนี้ เขาดีกับหล่อนมาก แต่กลับซัดฝ่ามือใส่เธอโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย เกือบจะเอาชีวิตเธอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันปลูกสมุนไพรกำเนิดจิตที่มีเฉพาะในดาวจิ้งจอกครามของพวกเรา ตอนนี้เธอคงตายไปด้วยน้ำมือของเขาไปแล้ว!”
น้ำเสียงตวนมู่เหยี่ยนราบเรียบและเย็นชา
แพขนตาของสตรีนางนั้นสั่นไหวนิดๆ ดวงหน้าพริ้มเพราซีดขาวดุจหิมะ
“ข้ายังมีสหาย…”
“สหาย?”
ตวนมู่เหยี่ยนหัวเราะเยาะ
“นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่รู้ฐานะของเธอ ถ้าหากว่ารู้ฐานะของเธอแล้ว เธอคิดว่าพวกเขาจะยังเห็นเธอเป็นเพื่อนเหรอ? กลัวว่าจะอยากสับเธอให้เละเป็นเนื้อบดเสียมากกว่า! จิ้งจอกน้อย อย่าใสซื่อไปหน่อยเลย…”
“นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าสังหารปล้นชิงสร้างหายนะให้ที่นี่! ทำให้พวกเขามองชาวดาวจิ้งจอกครามเป็นสัตว์ร้ายเป็นตัวหายนะ! ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเจ้า!”
“ไว่หู โลกนี้เดิมทีผู้อ่อนแอก็ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว เป็นกฎการคัดสรรผู้อยู่รอดตามธรรมชาติ พวกเขาถูกสังหารปล้นชิงก็เป็นเพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป ความอ่อนแอคือบาปมหันต์…ก็เหมือนวัวเหมือนแกะที่ถูกพวกมนุษย์เชือดได้ตามใจชอบนั่นแหละ นั่นก็เป็นเพราะวัวกับแกะอ่อนแอ เกิดมาเพื่อถูกมนุษย์กดขี่ และในสายตาของพวกเราชาวดาวจิ้งจอกคราม คนของทวีปวิงเยวี่ยแห่งนี้ก็เป็นกลุ่มคนไร้อารยธรรม ไม่ต่างจากแกะจากวัว…”
“ไร้สาระ! เจ้าแค่หาเหตุแก้ตัวในการรุกรานเท่านั้น!”
“ไว่หู ดาวจิ้งจอกครามมีภัยธรรมชาติมากมาย ไม่เหมาะให้คนในเผ่าพันธุ์ของพวกเราอยู่อาศัย ดังนั้นจักรพรรดิจิ้งจอกครามถึงได้สั่งให้พวกฉันออกมาค้นหาสถานที่ๆ ที่เหมาะสำหรับอยู่อาศัย พุดอีกอย่างคือ พวกฉันล้วนทำตามที่ราชวงศ์สั่งการ เท่ากับทำเพื่อเธอด้วย เธอพูดจาแบบนี้ไม่แล้งน้ำใจเกินไปหน่อยเหรอ?”
“…ข้าหาใช่เชื้อพระวงศ์ไม่!”
“เธอใช่”
“ความหมายของเจ้าคือ ข้าสามารถสั่งการพวกเจ้าได้หรือ?”
“แน่นอน”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าถอยทัพทันที กลับไปยังทวีปของพวกเจ้าซะ!”
“ไว่หู ฉันพูดตกไปประโยคหนึ่ง เธอสามารถออกคำสั่งกับพวกฉันได้ แต่ต้องรอให้เธอกลับไปยังดาวจิ้งจอกคราม กลายเป็นองค์หญิงในราชวงศ์เสียก่อน”
“ทำไมต้องพาข้ากลับไปให้ได้ด้วย?”
“เนื่องจากชะตาสวรรค์ไม่อาจขัดขืนได้”
“ข้าไม่เชื่อโชคชะตา!”
“น่าเสียดายมาก ฉันเชื่อ และเธอก็ต้องเชื่อเหมือนกัน”
“ในเมื่อเจ้าสามารถบังคับพาตัวข้ากลับไปดาวจิ้งจอกครามอะไรนั้นได้ เช่นนั้นจะเคี่ยวกรำมากมายขนาดนี้ไปทำไม? ถึงอย่างไรไม่ว่ายังไงข้าก็ขัดขืนไม่ได้อยู่ดี”
“ข้าชอบให้ตัวเจ้าเห็นด้วยอย่างแท้จริง ไม่ชอบบังคับคนอื่นจนเกินไป”
“เจ้าบังคับข้าไปแล้ว!”
“อยู่ในพื้นฐานที่ต้องบังคับ ถ้ายินยอมพร้อมใจได้จะดีที่สุด”
“ดังนั้นเจ้าจึงจัดสรรตัวปลอมผู้นั้นไปอยู่ข้างกายเขาสินะ? ต้องการให้ข้าตัดใจใช่ไหม?”
“หล่อนก็ไม่นับว่าเป็นตัวปลอมไปเสียทั้งหมด ร่างกายของหล่อนอันที่จริงเกิดจากการสกัดเอาเซลล์ในร่างกายของเธอมาสังเคราะห์ขึ้น ไม่แตกต่างไปจากเธอเลยจริงๆ อย่างเดียวที่ไม่เหมือนกันคือดวงวิญญาณ…”
“เช่นนั้นดวงวิญญาณของนางคือผู้ใด? มาจากไหน?”
“เรื่องนี้…ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย ไว่หู เธอไม่จำเป็นต้องคิดให้มากมายเกินไป เธอบอกเองว่าเขาชอบที่ดวงวิญญาณของเธอ ไม่ใช่ที่สังขารของเธอ ตอนนี้เธอก็ได้เห็นแล้วนี่ เขาแยกไม่ออกเลย สิ่งที่เขาชอบมีแค่สังขารร่างนั้น ดวงวิญญาณด้านในนั้นจะเป็นใครก็ไม่สำคัญแล้ว”
สาวน้อยคนนั้นเงียบไปอีกครั้ง นัยน์ตากลับฉายแววโศกศัลย์…
ตวนมู่เหยี่ยนยื่นมือออกไปหาเธอ
“ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ตัดใจได้แล้ว ไปกันเถอะ”
ตัดใจได้งั้นหรือ?
สาวน้อยพริ้มตาลงเล็กน้อย เป็นคนที่รักใคร่กันมากว่าสองร้อยปีเชียวนะ ต้องประคองส่งมอบให้คนอื่น นางจะยินยอมได้อย่างไรกัน?!
————————————————————————————-
บทที่ 2659 วันหน้ายังมีโอกาสอยู่…
นางกำมือแน่น อยากสังหารนังตัวปลอมคนนั้นเหลือเกิน! อยากมากจริงๆ!
“อยากฆ่าหล่อนเหรอ? อันที่จริงก็ง่ายมากนะ”
ตวนมู่เหยี่ยนราวกับอ่านใจนางได้ ในน้ำเสียงแฝงเสน่ห์ดึงดูดไว้
สาวน้อยคนนั้นเงยหน้ามองเขา ตวนมู่เหยี่ยนยิ้มน้อยๆ
“ตอนนี้หล่อนน่าจะหลับไปแล้ว ฉันพาเธอเข้าไปฆ่าหล่อนได้นะ!”
เขายื่นมือไปหาเธอ
“เอายังไงล่ะ? จะไปไหม?”
มือของสาวน้อยคนนั้นแข็งทื่อ นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ทำไม? ไม่กล้าเหรอ? กลัวจะเจอเยี่ยนเฉินล่ะสิ กลัวว่าเขาจะกำลังแนบชิดกับหล่อน กลัวว่าเขาจะซัดฝ่ามือใส่เธอเพื่อล้างแค้นให้ผู้หญิงคนอื่นอีกใช่ไหม?”
สาวน้อยหลับตาลง นางกลัวเรื่องนี้จริงๆ…
ดังนั้นตัวนางในตอนนี้จึงยอมทำตัวขี้ขลาดหนีปัญหา
ตวนมู่เหยี่ยนมองดูนาง แววตาแปรเปลี่ยนไป ราวกับมีระลอกแสงไหลเวียนอยู่
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาเอ่ยประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“มาสิ ลืมตามองข้า…”
สาวน้อยคนนั้นราวกับถูกสะกดจิต ลืมตามองเขา มองเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ทอประกายน่าตื่นตะลึงอยู่ท่ามกลางรัตติกาล…
สมองน้อยไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่แล้ว มีเพียงความคิดเดียวที่พลุ่งพล่านอยู่ในสมอง สังหารนังตัวปลอมคนนั้นซะ! สังหารนางตัวปลอมคนนั้น!
ดวงตาของนางที่เดิมทีเป็นสีนิลค่อยๆ ถูกย้อมให้กลายเป็นสีครามอ่อนแล้ว รอบกายคล้ายมีกระแสทมิฬกำลังเดือดพล่านอยู่ นางวาดแขนเสื้อคราหนึ่ง หญ้าเขียวขจีบนเนินเขาปานถูกตัดด้วยคมมีด โล่งเตียนเป็นผืนใหญ่ในชั่วพริบตา ครึ่งหนึ่งที่หลงเหลืออยู่เสมือนถูกไฟแผดเผา หงิกงออยู่บนพื้น…
….
ตวนมู่เหยี่ยนจูงนางลุกขึ้นมา
“จิ้งจอกน้อย มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำสิ่งที่เจ้าต้องการอย่างแท้จริง”
ขณะที่เขากำลังจะใช้อาคมอันใดกับนาง ทันใดนั้นคล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้อีก หัวเราะเบาๆ
“เสี่ยวซีจิ่ว เจ้ามาเร็วนัก! ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้าก็แล้วกัน ไม่ทำแล้ว วันหน้ายังมีโอกาสอยู่…”
เขาโบกมือไปมาตรงหน้าหลานไว่หู หลานไว่หูเสมือนตื่นจากฝัน เบิกตากว้างทันที ชักแขนตนกลับมาทันที
“เจ้าทำอะไร?!”
“ไม่ได้ทำอะไร จิ้งจอกน้อย ไปเถอะ ร่างกายของเธอยังอ่อนแอมาก สมควรพักฟื้น ฉันจะพาเธอกลับไป”
ตวนมู่เหยี่ยนไม่พูดพล่ามทำเพลงอันใดดึงแขนนางมุดเข้าไปในยานบินลำหนึ่งที่จอดอยู่ด้านข้าง…
ยานบินทะยานขึ้นสู่ฟ้าในชั่วพริบตา ลอยละลิ่วหายลับไปในอากาศ
ยานบินลำหนึ่งเพิ่งหายไปได้ไม่นาน เงาร่างของกู้ซีจิ่วก็เผยกายขึ้นในบริเวณนี้ เธอวนอยู่ที่เดิมรอบหนึ่ง คล้ายจะค้นหากลิ่นอายของผู้ใด ผ่านไปครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว
เนินเขาแห่งนี้กลิ่นอายบริสุทธิ์ ราวกับเคยถูกน้ำชำระล้าง ไม่มีกลิ่นอายของผู้ใดเลย
สายตาเธอร่อนลงบนต้นหญ้าหย่อมนั้นที่ถูกตัดจนเตียน หญ้านั้นแห้งเฉา มองไม่ออกว่าถูกคนตัดทำลายตั้งแต่ตอนไหน
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ สัมผัสที่หกของเธอขัดข้องไปหรือ?
ที่นี่ไม่ได้มีใครมาเลย…
เธออ้าปากหาว เงยหน้ามองพระจันทร์บนฟากฟ้า ดึกมากแล้ว
ช่างเถอะ เพื่อลูกแล้ว เธอต้องพักผ่อนให้ดีๆ!
….
ภายในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์
หลานไว่หูนอนอยู่บนเตียงของตน ยังไม่ได้หลับไป ในมือของนางถือต่างหูข้างหนึ่งไว้ เอ่ยเสียงแผ่ว
“นายท่าน พรุ่งนี้กู้ซีจิ่วจะไปที่แดนเผ่าจิ้งจอกครามอีก นางยังคิดจะพาข้าน้อยกับเยี่ยนเฉินไปด้วย ข้าน้อยจะหาทางปฏิเสธ…”
‘ไม่ต้อง เจ้ามากับนางเถอะ’
น้ำเสียงดึงดูดแว่วออกมาจากในต่างหู เยือกเย็นปานน้ำแข็ง
“นี่…ถ้าข้าเข้าสู่แดนเผ่าจิ้งจอกครามจะไม่สะดวกยิ่งนัก ข้าเกรงว่าฐานะจะเปิดเผย…”
‘วางใจเถอะ ข้าจะปรับลดคลื่นแสงในฐานลง ไม่มีทางโจมตีเจ้า ขอเพียงเจ้าหลักแหลมพอ ฐานะไม่มีทางถูกเปิดเผย พรุ่งนี้จะได้เล่นละครที่ยอดเยี่ยมฉากหนึ่งให้นางชม’
“…เจ้าค่ะ”
….
ในเวลาเดียวกัน ภายในเรือนที่กู้ซีจิ่วอาศัยอยู่
เธอเพิ่งกลับมาถึงห้อง หยกสีครามเงินชิ้นหนึ่งที่หว่างเอวก็ส่องแสงขึ้นมา
ดวงตาเธอสาดแสงเล็กน้อย พลางกดเปิด บทสนทนาของหนึ่งหญิงหนึ่งชายแว่วออกมา…
เธอฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ถอนหายใจออกมาเบาๆ หยักมุมปากนิดๆ
“ในที่สุดจิ้งจอกก็โผล่หางออกมาแล้ว!”
อุปกรณ์ดักฟังที่เธอแอบติดตั้งไว้บนเตียงในห้องนอนของหลานไว่หูไม่ได้ติดไว้อย่างเสียเปล่า!
….
————————————————————————————-