อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1889 ศพของเหยียนฮุย
เขาเคยได้ยินผู้คนมากมายเอ่ยนาม ‘ขงซือเหยา’ เธอขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ มีความปราดเปรื่องเหนือชั้นเรื่องวรยุทธ ว่ากันว่าเธอไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขาเลย
มีบางครั้งที่จางเซวียนคิดว่าตัวตนที่แท้จริงของหลัวลั่วชิงคือขงซือเหยา แต่ข้อสันนิษฐานของเขาก็ผิดพลาด
เมื่อเห็นบุคคลที่เขาเคยได้ยินชื่อหลายครั้งหลายหนปรากฏตัวตรงหน้า จางเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะพิจารณาเธออย่างถี่ถ้วน
พูดได้เลยว่าเรื่องที่ร่ำลือกันนั้นไม่ได้ปราศจากเหตุผล ไม่เพียงแต่เธอจะมีรูปร่างหน้าตางดงามอย่างไร้ที่ติ ยังแผ่รังสีของความเป็นอมตะตามแบบของเทพเจ้าออกมาด้วย ยากที่ใครสักคนจะละสายตาจากเธอได้
หลัวลั่วชิงมีรังสีสง่างามแก่กล้าที่ทำให้ใครๆไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้เธอเป็นบุคคลที่ยากจะเข้าถึง แต่ขงซือเหยามีรังสีที่ดึงดูดให้ใครต่อใครมอบความไว้วางใจและยอมจำนนให้เธอ มันเป็นรังสีของผู้นำโดยสัญชาตญาณ ผู้คนมากมายเต็มใจจะมอบชีวิตให้เธอบงการ
เหล่าปรมาจารย์ที่ไร้เทียมทานสามารถดึงดูดสายตาของใครๆให้หันมาจับจ้องได้ด้วยรูปลักษณ์ของพวกเขานี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นใครคนหนึ่งเปล่งประกายของคุณสมบัตินั้นอย่างเด่นชัดดูเหมือนขงซือเหยาจะได้รับการถ่ายทอดสายเลือดของปรมาจารย์ขงมาอย่างแท้จริง จางเซวียนคิด
แน่นอนว่าสายเลือดของปรมาจารย์ขงนั้นย่อมไม่ธรรมดา
ในแง่วรยุทธ ขงซือเหยาเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกเหมือนจางเซวียน เธอยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณ แต่รังสีในร่างกายของเธอเข้มข้นและหนักแน่นมาก เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการต่อสู้น่าจะเหนือชั้นกว่านักปราชญ์โบราณโดยทั่วไปแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่จางเซวียนได้เห็นใครคนหนึ่งที่มีความปราดเปรื่องทัดเทียมกับเขา
“ในเมื่อคุณรู้ว่าตัวเองเป็นทายาทของปรมาจารย์ขง ก็ควรจะรู้ด้วยว่าต้องแบกรับความรับผิดชอบอะไรบ้าง พวกเรายอมตายได้ แต่คุณจะต้องรักษาชีวิตของตัวเองไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!”
“ทายาทของปรมาจารย์ขงไม่เกรงกลัวความตาย!” ขงซือเหยาตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันรับเอาสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของปรมาจารย์ขงไว้ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการพยุงความมั่นคงของมิติที่นี่ ไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกันเรื่องนี้อีกแล้ว!”
เห็นขงซือเหยาตัดสินใจแม่นมั่น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาว “ซือเหยา คุณอายุยังน้อย ยังมีหนทางยาวไกลรออยู่ข้างหน้า ผมน่ะเป็นแค่โครงกระดูกแก่ๆกองหนึ่งที่กำลังจะหมดอายุขัยเร็วๆนี้ ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้เลย เราไม่ควรจะมาต่อรองเรื่องนี้กันด้วย…”
ขณะที่พูด เขาก็โบกมือ
กระแสพลังงานระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน โอบล้อมร่างของขงซือเหยาและสกัดกั้นเธอไว้ในทันที ทำให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้
“นักปราชญ์โบราณเหยียนชิง!”
นึกไม่ถึงว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิง จะทำอะไรแบบนี้ ขงซือเหยาอุทานด้วยความว้าวุ่นใจ ความกังวลและความตื่นตระหนกผสมปนเปกันอยู่ในหัวใจของเธอ ทำให้น้ำตาปริ่มขอบตา
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงไม่หวั่นไหวกับทีท่าของขงซือเหยา เขาหันไปสั่งการอย่างเฉียบขาดกับเหยียนเฉว่ “ดูแลเธอให้ดีนะ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของคุณ ก็จะปล่อยให้เกิดอันตรายใดๆขึ้นกับเธอไม่ได้!”
“ได้!” เหยียนเฉว่รับคำอย่างเด็ดเดี่ยว
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหลับตาครู่หนึ่งก่อนจะมองนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆและพยักหน้า “เริ่มกันเถอะ”
ขณะที่เขาพูด รังสีอันเฉียบขาดและทรงพลังก็แผ่ซ่านออกจากร่าง เมื่อได้กำลังสนับสนุนจากนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆ รังสีนั้นก็ก่อตัวอย่างรวดเร็วขึ้นเป็นลำแสงขนาดใหญ่ที่พุ่งตรงเข้าสู่ความว่างเปล่า
พายุโหมกระหน่ำดังกึกก้องอยู่ในความว่างเปล่านั้น กระแสพลังงานหนักหน่วงนับไม่ถ้วนฉีกกระชากรอยแยกแห่งมิติ ดูเหมือนพยายามจะตะเกียกตะกายออกไปเพื่อสำแดงความน่าพรั่นพรึงของมันให้โลกรับรู้
นี่คือ*…ปราณสังหารของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นใช่ไหม?*
เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีนั้น จางเซวียนชะงักไปครู่หนึ่ง เขาครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะส่ายหัว
ไม่หรอกไม่ใช่มันหนักอึ้งยิ่งกว่าปราณสังหารเสียอีกดูเหมือนกับปรอททางเดินพลังปราณของเราคงรับน้ำหนักของมันไม่ไหวแน่หากเราบุ่มบ่ามซึมซับมันเข้าไป*…*
สีหน้าของจางเซวียนเคร่งขรึมกว่าเดิมเมื่อรับรู้
พลังงานที่อยู่เหนือรอยแยกแห่งมิติมีลักษณะคล้ายคลึงกับปราณสังหาร แต่แปลกประหลาดพิสดารยิ่งกว่า แม้ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ เขาก็ยังไม่กล้าผลีผลามซึมซับมันเข้าสู่ร่างกาย
พลังจิตวิญญาณโดยทั่วไปนั้นเบาหวิวเสียยิ่งกว่าน้ำ ดังนั้นทางเดินพลังปราณจึงสามารถต้านทานกระแสการไหลเวียนของมันได้โดยไม่เกิดการฉีกขาด แต่เรื่องนี้ไม่อาจพูดได้กับปรอทหรืออะไรก็ตามที่คล้ายคลึงกับพลังงานที่อยู่เหนือร่างของเขา แม้จะเป็นของเหลวเหมือนกัน แต่ก็มีโอกาสสูงที่น้ำหนักของมันจะทำลายทางเดินพลังปราณและกัดเซาะร่างกายของเขาจากภายในหากเขากล้าซึมซับมันเข้าไป
พลังงานนี้กำลังพุ่งพล่านอยู่ด้านหลังรอยแยกแห่งมิติ พยายามจะพุ่งเข้าสู่โลกให้ได้ในทุกขณะ
หากมันหลุดลอดผ่านรอยแยกแห่งมิติไปได้ ร่างของนักรบทุกคนของร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์จะต้องระเบิดเป็นชิ้นๆทันทีที่สัมผัสกับพลังงานนั้น
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่*?* จางเซวียนพรั่นพรึง
ราวกับว่าเขาเพิ่งค้นพบความลับของโลกอีกใบหนึ่งซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกที่เขาเคยเห็น ถ้าฉนวนไม่อาจสกัดกั้นพลังงานไว้ได้ ก็ย่อมหมายถึงจุดจบของอาณาจักรคุนฉื่อ!
“ยืนหยัดให้มั่นและปัดป้องมันออกไป!”
ขณะที่จางเซวียนกำลังพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ค่อยๆลอยตัวขึ้นสู่กลางอากาศ ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิงเพราะกระแสบรรยากาศที่พลุ่งพล่าน
เขาทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของค่ายกลที่สร้างขึ้นโดยนักปราชญ์โบราณทั้งกลุ่ม และมีหน้าที่ส่งพลังงานของคนเหล่านี้เข้าสู่ความว่างเปล่า
พายุพัดกระหน่ำโหยหวนอยู่กลางอากาศขณะที่แรงกดดันจากความว่างเปล่าดูจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มใส่พวกเขา
ในเวลานั้น สีหน้าของเหล่านักปราชญ์โบราณก็เคร่งเครียดยิ่งขึ้นขณะที่ผมสีดำสนิทของพวกเขา กลายเป็นสีขาวโพลน
พวกเขากำลังเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อสมานรอยแยกของมิติ
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ทุกคนดูร่วงโรยไปมากภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน เรื่องของเรื่องก็คือพวกเขาต่างทุ่มเทแรงกายเพื่อรักษาฉนวนที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้
สายฟ้าฟาดกลางอากาศดูจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะบ่งบอกถึงความเกรี้ยวกราดของสวรรค์
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกัดนิ้วแล้วหยดเลือดของเขาเข้าสู่ส่วนลึกของความว่างเปล่า จากนั้น โลงศพขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางท่ามกลางความว่างเปล่านั้น
การปรากฏขึ้นของโลงศพทำให้รอยแยกของมิติหดตัวเล็กน้อย และพละกำลังคล้ายกับปรอทที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่โลกก็ถอยกลับมาด้วยความหวาดกลัว ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ทุกคนก็ลดลงมาก
โลงศพใบนั้น…จางเซวียนครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว
การที่มีโลงศพซ่อนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าก็น่าประหลาดพออยู่แล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นสำหรับจางเซวียนก็คือหน้าตาของโลงศพ เขาประหลาดใจที่พบว่ามันเหมือนกับโลงศพที่เขาได้พบก่อนจะเข้าสู่อาณาจักรคุนฉื่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยน, โลงศพที่มีศพของนักปราชญ์โบราณหรันชิวอยู่!
โลงนั่นดูเหมือนจะเป็นหัวใจของฉนวน จางเซวียนวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
โลงใบนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการบรรจุศพ แต่ดูเหมือนจะเป็นของล้ำค่าทรงพลังบางอย่างที่ใช้เพื่อเสริมกำลังให้ค่ายกลที่ทำหน้าที่สมานรอยแยกกลางอากาศ เพราะพละกำลังของโลงศพนั้น พลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอทจึงไม่อาจร่วงลงมาจากสวรรค์และสร้างปัญหาได้
เป็นไปได้ว่าน่าจะมีร่างของนักปราชญ์โบราณสักคนที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกันกับนักปราชญ์โบราณหรันชิวอยู่ในโลง*…* จางเซวียนสันนิษฐาน
ข้อเท็จจริงที่ว่าค่ายกลสามารถป้องกันพลังงานที่มีลักษณะเหมือนปรอทไม่ให้ร่วงหล่นลงมาได้ก็บ่งบอกถึงพละกำลังอันน่าทึ่งของมันแล้ว ด้วยการทำหน้าที่เป็นหัวใจของค่ายกล ใครก็ตามที่อยู่ในโลงนั้นไม่มีทางเป็นคนธรรมดาสามัญไปได้
ฉนวนที่อยู่บริเวณทางเข้าอาณาจักรคุนฉื่อใช้ร่างของนักปราชญ์โบราณหรันชิวเป็นหัวใจ และแม้แต่ไอ้โหดซึ่งมีวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติก็ยังทำลายมันไม่ได้ ในเมื่อค่ายกลทรงพลังขนาดนี้ ก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าในยุคสมัยที่บุคคลนั้นรุ่งเรืองสูงสุด เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน
ครืนนนนน!
โลงศพที่อยู่กลางอากาศสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เกิดรอยร้าวมากมายบริเวณด้านข้างของมัน
“เปิด!”
พร้อมกันกับการปรากฏของรอยร้าว เส้นเลือดที่ขมับของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงปูดโปน เขารีบปล่อยกระแสเลือดสดๆของตัวเองเข้าสู่รอยร้าวของโลงศพนั้นเพื่อขับเคลื่อนให้มันเปิดออก
แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ใบหน้าของเขาจึงซีดเผือดราวกับกระดาษ ทั้งร่างสั่นสะท้านไม่หยุดจากการใช้พละกำลังเกินขนาด ผิวพรรณสูญเสียความยืดหยุ่นอย่างรวดเร็ว มันหย่อนยานและเหี่ยวย่น ในชั่วพริบตา นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ดูแก่กว่าเดิมไปอีก 10 ปี
บึ้มมมม!
รอยร้าวบนโลงศพขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อสัมผัสกับเลือดของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง ไม่ช้าก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ท่ามกลางฝุ่นผงฟุ้งกระจาย ร่างสูงตระหง่านปรากฏตัวขึ้นจากโลงศพนั้น
เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดการณ์ไว้ มีศพของนักปราชญ์โบราณอยู่ในโลงศพจริงๆ ร่างนั้นสวมเสื้อคลุมยาวพลิ้วไสว มีสีหน้าราบเรียบที่ให้ความรู้สึกสงบเย็น แม้ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในโลงศพมาหลายหมื่นปีแล้ว แต่ก็ดูไม่ต่างกับตอนเสียชีวิตใหม่ๆ ไม่มีร่องรอยของการเสื่อมสลายแม้แต่น้อย
หรือว่าคนผู้นี้คือ…
จางเซวียนจ้องมองศพและนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง ชื่อคนๆหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมองของเขา เขาตัวแข็งทื่อ
นักปราชญ์โบราณจื่อหยวน*…เหยียนฮุย?*