ตอนที่ 449 ดาบยักษ์จากฟากฟ้า!

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูเจวี๋ยเลียริมฝีปาก ดาบกระดูกมังกรในมือขยับครั้งหนึ่ง ฟันแขนของเยี่ยอิงข้างหนึ่งขาดลงมา 

 

 

เยี่ยอิงเจ็บปวดจนทั้งร่างสั่นสะท้าน ก่อนนี้เพียงครู่เดียวนางยังสามารถบดขยี้คนผู้นี้จนติดพื้นได้อยู่เลย ใครจะไปรู้ว่าเพียงชั่วพริบตานางจะกลายเป็นฝ่ายถูกเขาไล่บี้จนถึงขนาดนี้ 

 

 

พละกำลังของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย! การฟื้นฟูก็รวดเร็ว! 

 

 

เยี่ยอิงถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ ไม่ว่านางจะพยายามโจมตีอย่างไร ฝ่ายตรงข้างก็ไม่รู้สึกกระทบกระเทือนใดๆทั้งนั้น… 

 

 

อีกทั้งไม่ว่าจะขัดขืนอย่างไร ก็ไม่เป็นผล ยิ่งขัดขืนกรงเล็บนั้นก็ยิ่งจิกลึกลงไปในลำคอ 

 

 

นางรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองใกล้จะขาดใจตายเข้าไปทุกทีแล้ว 

 

 

และในตอนนั้นเอง เยี่ยเฉินก็รีบรุดมาถึง เขาขมวดคิ้วมุ่น มองดูท่าทางของตู๋กูเจวี๋ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี 

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่า…..มนุษย์ผู้นี้มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับพระบิดา 

 

 

ตอนนั้นเขารู้มาว่า ยามที่พระบิดาอยู่ในแดนมนุษย์ถูกสตรีเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งล่อลวง จนมีบุตรกับนาง….. 

 

 

นี่เป็นเรื่องน่าละอายของเผ่ามังกรทมิฬ! 

 

 

คิดไม่ถึงว่าพอผ่านไปหลายปีเข้า ไอ้ลูกนอกสมรสผู้นั้นจะพาตนเองมาจนถึงเผ่ามังกรทมิฬ! 

 

 

“พี่ชาย!” ใบหน้าของเยี่ยอิงแดงก่ำ นางพยายามใช้แขนที่เหลือโบกเรียกเขาอย่างวุ่นวาย 

 

 

เยี่ยเฉินมิได้ลังเล เขาดึงกระบี่ออกมาเล่มหนึ่ง ขยับร่างวูบเดียวก็พุ่งเข้าไปจะฟันตู๋กูเจวี๋ยเป็นแปดส่วน 

 

 

เสี่ยวอิงมักจะฝึกวิชาซวงซิวกับเขา พละกำลังที่แข็งแกร่งจึงถูกถ่ายเทมาที่เขา ส่วนร่างกายของเสี่ยวอิงไม่นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าไร 

 

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ…..บุตรของราชามังกรที่กำลังคุ้มคลั่ง ในช่วงเวลาสั้นๆนางย่อมไม่อาจรับมือได้ 

 

 

แต่ว่าเขาไม่เหมือนกัน เขาคือบุตรของราชามังกรที่ถูกต้องอย่างแท้จริง มารดาก็คือเผ่าสวรรค์ที่สูงส่งที่สุด 

 

 

เขาฝึกฝนตนเองอยู่ใต้ก้นทะเลลึกแห่งนี้มานานนับพันปีแล้ว 

 

 

แค่สวะเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง ไหนเลยจะเปรียบเทียบกับเขาได้กัน 

 

 

“เสี่ยวอิงไม่ต้องกลัว พี่ชายจะปกป้องเจ้าเอง!” เยี่ยเฉินปลอบใจเยี่ยอิง เขามีน้องสาวเพียงแค่คนเดียว ย่อมไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับนาง 

 

 

พอได้ยินประโยคนี้ของเขา เยี่ยอิงก็เบาใจขึ้นมาไม่น้อย 

 

 

ใช่แล้ว….พี่ชายจะต้องปกป้องนางอย่างแน่นอน ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ชายล้วนปกป้องนางอยู่เสมอ 

 

 

ไม่ว่าที่ไหนหรือว่าเมื่อไหร่ ขอเพียงนางถูกรังแก พี่ชายมักจะปรากฏตัวขึ้นมาที่ข้างกายนางเป็นคนแรกและระบายความโกรธให้นางอยู่เสมอ 

 

 

พอนานวันเข้า ในสี่ทะเลนี้ ก็ไม่มีผู้ใดที่กล้าไม่เคารพนางอีกต่อไป! 

 

 

มนุษย์ผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่สวะชิ้นหนึ่ง ไหนเลยจะแข็งแกร่งไปกว่าพี่ชายได้อีก! 

 

 

อีกเดี๋ยวพี่ชายจะต้องฉีกมันจนกลายเป็นเศษเนื้อ เพื่อแก้แค้นให้กับแขนที่ขาดไปของนาง! 

 

 

เหอะ เหอะ เหอะ! 

 

 

ความเจ็บปวดนี้ พี่ชายจะต้องทวงคืนจากร่างของมันร้อยเท่าพันเท่า! 

 

 

เยี่ยเฉินกล่าวแล้ว ก็ขยับกระบี่ในมือ ขับพลังในร่างออกมา พุ่งตรงเข้าสู่ทรวงอกของตู๋กูเจวี๋ย 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยคว้าคอของเยี่ยอิงเอาไว้ หันไปมองดูด้วยแววตาเ**้ยมโหด 

 

 

กระบี่เล่มนั้นยังไม่ทันมาถึงตรงหน้าของเขา จิตกระบี่ที่แข็งแกร่งก็พุ่งเข้ามาถึงก่อน จนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดบนร่างของเขาฉีกขาดออกไป เส้นผมที่พลิ้วอยู่ก็ขาดออกไปบางส่วน หล่นลงสู่พื้น 

 

 

จิตกระบี่แข็งแกร่งเสียดแทงร่างกายของเขาจนชาวาบไปถึงกระดูก เขารีบเขวี้ยงเยี่ยอิงที่อยู่ในมือทิ้งไป 

 

 

เยี่ยอิงลอยออกไปเหมือนดั่งตุ๊กตาผ้าในทันที ขณะเดียวกัน มังกรดำหลายตัวก็เหาะตามไป รับร่างของนางเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ร่างของนางกระแทกเข้ากับสิ่งก่อสร้างในวังหลวงจนได้รับบาดเจ็บหนัก 

 

 

ถึงกระนั้น เยี่ยอิงก็ยังกระอักเลือดออกมาคำโต 

 

 

ลำคอแทบจะถูกเล็บของตู๋กูเจวี๋ยแทงจนทะลุออกไป เลือดยังไหลนองไม่ยอมหยุด 

 

 

พอมองดูแขนที่ขาดไปของตนเอง ในดวงตาของนางก็มีแต่เส้นเลือด ไอ้ลูกนอกสมรสที่สมควรตาย! 

 

 

รอให้พี่ชายเอาชนะมันได้แล้ว นางจะต้องสับมันเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ถึงจะชำระความแค้นในหัวใจของนางได้! 

 

 

คราวนี้ ตู๋กูเจวี๋ยกุมดาบกระดูกมังกรในมือเอาไว้อย่างแนบแน่น เตรียมปะทะกับเยี่ยเฉิน 

 

 

เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปจนหมดแล้ว พลังแห่งความกระหายเลือดของราชามังกรทมิฬ ถูกเยี่ยจ้านถ่ายเทจากร่างของตู๋กูซิงหลันมาไว้ในร่างกายของเขา 

 

 

วันนี้ผนึกถูกทำลายแล้ว จึงระเบิดออกมา 

 

 

ทำให้เขากลายเป็นเครื่องจักรสังหารไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่รู้จักญาติมิตรอีกต่อไป! มีแต่ความโหดเ**้ยมต้องการทำลายล้างทุกสิ่งแม้กระทั่งตนเอง! 

 

 

เนื่องเพราะพลังนี้น่ากลัวอย่างที่สุด น่ากลัวจนถึงขนาดที่ว่า แม้เขาพึ่งจะได้รับการคลายผนึก ทั้งยังไม่เคยฝึกฝนวรยุทธ์ใดๆ ก็ยังสามารถใช้เพียงกำลังนี้กำราบเยี่ยอิงได้ 

 

 

แต่ว่าผลสะท้อนของมันก็รุนแรงมากเช่นกัน ดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่มแล้วเยี่ยจ้านจึงได้ถ่ายพละกำลังส่วนนี้มาไว้ที่ร่างกายของเขา 

 

 

เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้ว…..บุตรสาวคือองค์หญิงน้อยที่น่าทนุถนอม ส่วนบุตรชายสมควรฝึกฝนให้มากเข้าไว้ 

 

 

ให้ลูกชายได้รับความยากลำบากเสียบ้าง….ไม่ถือว่ามากเกินไป 

 

 

คนในเผ่ามังกรทมิฬต่างก็เร่งรุดมามองดูเหตุการณ์เบื้องหน้า 

 

 

ต่อให้พวกเขาดวงตามืดบอกเพียงไร พอได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกก็ยังดูออกว่า นี่จะต้องเป็น ‘บุตรนอกสมรส’ จาก ‘เผ่ามนุษย์’ ที่ราชามังกรไปมีอยู่ภายนอกอย่างแน่นอน 

 

 

คนหนึ่งคือบุตรชายที่ถูกต้องตามธรรมเนียมของราชามังกร คนหนึ่งคือลูกนอกสมรสกับเผ่ามนุษย์ที่ไม่เคยฝึกฝนสิ่งใด 

 

 

แต่ทำไมดูอย่างไรก็สูสีกันมาก! 

 

 

หวาชางสุ่ยที่อยู่บนหอสูงไม่ได้รีบร้อนลงมือ 

 

 

บุตรชายและบุตรสาวของนางไม่ได้รับถ่ายทอดพลังที่กระหายเลือดเหล่านั้นมา ทั้งยังไม่ได้รับพลังของเผ่าทมิฬ แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กนอกสมรสผู้นั้นจะได้สืบทอดพลังกระหายเลือดของเยี่ยจ้านไป 

 

 

ในใจของนางรู้สึกไม่ยินยอมอย่างที่สุด 

 

 

แต่พอคิดๆดูแล้ว ไอ้เด็กนอกสมรสนั่นได้รับพลังกระหายเลือดแล้วจะอย่างไร? 

 

 

เฉินเอ๋อร์ที่โดดเด่นและแข็งแกร่งของนางก็สามารถตบมันให้ฟันร่วงกระแทกพื้นได้อยู่ดี! 

 

 

เยี่ยจ้านมีใจลำเอียงแล้วจะอย่างไร? ลูกนอกสมรสก็ยังเป็นลูกนอกสมรส! ไก่ป่าย่อมไม่อาจจะกลายเป็นหงส์ฟ้าไปได้! 

 

 

นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลสนใจ 

 

 

กระบี่ของเยี่ยเฉินพุ่งเข้าสู่หัวใจของตู๋กูเจวี๋ย ตู๋กูเจวี๋ยก็ไม่ได้ยกดาบกระดูกมังกรขึ้นป้องกัน แต่ว่าแทงดาบกระดูกมังกรออกไปในช่วงเวลาเดียวกันมุ่งเป้าไปยังคอหอยของเยี่ยเฉิน 

 

 

ตอนนี้เขากลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้อารมณ์และความรู้สึกไปแล้ว ย่อมไม่สนใจใยดีความเป็นความตายของตนเองแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่คิดจะป้องกันใดๆ 

 

 

เยี่ยเฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา มือข้างหนึ่งของเขากลายเป็นกรงเล็บมังกร และคว้าดาบกระดูกมังกรเอาไว้ในทันที 

 

 

ขณะที่ดาบกระดูกมังกรและกรงเล็บของเขาปะทะกันจนเกิดสะเก็ดไฟฟุ้งกระจายดั่งดอกไม้ไฟ ส่งเสียงราวทองคำกับโลหะปะทะกัน 

 

 

มืออีกข้างของเขากุมกระบี่เอาไว้ สายตาจับจ้องไปยังทรวงอกของตู๋กูเจวี๋ย 

 

 

มุมปากของเขาขยับยิ้มเย็นชาออกมา 

 

 

หนึ่งกระบี่แทงทะลุหัวใจ! 

 

 

ให้ไอ้ลูกนอกสมรสผู้นี้ต้องตายอย่างอนาถ! 

 

 

กระบี่แหลมแทงเข้าไปในผิวเนื้อของตู๋กูเจวี๋ย 

 

 

เยี่ยเฉินเกลียดชังไอ้ลูกนอกสมรสผู้นี้อย่างยิ่ง กระบี่นี้จึงใช้ออกอย่างสุดกำลัง 

 

 

ขณะที่เห็นอยู่ว่ากำลังจะแทงเข้าไปแล้ว 

 

 

ทันใดนั้น! 

 

 

ดาบยักษ์เล่มหนึ่งก็หล่นลงมาจากฟากฟ้า! 

 

 

“ปง!” เสียงสะท้อนดังสะท้านไปทั่ว ดาบยักษ์ที่พุ่งเข้ามาอย่างลึกลับนั้นตอกลงมาบนตัวกระบี่ของเขา 

 

 

กระบี่ยาวที่แหลมคมก็หักสะบั้นลงไปทันที กระบี่ผงาดฟ้าที่ไท่จื่อแห่งเผ่ามังกรทมิฬเคยภาคภูมิใจอย่างที่สุดหักแตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อย! 

 

 

ฝูงชนทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง! 

 

 

ท่ามกลางสายลมที่พัดโหม พวกเขารู้สึกได้แต่เพียงว่าในอากาศมีกลิ่นหอมของดอกฮว๋ายฮวาที่เย็นยะเยือกแทรกอยู่ 

 

 

ในชั่วพริบตา กลิ่นหอมนั้นคล้ายดั่งจะกระจายออกมาจากทั่วทุกมุม 

 

 

จากนั้นท่ามกล่างสายลมที่บ้าคลั่ง สีแดงดุจกองเพลิงกลุ่มหนึ่งก็ลงมาจากท้องฟ้า! 

 

 

สาวน้อยผู้นั้นสวมใส่ชุดสีแดงตลอดร่าง เส้นผมสีดำยาวที่ด้านหลังพลิ้วไหวราวกับเริงระบำอยู่ท่ามกลางสายลม 

 

 

ขณะที่พลิ้วร่างอยู่เหนือดาบยักษ์ ดวงตาดอกท้อที่มีไอสังหารเข้มข้นสุดหยั่งคู่นั้นทั้งเย็นชาและเ**้ยมโหด นางยังดูน่ากลัวกว่าเพชรฆาตอย่างตู๋กูเจวี๋ยเสียอีก 

 

 

 

 

 

 

 

 

……………………………….. 

 

 

วิชาซวงซิว: (双修): เป็นการฝึกฝนกรรมฐานอย่างหนึ่งในพุทธศาสนาสายทิเบต ที่ผู้ฝึกตนจะเปลือยร่างขณะเข้าสู่กรรมฐานร่วมกับคู่ฝึกที่เป็นเพศตรงข้าม (ชายหรือหญิง) อาศัยการมีเพศสัมพันธ์เป็นสื่อเพื่อส่งเสริมและแลกเปลี่ยนพลังหยินหยาง (อะนะ เข้าใจตรงกันใช่ไหม) 

 

 

ไรท์ : ขออภัยที่ไม่อาจใส่ภาพประกอบมาให้ดูได้ ใครอยากรู้มากกว่านี้เชิญไปถามอากู๋ต่อไป 

 

 

…………………… 

 

 

ตอนต่อไป “ฆ่า!”