ชายหนุ่มรูปงามในอาภรณ์สีทองงามหรูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ยืดกายขึ้นแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้วิธีการจะร้ายกาจ แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาควบคุมค่ายกลทั้งวังหลวง จึงยังสามารถสัมผัสรับรู้ได้ว่าท่านอาจารย์ผู้นี้ได้จากไปแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาขมวดคิ้วมุ่น “โชคไม่ดีเลยจริงๆ”
เขาได้พบท่านอาจารย์ผู้นี้เป็นครั้งแรกจริงๆ
ตอนแรกเขาหลบหนีราวกับสุนัขไร้บ้านแล้วสบโอกาสได้มายังโบราณสถานแห่งหนึ่ง และได้สมบัติลับระดับยอดสุด อย่าง ‘ดาบทวิภพ’ มา และนี่ก็คือหลักประกันในการพลิกร่างของเขา! แต่อันที่จริงแล้ว ที่ ‘ดาบทวิภพ’ สมบัติลับระดับยอดสุดชิ้นนี้มาอยู่ในโบราณสถานได้ ก็เพราะท่านอาจารย์ผู้นี้จงใจทิ้งเอาไว้ให้ หากอยากจะได้สมบัติลับ ก็ต้องลั่นคำสัตย์ บูชาเขาเป็นอาจารย์เสียก่อน!
คำสัตย์พันธนาการเอาไว้
เมื่อมาถึงระดับอย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาแล้ว หากฝ่าฝืนก็ไม่มีอันตรายอันใด เพียงแค่ฝ่าฝืนจิตแห่งวิถีเท่านั้น ทำให้การบำเพ็ญยากที่จะก้าวหน้าไปได้อีก แต่สำหรับประมุขรัฐเมฆทักษิณาซึ่งมีจิตคิดจะบรรลุเทพจักรวาลขั้นสุดยอดให้ได้ หากไม่ถึงชั่วขณะสุดท้าย ก็ไม่อยากฝืนคำสัตย์
“ตอนนั้นคิดถึงเพียงการพลิกร่าง นอกจากนี้ตอนนั้นข้าคิดว่าเขาสิ้นใจไปนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่สิ้นใจและยังกลับมาแล้วด้วย” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้า ตอนนั้นเขาน่าอนาถถึงเพียงนั้น ก็แค่คารวะอาจารย์คนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูซึ่งหายสาบสูญไปนานแสนนาน เขาจึงมิได้ลังเลอะไรนัก
บัดนี้ ท่านอาจารย์มาแล้ว
เมื่อพบหน้ากันครั้งแรก ข้อหนึ่งคือประมุขรัฐเมฆทักษิณา ไม่อยากจะฝ่าฝืนคำสัตย์สาบาน ข้อสอง ก็คือไม่อยากยั่วโมโห ท่านอาจารย์ผู้นี้! เพราะถึงอย่างไรขณะที่อีกฝ่ายเหิมเกริมไปทั่วดินแดนจิตโลกา เขาก็เพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาลเท่านั้น จึงเข้าใจความน่ากลัวของอีกฝ่าย
“หากไปยั่วโมโหเขาเข้าจริงๆ นอกจากข้าแล้ว คนทุกผู้ทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณาก็ล้วนต้องตายทั้งสิ้น” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาลอบทอดถอนใจ
ตอนนั้นอีกฝ่ายก็เป็นตัวแทนของความตายอยู่แล้ว!
บัดนี้พลังอาจจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณายินดีที่จะอดทนเอาไว้ มากกว่าไปยั่วโมโหฝ่ายตรงข้าม
******
ณ เมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงดื่มสุราเป็นเพื่อนอิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดาตลอดทั้งคืน ก่อนจะกลับไปยังเรือนของตน เขานั่งขัดสมาธิลงกลางศาลาริมทะเลสาบ พลางมองดูลูกแก้วห้าภาพที่ปรากฏขึ้นบนข้อมือ ทันใดนั้นร่างแยกร่างหนึ่งก็โถมเข้าไปภายในลูกแก้วลูกหนึ่ง
ณ โลกภายในลูกแก้วห้าภาพ
ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ เพียงแวบเดียวก็มองเห็นจ้าวมารเพลิงพิโรธซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนผืนดินกว้างใหญ่พลางพยายามขับพิษร้ายออกจากร่างกาย หนึ่งคืนผ่านไป พิษร้ายที่จ้าวมารเพลิงพิโรธโดนเข้าไปก็ถูกกำจัดออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในใจของจ้าวมารเพลิงพิโรธกลับไม่มีความยินดีเลยแม้แต่น้อย ในใจกลับหนักอึ้งไปหมด…เขารู้ว่าวิกฤตถึงตายกำลังรอคอยอยู่ตรงหน้า
“เจ้ามาแล้ว” จ้าวมารเพลิงพิโรธมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ เขาเว้นห่างไปคืนหนึ่งจึงมาพบอีกฝ่าย ก็เพื่อให้จ้าวมารเพลิงพิโรธผู้นี้สงบลงไปบ้าง
“จ้าวมารเพลิงพิโรธ บัดนี้ท่านมีทางเลือกสองทาง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ทางแรกคือข้าสังหารท่าน แล้วนำสมบัติล้ำค่าของท่านไป ทางที่สอง คือท่านเป็นฝ่ายมอบสมบัติล้ำค่าให้เอง แล้วข้าจะมอบตัวท่านให้แก่รัฐโบราณคิมหันตวายุ! แม้รัฐโบราณคิมหันตวายุอาจจะมีบทลงโทษบ้าง ให้ท่านอุทิศตนให้พวกเขา แต่ถึงอย่างไรท่านก็จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้”
จ้าวมารเพลิงพิโรธถูกขังอยู่ภายในลูกแก้วห้าภาพ จะสังหารเขาก็มิใช่เรื่องยากเลย
เพียงแค่ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกัน! ลูกแก้วห้าภาพนั้นตัดขาดภายในและภายนอกออกจากกัน การไหลเวียนของพลังฟ้าดินก็ถูกตัดขาด เมื่อไม่มีพลังฟ้าดินคอยส่งเสริมแล้วต่อสู้กันไป พลังงานของจ้าวมารเพลิงพิโรธ ก็จะถูกเผาผลาญไปจนสิ้นและต้องตายอย่างแน่นอน!
“ถูกเจ้าจับมาทั้งเป็น ข้าก็มีแต่ต้องถวายชีวิตให้รัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว ยังจะทำเช่นไรได้อีกเล่า” จ้าวมารเพลิงพิโรธพูดเสียงต่ำ
เขาไร้ทางเลือก!
สำหรับหกรัฐโบราณแล้ว มารร้ายเหล่านี้ หากอ่อนแอก็จะสังหารให้ตายทันที
แต่โดยทั่วไปหากสำเร็จเป็นเทพจักรวาล ก็จะมีค่าพอให้ใช้งานได้แล้ว! รัฐโบราณแต่ละแห่งล้วนมี ‘มือดี’ ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในความมืดทั้งสิ้น อย่างรัฐโบราณจันทร์บุปผาหรือรัฐโบราณเสียดฟ้าซึ่งเป็นรัฐโบราณที่ค่อนข้างอ่อนแอนั้นถึงขั้นเป็นฝ่ายเรียกมารร้ายไปเอง ทั้งยังมิได้ตั้งข้อจำกัดอันใดอีกด้วย มารร้ายเหล่านั้นจึงมีอิสระเป็นอย่างมาก
“ดีมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว จากนั้นก็ยื่นมือออกไป พลังเทพจักรวาลสายหนึ่งแทรกเข้าไปภายในกายของจ้าวมารเพลิงพิโรธซึ่งอยู่ไกลออกไป จ้าวมารเพลิงพิโรธก็มิได้ขัดขวางแต่อย่างใด
เขาตรวจสอบภายในกายของจ้าวมารเพลิงพิโรธรอบหนึ่งอย่างง่ายดาย
สมบัติลับทั้งหมดของจ้าวมารเพลิงพิโรธค่อยๆ ลอยออกมาทีละชิ้นๆ จ้าวมารเพลิงพิโรธไม่ขัดขวางเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงขั้นนี้ เขาก็รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร
“อุทิศแรงให้รัฐโบราณคิมหันตวายุ ถึงอย่างไรในภายหน้าก็ต้องมีสักวันที่ได้คืนสู่อิสรภาพ” เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบดูก็พึงพอใจเป็นอันมาก
เนื่องจากหากส่งไปทั้งเป็น เมื่อรัฐโบราณคิมหันตวายุกำหนดข้อจำกัดต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็จะมีมือดีเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง นอกจากคุณูปการภารกิจแล้ว ก็ยังมีรางวัลเป็นแก้วผลึกจักรวาลอีกจำนวนมาก! จ้าวมารเพลิงพิโรธผู้นี้…คาดว่าจะสามารถทำให้ตนได้รางวัลกว่าหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล แม้เมื่อเทียบกันแล้วตัวจ้าวมารเพลิงพิโรธเองจะนับว่ามีราคาค่อนข้างต่ำก็ตามที แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอมีผลประโยชน์เพิ่มขึ้นมาบ้าง
สำหรับรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว หากจะให้พวกเค่อชิงปฏิบัติภารกิจ ก็ยังต้องมอบคุณูปการและผลประโยชน์ให้อีก! เค่อชิงที่ร้ายกาจบางคนอาจบ่นกระปอดกระแปดหรือถึงขั้นปฏิเสธเสียเลย
ส่วน ‘มือดี’ เหล่านี้กลับแตกต่างออกไป เพราะไม่จำเป็นต้องให้ผลประโยชน์! ทั้งยังมิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งอีกด้วย!
“พเนจรอย่างอิสระมาจนถึงบัดนี้ กลับต้องมาสะดุดลงด้วยมือของจ้าวหิมะเหินผู้นี้” จ้าวมารเพลิงพิโรธนั่งขัดสมาธิอยู่ แม้ในใจจะโศกเศร้า แต่ก็รู้ดีว่าควรทำอย่างไร
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในเมืองหิมะเหินโดยมิได้ไปไล่ล่าผู้ใดอีก
เนื่องจากเขารู้ดีว่า สามารถจับตัวจ้าวมารเพลิงพิโรธได้ทั้งเป็น ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว!
จากประสบการณ์
ทุกครั้งที่วังเทพจิตโลกาเปิดออกมา ในการแย่งชิงรายนามของรัฐโบราณคิมหันตวายุ หากสามารถสังหารเป้าหมายของภารกิจสำเร็จได้สักคนก็นับว่าไม่เลวแล้ว! เนื่องจากผู้ที่สามารถมีรายชื่อถูกล่าหัวอยู่ในภารกิจได้ ก็ล้วนแต่สังหารได้ยากนัก! หากมิใช่เพราะเขาตงป๋อเสวี่ยอิงเจ้าเล่ห์พอ และการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดสามารถมาถึงข้างกายศัตรูได้อย่างไร้สุ้มเสียง หากมิใช่เพราะมีเจ้าลัทธิเก้าพิษช่วยเหลือ หากมิใช่เพราะบรรพชนเหินประจิมช้าไปก้าวหนึ่ง เขาก็ไม่มีทางสำเร็จได้
ดังนั้นตัวเขาเองก็รู้ว่า นับว่าโชคดีแล้ว
ถึงขั้นที่ว่า ในบรรดาเป้าหมายที่มีการตั้งรางวัลเอาไว้ทั้งหมด มีเพียง ‘จ้าวมารจันทราวายุ’ เท่านั้นที่เขาจัดการได้พอดี แต่จ้าวมารจันทราวายุก็รู้ว่าจิตใจมีข้อบกพร่อง ดังนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ภายในสมบัติล้ำค่าที่บรรพชนเหินประจิมพกติดตัวเอาไว้! ดังนั้นเมื่อสะกดรอย…จึงพบตำแหน่งที่อยู่ของจ้าวมารจันทราวายุ ซึ่งก็คือตำแหน่งของบรรพชนเหินประจิมนั่นเอง บรรพชนเหินประจิมปลอมตัวเป็นจ้าวมารจันทราวายุจึงสามารถทำได้สำเร็จ!
แน่นอนว่า…
บรรดาจ้าวมารคนอื่นๆ ล้วนมิกล้าอยู่ภายในสมบัติล้ำค่าที่บรรพชนเหินประจิมพกติดตัวเอาไว้ เนื่องจากพลังของตัวบรรพชนเหินประจิมเองไม่นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก เพียงแต่เขาสามารถปรากฏร่างขึ้นอีกร่างหนึ่งได้อย่างรวดเร็วหลังจากร่างกายถูกทำลายไปแล้วก็เท่านั้นเอง หากจ้าวมารทั้งสี่ซ่อนตัวอยู่ด้วยกันทั้งหมด เกรงว่าหากสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างมหาเคารพฝูอี่ร่วมมือกันขึ้นมา ก็คงตายกันยกครัว
“การแย่งชิงตำแหน่งของรัฐโบราณคิมหันตวายุ หากสามารถสังหารเป้าหมายได้สักคนสองคนก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว โดยทั่วไปการสะสมคุณูปการภารกิจ หลักๆ แล้วก็จะเป็นภารกิจสมบัติวิเศษเสียมากกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
“ภารกิจสมบัติวิเศษนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่รัฐโบราณคิมหันตวายุต้องการและหาได้ยากเป็นอย่างมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
แม้แต่สามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุก็อยากจะได้
จะเห็นได้ถึงระดับความหายาก
ไม่ว่าจะล้ำค่าน้อยหรือมาก สมบัติวิเศษเหล่านี้มีอยู่จุดหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ…หาได้ยาก!
ผู้ที่เข้าร่วมการช่วงชิงเหล่านี้…ล้วนมีพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ละคนทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อตามหา ตามประสบการณ์ในประวัติศาสตร์ โดยทั่วไปแล้วราว ‘หนึ่งหมื่นคุณูปการ’ ก็สามารถได้ตำแหน่งมาแล้ว! ในประวัติศาสตร์บางครั้งก็มากกว่าเล็กน้อย เช่นอาจต้องใช้หนึ่งหมื่นกว่าจนเกือบสองหมื่นคุณูปการจึงจะได้รับตำแหน่งมา บางครั้งก็น้อยกว่าเล็กน้อย ห้าพันคุณูปการก็โชคดีได้ตำแหน่งมาได้แล้ว!
คุณูปการเล็กน้อยเท่านี้ก็สามารถได้ตำแหน่งมาได้
จะเห็นได้ถึงความยากของ ‘ภารกิจสังหาร’ และ ‘ภารกิจสมบัติวิเศษ’
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในศาลาสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสุราผลไม้ร้อนกรุ่น ทันใดนั้นก็แหงนหน้ามองขึ้นไปราวกับรับรู้อะไรบางอย่าง
“ฟิ้ว”
เหนือทะเลสาบตรงหน้ามีเงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันขึ้นมา เป็นบุรุษอาภรณ์เหลืองคนหนึ่งซึ่งหน้าผากปูดโปนขึ้นมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งเฮือกแล้วยืดกายขึ้น “คารวะมหาเคารพ”
ผู้ที่มาเป็นถึงหนึ่งในเก้ามหาเคารพแห่งสกุลเซี่ย ‘มหาเคารพวายุเหล็ก’ ซึ่งมีพลังค่อนไปทางท้ายๆ ทัดเทียมกับจอมเคารพสะบั้นฟ้าแห่งรัฐเหินประจิม อันที่จริงสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพส่วนใหญ่ก็มีพลังประมาณนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็เป็นคนสำคัญของสกุลเซี่ย
“จ้าวหิมะเหิน” มหาเคารพวายุเหล็กย่ำอากาศเข้ามาพลางยิ้มตาหยี เขาเดินเข้ามาภายในศาลาแล้วสูดดม “สุราช่างหอมหวนเสียจริง ไม่รู้ว่าจะเคราะห์ดีได้ดื่มสักหลายจอกหรือไม่”
“มหาเคารพมาดื่มสุราทั้งที ก็ถือเป็นเกียรติของหิมะเหินแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบทันที
จากนั้นมหาเคารพวายุเหล็กก็นั่งขัดสมาธิลง
ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงนั่งลง
ช่วยไม่ได้
ต่อให้พลังทัดเทียมกัน คนจากรัฐภายนอก เมื่อเผชิญหน้ากับมหาเคารพแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ต่ำกว่าอยู่ขุมหนึ่ง! เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีผู้ช่วยเป็นโขยง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตนอ่อนแอกว่าฝ่ายตรงข้ามเลย
“อื้ม รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว” มหาเคารพวายุเหล็กวางจอกสุราลงแล้วพูดพลางยิ้มตาหยี “ได้ยินมาว่าจ้าวหิมะเหินจับจ้าวมารเพลิงพิโรธผู้นั้นมาทั้งเป็น นับถือๆ”
“แค่โชคดีเท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“นี่มิใช่โชคหรอก หากไม่มีกลเม็ดการกลายเป็นอากาศธาตุของท่าน ไหนเลยจะสามารถเข้าใกล้ได้ โดยที่จ้าวมารเพลิงพิโรธและเจ้าลัทธิเก้าพิษไม่รู้ตัว ถ้าไม่มีกลเม็ดเขตลวงโลกเทียม ไหนเลยจะสามารถจับเขาขังเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย” มหาเคารพวายุเหล็กกล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา “ชมเกินไปแล้ว”
แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจก็ยังคงเบิกบานนัก
“ฮ่าฮ่า จ้าวมารเพลิงพิโรธผู้นั้นมิได้รนหาที่ตายเองกระมัง” มหาเคารพวายุเหล็กกล่าว
“เปล่าหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “เขาจะอุทิศแรงเพื่อรัฐโบราณคิมหันตวายุ”
มหาเคารพวายุเหล็กพยักหน้าน้อยๆ แล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากขอให้จ้าวหิมะเหินช่วย”
ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงคันยุบยิบเล็กน้อย
หรือว่า…
“มหาเคารพ เชิญพูดมาเถิด หากข้าช่วยได้ข้าจะต้องช่วยอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดขึ้นทันที
มหาเคารพวายุเหล็กพยักหน้า “จ้าวหิมะเหินยังเยาว์วัยนัก ทั้งยังเพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาลได้ไม่นานสักเท่าใดนัก และยังบำเพ็ญไปไม่ถึงขีดจำกัด ไม่ต้องรียร้อนบรรลุ ดังนั้นข้าจึงได้มาที่นี่…สหายสนิทของข้าคนหนึ่งในสกุลเซี่ยบำเพ็ญมาจนถึงขีดจำกัดแล้ว จึงคิดจะเข้าไปในวังเทพจิตโลกา ดังนั้นจึงขอให้จ้าวหิมะเหินโปรดสละของรัก ส่งมอบจ้าวมารเพลิงพิโรธซึ่งถูกคุมขังผู้นี้มาให้ข้า วางใจเถิด ข้าย่อมไม่เอาเปรียบจ้าวหิมะเหินอย่างแน่นอน ข้าจะมอบสามหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลให้เป็นค่าชดเชย”
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
ค่าชดเชยหรือ
เมื่อรอจนถึงเวลาเก้าหมื่นปีที่กำหนดไว้ แล้วตนส่งมอบขึ้นไป ก็จะได้รับหนึ่งหมื่นสองพันมหาคุณูปการและแก้วผลึกจักรวาลถึงหมื่นล้านก้อน! ลำพังแค่สิ่งเหล่านี้ มูลค่าก็ไม่ต่ำกว่าสามหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลแล้ว เนื่องจากคุณูปการนั้นสามารถแลกเปลี่ยนเป็นแก้วผลึกจักรวาลได้ แต่แก้วผลึกจักรวาลนั้นมิอาจแลกเป็นคุณูปการได้! ยิ่งไปกว่านั้น อาศัยคุณูปการนี้ ตนก็อาจจะได้ตำแหน่งสำหรับการเข้าสู่วังเทพจิตโลกามา ซึ่งนั่นมีราคาสูงยิ่งกว่า
“ท่านมหาเคารพ ข้าก็บำเพ็ญจนถึงขีดจำกัดแล้ว จึงต้องเข้าไปในวังเทพจิตโลกาเช่นกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
สิ่งที่เขาพูดมิใช่คำลวง
เพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล วิถีอากาศทั้งเก้าสายของเขาก็เชื่อมต่อกันถึงขั้นเทพจักรวาลแล้ว เนื่องจากสั่งสมมาอย่างหนาแน่นยิ่งนัก ระยะเวลาหมื่นล้านปี ‘ภาพฟ้า’ และ ‘ภาพดิน’ ทั้งสองสายหลอมรวมกัน เขาก็บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว ใกล้จะก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลชั้นที่สองแล้ว
“จ้าวหิมะเหิน หากท่านรับปาก ข้าก็จะติดค้างน้ำใจท่านครั้งหนึ่ง” มหาเคารพวายุเหล็กกล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในใจ น้ำใจหรือ
หากเป็นน้ำใจของมหาเคารพฝูอี่ มูลค่าก็คงสูงยิ่งนัก ส่วน ‘มหาเคารพวายุเหล็ก’ พลังก็สูงกว่าตนค่อนข้างจำกัด น้ำใจจะมีประโยชน์สักเท่าใดกันเชียว
“ทำไมล่ะ ไม่อยากรึ” มหาเคารพวายุเหล็กขมวดคิ้ว “รังเกียจว่าน้อยเกินไปสินะ แม้สหายผู้นั้นของข้าจะบอกว่าสามหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล ทว่าข้าสามารถเพิ่มให้เป็นห้าหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลได้! คงเพียงพอจะชดเชยความเสียหายของท่านได้แล้วกระมัง จ้าวหิมะเหิน ท่านยังเยาว์วัยนัก รีบร้อนอะไรกัน! ครั้งหน้าก็ยังมีโอกาสอีก”
…………………………………