บทที่ 583 นายท่านกลับมาแล้ว!

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 583 นายท่านกลับมาแล้ว!

ในเวลาเดียวกับที่เสี่ยหนานเทียนและเสี่ยกังออกมาจากห้องคัมภีร์ พวกเขาก็ได้พบกับ กลุ่มของเย่ชางคงพอดี

“ขอคารวะท่านลุงเย่” เสี่ยหนานเทียนโค้งคำนับ

เย่ชางคงมองไปยังเสี่ยหนานเทียนด้วยสายตางุนงง จากนั้นเขามองไปที่เสี่ยกัง ซึ่งมันทำให้เขาได้คิดอะไรออกบางอย่างและเอ่ยขึ้นว่า “เอ่อ…พ่อของเจ้าคือใครกันนะ?”

เสี่ยหนานเทียนยิ้มและตอบกลับ “พ่อของข้าคือ เสี่ยหลี!”

“พ่อของเจ้านี่ช่างกล้าจริง ๆ ที่ปล่อยให้เจ้าออกมากับเสี่ยกังแบบนี้ ถ้าข้าไม่จำหน้าตาของเสี่ยกังได้ข้าคงเดาไม่ออกว่าเจ้าเป็นใครเลยจริง ๆ” เย่ชางคงส่ายหัวและพูดขึ้น

เย่เจียงไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านพ่อ ชายหนุ่มผู้นี้คือลูกชายของเจ้าสำนักเบญจธาตุงั้นเหรอ?”

“ข้าขอคารวะ พี่เย่!” เสี่ยหนานเทียนโค้งคำนับให้กับเย่เจียงไห่ “ข้ามาที่นี่กับบรรพบุรุษของสำนักข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ค่อยกังวลกับปัญหาอะไรเท่าไหร่นัก”

เย่เจียงไห่หัวเราะ “ดี ๆ เจ้านี่มีมารยาทมากกว่าน้องเขยของข้าเยอะเลย หากมีโอกาสในอนาคตข้าจะดูแลเจ้าเอง”

เสี่ยหนานเทียนหัวเราะ “ขอบคุณพี่เย่และลุงเย่มาก! แต่ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวไปสำรวจส่วนอื่น ๆ ของตำหนักหลีเทียนก่อน อ๋อ จริงสิ! เมื่อพวกท่านเข้าไปในห้องคัมภีร์แล้วพวกท่านสามารถอ่านคัมภีร์ที่อยู่ในนั้นได้ แต่จงอย่านำมันออกห่างจากชั้นวาง และจงอย่าอยู่ในนั้นเกิน 12 ชั่วยามเป็นอันขาด”

หลังจากพูดจบ เสี่ยหนานเทียนก็เดินจากไปตามหาหลิงตู้ฉิงทันที

ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเขาจะดูสุภาพเป็นอย่างมาก แต่ภายในใจของเขานั้นกลับมีความคิดเป็นอย่างอื่น

สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นคุณค่าของหลิงตู้ฉิง แล้วยังตำหนิอีกต่างหากงั้นเหรอ?

เย่แจียงไห่มองไปยังเสี่ยหนานเทียนที่กำลังเดินจากไป และพูดว่า “หากไอ้เจ้าน้องเขยจอมขี้งกของข้ามีมารยาทดีแบบนี้ก็คงจะดี ได้แต่งงานกับน้องสาวของข้าแท้ ๆ แต่แค่พริกหยกเพลิงเจ็ดสีเม็ดเดียวกลับทวงข้าทุกครั้งที่เจอหน้า เฮ้อ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ”

เย่ชางคงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ! เป็นเจ้าเองแท้ ๆ ที่เอ่ยปากสัญญาเอาไว้ แต่เจ้ากลับยึกยักไม่ยอมทำตามที่พูดไว้สักทีและเจ้าลืมไปแล้วหรือยังไงว่าตัวข้าเองก็ถูกน้องเขยของเจ้าช่วยเอาไว้ แถมการที่แม่ของเจ้าสามารถทะลวงระดับการบ่มเพาะจนมาอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิได้นั้นก็เป็นเพราะน้องเขยของเจ้าอีกเหมือนกัน ครอบครัวของเรานั้นติดค้างบุญคุณเขาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังมีหน้ามาบ่นอีกงั้นเหรอ?”

เย่เจียงไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญว่า “ท่านพ่อ ท่านก็พูดเกินไป มันก็แค่โอสถกำหนดเต๋าแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอไงที่ท่านแม่ได้มา นี่ข้าเองก็ได้โอสถกำหนดเต๋ามาตั้งหลายสิบเม็ดจากในห้องหลอมโอสถ เดี๋ยวคอยดูนะหากข้าเจอเขาเมื่อไหร่ ข้าจะคืนโอสถกำหนดเต๋าให้เขาสัก 10 เม็ดซะเลยเป็นไง แต่ว่าตอนนี้ข้าว่าพวกเราเข้าไปที่ห้องคัมภีร์กันก่อนจะดีกว่าไหมท่านพ่อ!”

เมื่อพูดจบ เย่เจียงไห่ก็เดินเข้าไปในห้องคัมภีร์ทันที ซึ่งเย่ชางคงก็ได้แต่ส่ายหัวกับความคิดอ่านของลูกชายของเขา

“ทุกคนจงจำเอาไว้ พวกเราทุกคนมีเวลาแค่เพียง 12 ชั่วยามเท่านั้นในการอ่านคัมภีร์ที่อยู่ในห้องคัมภีร์!” เย่ชางคงตะโกนสั่งกับคนของเขา

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เสี่ยหนานเทียนพูดมันหมายความว่าอะไร แต่เย่ชางคงก็ยังคงไม่ประมาทกับคำเตือนใด ๆ ที่ได้รับมา เนื่องจากในตอนนี้เขาได้เสียคนของเขาหลายคนไปกับตำหนักหลีเทียน ซึ่งในบรรดาคนที่เขาเสียไปก็รวมไปถึงผู้อาวุโสของสำนักด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเสียใครไปอีกแล้วเพราะความประมาท

ในเวลาเดียวกันเมื่อเย่เจียงไห่เข้าไปในห้องคัมภีร์และเดินไปมองที่ชั้นวางคัมภีร์ที่มีอยู่มากมายด้วยความสับสน เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจนใจว่า “คัมภีร์เยอะแยะขนาดนี้ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนเหมาะกับข้ากันล่ะเนี่ย?”

แต่แล้วเมื่อเย่เจียงไห่พูดจบจู่ ๆ ก็มีคัมภีร์เล่มหนึ่งลอยเข้ามาหาเขาทันที

“หืม? อยู่ดี ๆ คัมภีร์นี่ก็ลอยมาหาข้าซะงั้น? ไหนดูสิมันคือคัมภีร์เพลิงหนานหมิงงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้าลอยมาหาข้าเองแบบนี้งั้นข้าจะไว้หน้าเจ้าโดยการฝึกเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!” เย่เจียงไห่หัวเราะ

จากนั้นเขาก็เริมฝึกวิชาเพลิงหนานหมิงทันที

ในเวลาเดียวกัน ในส่วนลึกของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนก็มีตัวตนหนึ่งที่มองไปยังเย่เจียงไห่ และคัมภีร์เพลิงหนานหมิงในมือเขาด้วยสีหน้าซับซ้อน

จากนั้นตัวตนนั้นก็ส่ายหัวและหันไปมองหลิงตู้ฉิง และขมวดคิ้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในเวลานี้กำลังนำคนของเขาเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องถัดไป

“พี่หลิง รอก่อน!” เสี่ยหนานเทียนตะโกนขึ้นไล่หลังมา

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลิงตู้ฉิงหันกลับไปมองทันทีและเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าตามข้ามาทำไม?”

เสี่ยหนานเทียนยิ้มและพูดขึ้นว่า “พี่หลิง ข้ารู้สึกถูกชะตากับท่านตั้งแต่แรกเจอ ดังนั้นข้าอยากจะเป็นสหายกับท่าน!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “จงพูดความในใจกับข้ามาตรง ๆ จะดีกว่า!”

“ถ้าให้ข้าพูดตรง ๆ ข้าอยากจะสำรวจตำหนักหลีเทียนกับท่าน!” เสี่ยหนานเทียนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง

หลิงตู้ฉิงหรี่ตามองและพูดว่า “เจ้าแน่ใจแล้วงั้นเหรอว่าอยากจะสำรวจสถานที่แห่งนี้กับข้า? สถานะของเจ้าคือศิษย์หลักของสำนักเบญจธาตุ หากเจ้าไม่รวมกลุ่มกับสำนักเจ้าแต่กลับมาติดตามข้าแทน เจ้าจะต้องจ่ายราคาอย่างหนักเลยเชียวนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยหนานเทียนรู้สึกอึ้งไปสักพัก จากนั้นเขายิ้มและตอบกลับ “ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าได้เร็วขนาดนี้ และยิ่งมันเป็นแบบนี้ข้าก็ยิ่งอยากจะติดตามท่านมากขึ้นไปอีก ว่าแต่ที่ท่านบอกว่าข้าต้องจ่ายราคาอย่างหนักนั้นท่านหมายความว่าข้าต้องจ่ายราคามากขนาดไหนงั้นเหรอ?”

มู่หลงหยานที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “นี่เจ้าเป็นคนของสำนักเบญจธาตุงั้นเหรอ?”

เสี่ยหนานเทียนโค้งคำนับทันทีและพูดขึ้นว่า “ขอคารวะท่านป้า ท่านพ่อของข้าคือ เสี่ยหลี!”

เย่ชิงเฉิงรีบพูดแทรกขึ้นทันทีเช่นกัน “สามี ท่านอย่าได้ให้เขาติดตามเราไปเชียวนะ!”

เสี่ยหนานเทียนแสดงสีหน้าขมขื่นและพูดว่า “น้องเย่ เจ้าอย่าใจร้ายแบบนี้สิ! ก่อนหน้านี้ข้าแค่พูดออกไปเล่น ๆ เท่านั้นเอง และสามีของเจ้าก็คงไม่คิดจะเข้าร่วมกับสำนักของข้าหรอกจริงไหม?”

หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “หากเจ้าต้องการติดตามข้าก็ย่อมได้ แต่เจ้าจะต้องลงสัญญากับข้าก่อน ซึ่งถ้าหากเจ้าฝ่าฝืนสัญญาของข้าเมื่อไหร่หรือหากวิญญาณของเจ้าถูกสืบค้น นั่นจะหมายถึงว่าเจ้าจะต้องตายลงทันที เจ้ายอมรับได้รึเปล่า?”

“เราจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” เสี่ยหนานเทียนยิ้มอย่างขมขื่น

“หากเจ้าไม่ต้องการก็จงหันกลับไปซะ!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เอาล่ะทุกคนจงตามข้ามา ห้องโถงใหญ่ของตำหนักอยู่ข้างหน้านี้แล้ว!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง เย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เดินมาอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิง และเตรียมที่จะเดินไปข้างหน้าต่อโดยที่ไม่สนใจเสี่ยหนานเทียนและเสี่ยกัง

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เสี่ยหนานเทียนก็รีบพูดขึ้นทันที “เดี๋ยวก่อนพี่หลิง! สัญญาอะไรที่ท่านต้องการให้ข้าทำกับท่าน? หากเงื่อนไขมันไม่หนักหนาเกินไป ข้าก็ยินดีที่จะทำกับท่าน!”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยหนานเทียน และพูดว่า “เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าต้องการทำสัญญากับข้า? หากเจ้าตาย เจ้าจะโทษข้าทีหลังไม่ได้นะ”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ร่างสัญญากฎสวรรค์ขึ้นบนอากาศทันที

เสี่ยหนานเทียนมองดูสัญญาอย่างละเอียดและเมื่อเขาพบว่าสัญญานี้มันเกี่ยวกับการรักษาความลับต่าง ๆ เท่านั้น เขาและเสี่ยกังจึงลงชื่อในสัญญาทันที

“พี่หลิง จากนี้พวกเราจะเข้าไปในประตูห้องโถงหลักยังไงกัน?” เสี่ยหนานเทียนถามขึ้นทันที

หลิงตู้ฉิงตอบกลับว่า “แค่ตามข้ามาก็พอและจงพูดให้น้อย ทำตามคำสั่งของข้าทุกอย่าง อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอใจของตนเอง ไม่เช่นนั้นหากเจ้าตายขึ้นมาก็อย่าได้มาโทษข้าก็แล้วกัน หมิงยู่ มอบความแข็งแกร่งของเจ้ามาให้ข้าที”

เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง ร่างของหมิงยู่ก็ผสานเข้ากับร่างของหลิงตู้ฉิง จนทำให้ระดับการบ่มเพาะของเขาพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับนภาคราม

หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆาโอบล้อมทุกคนเอาไว้พร้อมกับเรียกเพลิงบางอย่างขึ้นมาหลอมรวมเข้ากับค่ายกลกระบี่ และเดินไปยังประตูห้องโถงใหญ่ของตำหนักหลีเทียน

ในทันทีที่เปลวเพลิงของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาสัมผัสกับประตูของห้องโถงใหญ่ ประตูก็เปิดออกทันที

จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นว่าประตูห้องโถงใหญ่เปิดแล้ว เขาก็คลายค่ายกลกระบี่ออกและสั่งให้หมิงยู่ออกจากร่างของเขา

ก่อนที่ทุกคนจะได้เอ่ยถามว่าเพราะอะไรประตูถึงเปิดออก จู่ ๆ ก็มีร่างมายาหนึ่งปรากฏขึ้นและพูดว่า “นายท่าน ข้าขอแสดงความยินดีที่ท่านสามารถกลับมาที่นี่ได้อีกครั้ง!”