ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 591 ไม่เชื่อผู้ชราไม่ได้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอเพียงกวาดมอง อิ่นหลิวหัวก็กลายเป็นมนุษย์เลือดคนหนึ่ง

ชีวิตจากนางไปไกลตามการแตกร้าวของเส้นเลือดและอวัยวะภายในทั่วร่าง

ฟู่เอินซูมองอิ่นหลิวหัวด้วยสีหน้าซับซ้อน

นางมีนิสัยใจร้อน รู้สึกผิดหวังในตัวอิ่นหลิวหัว แทบจะอดกลั้นไม่จัดการนางด้วยตัวเองไม่ไหว

แต่กระนั้นเป็นเพราะความเป็นศิษย์อาจารย์ ถึงแม้อิ่นหลิวหัวจะกระทำผิดร้ายแรง แต่สุดท้ายความอ่อนโยนในใจนางก็ทำให้นางเศร้าสลด

เยี่ยนจ้าวเกอมองออก จึงยินดีจัดการแทน สำหรับเขาแล้ว ‘คนกันเอง’ ที่แทงหลังเช่นฉางเจิ้นและอิ่นหลิวหัว น่าชิงชังยิ่งกว่าศัตรูภายนอก ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย

เงาคนเคลื่อนไหวที่เส้นขอบฟ้าซึ่งอยู่ห่างออกไปด้านนอกสำนัก มีจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงกลับมา เมื่อเข้ามาใกล้กลับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจางคุน

เขาเป็นอาจารย์ของฉางเจิ้น

ในขณะเดียวกัน เหอหนิงผู้อาวุโสสูงสุดอีกคนที่กำลังพักฟื้นอยู่ถูกรบกวน จึงรีบมาด้วยกัน

หลังจากทั้งสองมาถึง ก็เห็นรอยเลือดสองกอง บรรยากาศคาวเลือดถึงขีดสุด

จางคุนและเหอหนิงมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความประหลาดใจ ผู้อาวุโสฉินเงียบงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปด้านหน้า อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

ผู้อาวุโสสูงสุดสองคนเป็นคนที่ผ่านคลื่นลมมรสุมมานาน หลังจากที่รู้ความจริงเรื่องอิ่นหลิวหัวใส่ร้ายเฟิงอวิ๋นเซิง กลับไม่ได้ประหลาดใจขนาดนั้น

พวกเขาค่อยๆ รู้สึกตัว อิ่นหลิวหัวกับหงเจียฉีสร้างปัญหาขึ้น ฉางเจิ้นที่รับหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ไม่อาจหนีความผิดนี้ได้

กระนั้นพวกเขานึกไม่ถึงเลยว่า หลี่จิ่งถูผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเขาไร้พรมแดนจะถูกฉางเจิ้นสังหาร

และเพราะเหตุนี้ ฉางเจิ้นจึงติดอยู่ในเพลารถของหวงเจี๋ย การกระทำทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายและถูกครอบงำโดยหวงเจี๋ย กลายเป็นหุ่นเชิดทำชั่วของคุณชายจรัสแสงโดยไม่รู้สึกตัว

จางคุนมองเลือดเนื้อแหลกเหลวกองหนึ่งที่ฉางเจิ้นทิ้งไว้หลังจากสิ้นชีวิต สีหน้าซีดขาว

เหอหนิงมีสีหน้าซับซ้อนเช่นกัน มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอ ในนี้ใช่มีความเข้าใจผิดหรือไม่…”

หลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าฉางเจิ้นคิดคด ตามหาไข่มุกมองฟ้า ใส่ร้ายเฟิงอวิ๋นเซิง ยังไม่มีความเชื่อมั่นมากพอ

ถึงจะรวมหลักฐานประกอบมากมาย ทำให้ทราบถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ทว่าในใจของเหอหนิงกับจางคุนยังมีความหวังหนึ่งในหมื่น

เยี่ยนจ้าวเกอมองผู้เฒ่าสองคนอย่างสงบนิ่ง เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขาคิดพูดอะไร

ต่อให้ฉางเจิ้นคิดคดใส่ร้ายลูกศิษย์ในสำนัก อีกทั้งยังสังหารคนของเขาไร้พรมแดนเพื่อชิงขวานจามสวรรค์จริงๆ ขอแค่เขาไม่ได้ติดต่อกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ ล้วนเป็นความผิดที่ตนทำเพื่อตัวเอง ยังมีโทษไม่ถึงตาย

มาตรว่ามีโทษถึงตาย ก็สมควรจัดการหลังจากสำนักสำนักตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ในตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้งที่นี่ ต่อให้ความตายของเขาจะไม่อาจชดเชย หญิงชราที่มีแนวคิดไม่อนุรักษ์นิยมอย่างเหอหนิงย่อมไม่พอใจ

เพียงแต่คนที่ทำเช่นนี้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่เมื่อครู่เพิ่งจะใช้มือหนึ่งค้ำฟ้า พลิกสถานการณ์อันตราย ทำเรื่องอัศจรรย์ที่ไม่อาจทำได้ให้สำเร็จได้

นี่ทำให้เหอหนิงขลาดเขลาอยู่ชั่วขณะ อยากจะพูดอันใดกลับเปล่งวาจาไม่ออก

สำหรับหญิงชราอย่างนาง สิ่งที่สำคัญที่สุดในสำนักก็คือระเบียบและกฎเกณฑ์

ในสายตาของพวกเหอหนิงและจางคุน ระเบียบและกฎเกณฑ์เป็นรากฐานของสำนักที่ส่งต่อกันมาพันปีหมื่นปีโดยไม่เสื่อมสลาย และเพราะการมีอยู่ของระเบียบและกฎเกณฑ์นี้ ต่อให้สำนักตกลงสู่ก้นเหว แต่ก็ยังคงไม่ถึงขั้นล่มสลาย จะต้องมีสักวันที่ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

บางทีในช่วงเวลาที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีอาจจะมองไม่เห็น แต่ก็ส่งผลสำคัญ

เหอหนิงไม่ได้มีอคติกับเยี่ยนจ้าวเกอ คนหนุ่มผู้นี้โดดเด่นเกินไป เหนือกว่าคนแก่อย่างพวกนาง ความสำเร็จของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เป็นระดับที่ตลอดชีวิตของพวกนางไม่อาจไปถึงได้

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งกลัวว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเดินพลั้งพลาด

คนหนุ่มผู้นี้ชอบเสี่ยงอันตราย หากก้าวผิดไปก้าวเดียว อาจจะไม่มีโอกาสพลิกตัวได้อีก

เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงสายตาของเหอหนิง รับรู้ถึงความคิดของนาง

เขาไม่ได้เอ่ยอะไร หันหน้าไปมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกด้านหลัง ก่อนที่มันแบมืออก แสงสว่างวาบ คนผู้หนึ่งหล่นลงบนพื้น

พวกจางคุน เหอหนิง ฟู่เอินซู และผู้อาวุโสฉินมองไป พวกเขาจำได้ทันที กลับเป็นผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

เพียงแต่ในตอนนี้ผู้อาวุโสคนนี้อิดโรยเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความฮึกเหิมและท่าทีหยิ่งยโสเหมือนในอดีตอีกต่อไป

เยี่ยนจ้าวเกอถามเรียบๆ “เรื่องที่ข้าเคยถามท่านก่อนหน้านี้ ตอนนี้เล่าออกมาอีกรอบเถอะ เมิ่งหวานแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

ผู้อาวุโสคนนั้นเงยหน้ากวาดตามองพวกจางคุน เหอหนิง ฟู่เอินซู และผู้อาวุโสฉิน แยกเขี้ยวขึ้น “ตอนนี้พูดไปก็ไม่สำคัญแล้ว ผู้ที่มาจากโลกเบื้องบนพาเมิ่งหวานและมงกุฎจันทราไปด้วย จะไม่มีการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่เจ็ดอีกต่อไป”

“ทว่าถ้าหากมีการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่เจ็ด เมิ่งหวานก็ได้เตรียมตัวไว้แล้ว อาการบาดเจ็บของนางที่ได้มาจากทะเลตะวันออกก่อนหน้านี้หายดีแล้ว ทั้งยังมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะสตรีแห่งจันทราคนอื่นได้ ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว…”

ผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มองเฟิงอวิ๋นเซิงแวบหนึ่ง สายตาซับซ้อนหลายส่วน “…คนที่อาจเอาชนะไม่ได้เพียงคนเดียว เหลือแต่เฟิงมู่เกอ”

จางคุนกับเหอหนิงจิตใจสั่นสะท้านขณะที่มองอีกฝ่าย

ผู้อาวุโสฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เร็วขนาดนี้เลยหรือ? ครั้งนี้อาการบาดเจ็บของนางที่ได้รับจากทะเลตะวันออก สาหัสกว่าการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สองเสียอีก”

คนในเขากว่างเฉิงมองหน้ากันเอง สีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน

ความจริง ขอแค่ไตร่ตรองดูก็จะรู้ว่า ก่อนที่จะตัดสินใจดึงคนของสำนักแสงสว่างลงมายังโลกแปดพิภพ ในเมื่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต้องการคิดบัญกับชีเฟิงอวิ๋นเซิงเพื่อรักษามงกุฎจันทรา มีเงื่อนไขก็คือ นอกจากเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว พวกเขายังมั่นใจว่าเมิ่งหวานเอาชนะคนอื่นได้

นี่รวมถึงพวกฝานชิวแห่งหอคลื่นโหม และเฉินซู่ถิงแห่งเมืองทะเลมรกต

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของจางคุนกับเกิดความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน

เขาพลันรู้ว่า ไม่เพียงแต่การตอบโต้และการกระทำของฉางเจิ้นจะอยู่ในการคำนวณของหวงเจี๋ยเท่านั้น แนวคิดอนุรักษ์นิยมของเขากับเหอหนิงและวิธีการรับมือต่างอยู่ในแผนการของอีกฝ่ายด้วย

เพื่อความปลอดภัย ในสถานการณ์ที่ไม่ทราบว่าเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นสายลับของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ จึงยอมแพ้ในการทดสอบแห่งจันทราครั้งนี้ มอบโอกาสให้แก่ฝานชิวแห่งหอคลื่นโหม

พูดอีกมุมหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่มีการแลกเปลี่ยนและการโน้มน้าวใดๆ แต่พวกจางคุนก็เหมือนกับฉางเจิ้น ต่างช่วยหวงเจี๋ยให้ไปถึงเป้าหมายของตัวเองตามการโบกไม้กำกับการแสดงของเขา

ถ้าหากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีวิธีจัดการผนึกทะเลตะวันออกที่เป็นปัญหาผ่านการศึกษาในเวลาช่วงนี้ พวกเขาคงไม่ขอให้ยอดฝีมือสำนักแสงสว่างจากโลกซ้อนโลกลงมา

และการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่เจ็ด เฟิงอวิ๋นเซิงไม่อาจเข้าร่วมได้เพราะสำนักของตัวเอง ทว่าอาการบาดเจ็บของเมิ่งหวานกลับหายดี นางจะเอาชนะทุกคนได้อย่างไม่ต้องสงสัย มงกุฎจันทราจะอยู่ในกำมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างมั่นคงต่อไป ทุกอย่างอยู่ในแผนการของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และหวงเจี๋ย

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่งและอ่อนโยน ไม่คิดจะกดดันประณามใคร แต่ว่าพวกจางคุนและเหอหนิงสองคนกลับเงียบงันลงไป ไม่อาจสอดปากในเรื่องการฆ่าฉางเจิ้นของชายหนุ่มได้อีก

เหมือนกับมีคำถามที่ไร้เสียงกำลังกลบฝังพวกเขา

มั่นคง ปลอดภัย แล้วสุดท้ายจะต้องมีผลลัพธ์อย่างไร?