ตอนที่ 1102

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ด่านที่สิบ

พลังทำลายของรูปปั้นหินเพิ่มขึ้นเป็นระดับเดียวกับพวกเซี่ยอู๋เฉียนอย่างไม่น่าประหลาดใจ

ต้องรู้ก่อนว่าในจักรวาลของพวกเขาไม่เคยมีใครเลยที่ควบแน่นสร้างภูผาวารีสายที่ห้าขึ้นมาได้สำเร็จ ดังนั้นพลังต่อสู้หกดาวจึงแข็งแกร่งที่สุด แล้วอัจฉริยะเช่นนี้จะมีสักกี่คนเชียว? พลังต่อสู้หกดาวจะได้มาก็ต้องทำการเปิดสวรรค์!

ต้องอัจฉริยะเช่นเซี่ยอู๋เฉียนมีจำนวนมากกว่าสี่คน แต่คาดว่าจำนวนของพวกเขาคงไม่มากไม่น้อยไปกว่านิ้วบนฝ่ามือ

แต่ตอนนี้รูปปั้นหินที่มีพลังทำลายเทียบได้กับอัจฉริยะหกดาวกำลังกระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮัน!

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเซี่ยอู๋เฉียนสี่คนรู้สึกเย็นยะเยือก ภายใต้การถูกล้อมโจมตีเช่นนี้หากเป็นพวกเขาอย่างมากที่สุดก็สามารถยืนหยัดได้เพียงหนึ่งหรือสองลมหายใจ ต่อให้ใช้ไผ่ตายพวกเขาก็ไม่สามารถผ่าวงล้อมกลับออกมาโดยมีชีวิตอยู่

ครั้งนี้หลิงฮันเจอปัญหาใหญ่แล้ว

ภายใต้การโจมตีด้วยหมัดของรูปปั้นหิน เขาไม่เพียงกระอักโลหิตออกมาและร่างกายชุ่มไปด้วยโลหิต แต่กระดูกของเขายังปรากฏรอยแตกหักอีกด้วย แม้ตอนนี้กระดูกจะยังไม่แตกหักแต่ถ้าหากถูกโจมกระหน่ำโจมตีอีกสองสามครั้ง กระดูกของเขาคงทนต่อไปไม่ได้แน่

ที่นี่มีรูปปั้นหินอยู่เท่าไหร่?

‘ปัง ปัง ปัง’ พวกมันกระหน่ำปล่อยหมัดโดยที่อักขระศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันส่องประกาย

‘ครืนนน’ ร่างของหลิงฮันส่งเสียงกระดูกร้าวอย่างต่อเนื่อง ต่อให้อยู่ท่ามกลางเสียงของหมัดท่กระหน่ำโจมตีเสียงกระดูกของเขาก็ยังสามารถได้ยินชัดเจน

“ครั้งนี้แหละ เขาคงยืดหยัดต่อไปไม่ไหวแน่!”

ผู้คนมากมายรู้สึกอิจฉา โดยเฉพาะจอมยุทธที่เป็นอัจฉริยะ พวกเขามีความมั่นใจในตัวเองว่าเป็นที่หนึ่ง เพราะงั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ชอบให้ใครอยู่เหนือพวกเขา

ดังนั้นต่อให้เป็นพวกเส้าซือซือสามคนที่ไม่มีความบาดหมางกับหลิงฮัน พวกนางก็ยังอดไม่ได้ที่จะหวังไม่ให้หลิงฮันผ่านรูปแบบอาคมรูปปั้นหินนี้ การที่หลิงฮันทำได้แต่พวกนางทำไม่ได้นั้นเป็นการทำลายความมั่นใจของพวกเขาอย่างร้ายแรง

ตอนนี้ทุกๆก้าวที่หลิงฮันก้าวเดินกระดูกของเขาก็จะถูกโจมตีจนแตกหัก เช่นนี้เขาจะผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างไร?

เซี่ยอู๋เฉียนแสยะยิ้ม ตอนนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลิงฮันจะดื้อรั้นและก้าวเดินผ่านรูปปั้นหินต่อไป เนื่องจากพอรู้ถึงความแข็งแกร่งของกายหยาบของหลิงฮันแล้ว แม้แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยมือตนเอง

ถึงแม้การที่หลิงฮันตายเช่นนั้นจะไม่ช่วยให้เขารู้สึกหายโกรธแค้น แต่แค่หลิงฮันตายก็พอแล้ว

หลิงฮันร่างชุ่มไปด้วยโลหิต ร่างของเขาบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง การโจมตีจากรูปปั้นหินมีมากเกินกว่าที่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จะฟื้นฟูบาดแผลได้ทัน เมื่อกระดูกของเขากำลังฟูฟื้นเพื่อต่อกัน การโจมตีก็จะทำให้มันบิดเบี้ยวเชื่อมต่อกันผิดพลาดไปจากเดิม

แต่ต่อให้กระดูกเชื่อมต่อกันอย่างผิดรูปร่าง สุดท้ายในพริบตามันก็ถูกโจมตีจนกลับไปแตกหักอยู่ดีโดยที่ไม่ให้เวลาเขาหายใจเลยแม้แต่น้อย

‘ตอนนี้… ครึ่งทางแล้ว!’

หลิงฮันกล่าวในใจ เขาเดินผ่านด่านที่สิบมาได้ครึ่งทางแล้ว หัวใจของเขาเต้นแรงและใช้งานหยดวารีอมตะ ทันใดนั้นบาดแผลทั้งหมดของเขาก็ฟื้นฟูเสร็จสิ้นในพริบตา

เขาคำรามและเร่งความเร็ว

อะไรกัน!

ผู้คนรอบข้างทั้งสองข้างชะงักแข็งค้าง ในหัวใจของพวกเขาราวกับมีม้าหมื่นตัววิ่งกันเพ่นพ่าน

สัตว์ประหลาด ชายคนนี้ต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่นอน

ในขณะที่พวกข้ามองดูอยู่ เจ้าสมควรไปต่อไม่ไหวแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆเจ้ากลับฟื้นฟูกลับมามีพลังเต็มเปี่ยมอีกครั้งได้ นี่เจ้าแกล้งแปลงกลายมาเป็นมนุษย์รึเปล่า?

หลิงฮันโคจรรูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์แรงโน้มถ่วงเต็มกำลัง เขาใช้ทักษะทั้งหมดโจมตีและพุ่งด้วยความเร็วเต็มที่

ผ่านไปได้แล้วหกในสิบส่วนของด่าน… เจ็ดส่วน แปดส่วน เก้าส่วน!

จิตใจของทุกคนเต็มไปด้วยความรูปสึกตะลึง ถึงแม้เมื่อครู่หลิงฮันจะฟื้นฟูสภาพและพุ่งทะยานไปด้านหน้ารวดเดียว แต่ในไม่ช้าเขาก็ถูกกร่ำหน่ำโจมตีจนร่างเต็มไปด้วยโลหิตและกระดูกแตกหักอีกครั้ง ร่างของเขาฉีกขาดจนเห็นกระดูกได้ชัดเจน

นี่ยังนับว่าเป็นคนอยู่รึเปล่า ดูๆแล้วสภาพหลิงฮันในตอนนี้เหมือนกับก้อนเนื้อสีแดงที่เดินได้!

อีกสิบก้าวสุดท้าย!

หลิงฮันกัดฟัน ‘ปัง ปัง ปัง ปัง’ เขาถูกกระหน่ำโจมตีอย่างบ้าคลั่งจนสัมผัสได้ถึงความตาย ในตอนนี้เขาอยากจะหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเขาก้าวมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้เขายอมแพ้ได้อย่างไร?

โชคดีที่เขาผ่านความทุกข์ทรมานจากสายฟ้าสวรรค์มามากมายหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งกระดูกของเขาก็แตกหักด้วยเหมือนกัน ความเจ็บปวดเช่นนี้กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงสลบเหมือดไปแล้ว

เขาใช้งานหยดวารีอมตะอีกหยด แต่ถ้าหากยังใช้ต่อไปเรื่อยๆผลลัพธ์ของหยดวารีอมตะจะลดลงเรื่อยๆและเพียงพอฟื้นฟูได้แค่ให้เขารอดตายเท่านั้น

แปดก้าว… ห้าก้าว… สามก้าวสุดท้าย

หลิงฮันคำรามและพุ่งทะยาน

พรึบ!

จู่ๆด้านหน้าของเขาก็กลายเป็นมืดมิดและพื้นที่โดยรอบก็เปลี่ยนเป็นดินแดนสีดำอันไร้ที่สิ้นสุด

หลิงฮันนั่งลงกับพื้น เขาพบว่ารูปปั้นหินรอบหายไปแล้วไม่เหลือสักตัวเดียว ผู้คนโดยรอบก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน ราวกับว่าหลังการทะยานครั้งสุดท้ายของเขา เขาได้เข้ามายังมิติอีกมิติหนึ่ง

‘พรึบ!’

แท่นหินปรากฏออกมา แท่นหินถูกสร้างขึ้นจากหยกสีขาวและปลดปล่อยแสงสลัวอ่อนๆ

บนแผ่นศิลามีอักษรสลักเอาไว้

หลิงฮันไม่ได้มองแผ่นศิลาแต่เลือกฟื้นฟูบาดแผลเป็นอันดับแรก

หลังจากฟื้นพลังบางส่วนกลับมาได้บ้างแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังแผ่นศิลา

“เมื่อข้ายังเยาว์วัย ข้าได้บุกไปยังตระกูลหุ่นเชิดและสังหารทำลายหุ่นเชิดนับล้านตัว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ข้าทิ้งข้อความนี้เอาไว้เพื่อต้องการให้เหล่าคนรุ่นหลังได้รับถึงความยอดเยี่ยมของข้า ต่อให้เจ้าฝ่าฟันการรูปปั้นหินมาถึงที่นี่ได้ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าข้าได้ลดพลังอำนาจของรูปแบบอาคมหุ่นเชิดให้ลดลงมาหลายเท่าตัว!”

“แต่ถึงอย่างไรการที่เจ้าผ่านมาได้ก็นับว่าเจ้าพอมีความสามารถอยู่บ้างและสมควรได้รับรางวัล เจ้าจงระลึกและจดจำความยิ่งใหญ่และความใจกว้างของข้าเอาไว้!”

คำที่ถูกสลักเอาไว้มีไม่มาก หลิงฮันอ่านจบอย่างรวดเร็วและใบหน้ากระตุก เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าผู้ที่สร้างแท่นหินนี้ช่างหลงตัวเองยิ่งนัก

“เจ้าก็ควรรู้ด้วยว่าข้ายังเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงเท่านั้น หากข้าบรรลุขั้นสูงสุดต่อให้ไม่ใช่ชั้นสูงสุด กายหยาบของข้าก็จะพัฒนาเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า”

“ช่างมันเถอะ จะไปสนใจอะไรมากกับคนที่ตายไปนานแล้ว?”

หลิงฮันส่ายหัวและมองไปยังบนแผ่นศิลาที่มีอะไรบางอย่างวางเอาไว้

“ข้ายังไม่รู้แม้แต่ชื่อแซ่ของคนหลงตัวเองผู้นี้”

หลิงฮันพบของสี่อย่างบนแผ่นหิน ของเหล่านั้นคือ การดาษสามแผ่นและลูกบอลโลหะสีดำหนึ่งลูก

“ยันต์อาคมเหล็กไหล ยันต์อาคมราชสีห์คลั่ง ยันต์อาคมสลายเมฆา แล้วลูกบอลนี่มีไว้เพื่ออะไรกัน?”

โชคดีที่ด้านหลังแผ่นศิลามีเขียนสลักวิธีใช้ของทั้งสี่สิ่งนี้เอาไว้

“ยันต์อาคมเหล็กไหลจะช่วยมอบความทนทานให้แก่ร่างกาย พลังป้องกันผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราสูงสุด! โอ้ แต่สิ่งดีๆเช่นนี้ย่อมมีจำนวนการใช้ที่จำกัดอยู่ที่หนึ่งถึงสิบครั้ง ซึ้งขึ้นอยู่ระยะเวลาใช้งานของแต่ละครั้ง”

หลิงฮันหยิบยันต์อาคมเหล็กไหลขึ้นมาดู ยันต์แผ่นนี้มีสัญลักษณ์แปลกประหลาดที่ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลอันหนักหน่วงถูกประทับเอาไว้

“ของจริงหรือของปลอม?” หลิงฮันจ้องมองแผ่นยันต์ “ถ้าเป็นของจริงข้าก็จะไม่เกรงกลัวจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอีกต่อไป แต่ถ้าหากกลายเป็นว่าผู้อาวุโสชราต้องการจะแกล้งข้า ข้าคงไม่พ้นถูกสังหาร!”

ใช่ว่าการกลั่นแกล้งจะเป็นไปไม่ได้ ดูจากข้อความหลงตัวเองที่สลักเอาไว้ความคิดการกระทำของผู้อาวุโสชราคนนี้ไม่อาจคาดเดาได้เลย

“ยันต์อาคมราชสีห์คลั่ง หลังจากใช้งานจะมอบพลังโจมตีระดับสุริยันจันทราสูงสุดให้ผู้ใช้ สามารถใช้งานได้หนึ่งถึงสิบครั้ง”

“ยันต์อาคมสลายเมฆา จะมอบความเร็วของระดับสุริยันจันทราสูงสุดให้ผู้ใช้ สามารถใช้งานได้หนึ่งถึงสิบครั้ง””

“ของดี เป็นของที่ดีจริงๆ!”

หลิงฮันหยิบลูกบอลโลหะสีดำขึ้นมาและพึมพำ “สิ่งนี้คือหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทรางั้นรึ? ดูแล้วไม่ค่อยเหมือนเลย”  เขาอ่านวิธีใช้งานบนแผ่นศิลาและใช้นิ้วกดไปที่ลูกบอลโลหะสีดำสองสามครั้งก่อนจะโยนลงพื้น

ลูกบอลโลหะเปลี่ยนรูปร่างทันที ขนาดของมันขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง แขนและขาสองข้างยืดออกมาจากลูกบอลจนกลายเป็นมนุษย์โลหะ